2025 เป็นเรื่องคาดเดาได้ว่าผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกแบรนด์มีแผนที่จะเปิดตัวรถใหม่ในปี 2025 นี้ แนวคิดและแผนงานที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาไปตามสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ไทม์ไลน์การเปิดตัวเกิดความไม่แน่นอน รถยนต์รุ่นใหม่หลายโมเดลต้องเลื่อนการเปิดผ้าคลุมออกไป เนื่องจากเศรษฐกิจโลกซบเซา อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีที่ผ่านมาก็ประสบกับปัญหาดังกล่าวและสร้างผลกระทบด้วยความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ และด้วยบริษัทจำนวนมากที่ถอนตัวจากการใช้ไฟฟ้า (ยกเว้นจีน) ก็พอจะคาดเดาได้ว่า ในปีนี้ เราจะมีทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดกับปลั๊กอินไฮบริดที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น แม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง BYD ก็ยังเข็นรถยนต์ปลั๊กอินออกมาทำตลาดร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากระยะทางและสถานีชาร์จระยะไกลยังไม่ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ที่ต้องการเดินทางข้ามจังหวัดไกลๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลจากเขตเมือง
รถยนต์ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 ได้แก่ รถยนต์ปิกอัพ Kia Tasman ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ทนทานของ KIA /Ford Ranger PHEV ปลั๊กอินไฮบริด Toyota New Yaris Ative HEV / Toyota New Hilux Travo และ BYD Shark 6 รวมถึง Tesla Model Y รุ่นปรับปรุงใหม่ BMW M5 Touring ใหม่, Porsche 911 ไฮบริด และ Toyota GR Supra Track Edition รุ่นสุดท้าย สำหรับลูกค้ารถหรู มี Audi Q5 ใหม่ RS5 Avant , BMW X3 2025 BMW iX3 2025 MINI Cooper JCW (EV) 2025 และ Mercedes-Benz CLA EV 2025
Audi RS5 Avant Quattro
RS5 Avant Quattro กลายเป็นแวกอนไฮบริดปลั๊กอิน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ + มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 530 แรงม้า ทำให้ Avant ใหม่ในตระกูล RS ไม่มีความยำเกรงต่อสถานะของ BMW M3 Touring แต่อย่างใดทั้งสิ้น พลังซูเปอร์วากอนของ Audi ยังคงอยู่ยั้งยืนยง ด้วยระบบส่งกำลังสมรรถนะสูงและความแม่นยำที่เหนือกว่ารถคู่แข่ง RS5 รุ่นใหม่ เคยถูกพบเห็นขณะวิ่งทดสอบและสไลด์เล่นบน Ring ท่อไอเสียยังลั่นสนั่นคุ้งน้ำเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความดุดัน คาดว่า RS5 Avant ที่เข้ามาแทน RS4 จะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้
BMW Neue Klasse
BMW เปลี่ยนแปลงตัวเอง (เป็นครั้งที่สอง) สำหรับยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า การออกแบบดูดีขึ้น แต่การรุกตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาแพงแบบพิเศษนี้ แบรนด์ตราใบพัดจะทะยานขึ้นไปติดลมบนได้อย่างไร ในจุดที่ Mercedes EQ และ VW I.D. ล้มเหลอย่างสิ้นเชิงด้วยยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งเอาไว้จากการถล่มตลาดของรถไฟฟ้าจีน BMW ต้องสร้างสมดุลระหว่างข้อตำหนิเดิมๆ เกี่ยวกับระยะทางและระยะเวลาในการชาร์จใหม่หมด (เพื่อเทียบเคียงหรือเอาชนะ Tesla และ BYD) ความรู้สึกว่ารถยนต์รุ่นนี้ยังคงเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมนั้น BMW Neue Klasse จะต้องวิ่งได้อย่างน้อยๆ 650 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาในการเติมไฟกระแสตรง DC ได้เร็วกว่า Tesla รวมถึงมันต้องขับได้ดีกว่า BYD (อันนี้ไม่ต้องสืบเพราะไดนามิกส์รถไฟฟ้าจีนยังต้องพัฒนากันอีกเยอะ)
Ferrari EV
Purosangue EV ? ลืมมันไปเถอะ เพราะนั่นคือม้าลำพองที่ขัดแย้งที่สุดเท่าที่เคยมีมา คำถามสำคัญของเหล่าบรรดาแฟนคลับของม้าแดงก็คือ Ferrari จะทำ EV รุ่นแรกออกมาขายในรูปทรงใด และลูดกค้าที่ร่ำรวยจะเลือกมันเพียงเพื่อให้ติดอยู่ในรายชื่อเจ้าของรถเครื่อง V12 หรือไม่ ขอเดาว่าน่าจะเป็น SUV ทรงคูเป้ในรูปลักษณ์ที่เก๋ไก๋ อย่าลืมว่า ไม่มีแบรนด์ใดรู้ความต้องการของลูกค้ามหาเศรษฐีได้ดีเท่า Ferrari แต่ช่วยจูนรถให้ขับได้เหมือนกับ Porsche หน่อยก็ดีเหมือนกัน!
Honda 0 Series Saloon
เตี้ยกว่า เบากว่า ฉลาดกว่า การจุดประกายให้เกิดยานยนต์ตระกูล EV อีกโมเดลหนึ่ง Honda จำเป็นต้องต่อสู้กับคู่แข่งมากความสามารถอย่างรถยนต์ไฟฟ้าจีน ที่แล้วมาในการแข่งขันด้าน EV ค่าย Honda ชัดช้าเสียเวลาจนทำให้เกิดข้อได้เปรียบของรถไฟฟ้าจีนและเกาหลีมากเกินไป การไล่ตามความสำเร็จของแบรนด์คู่แข่งจึงกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที การรวมตัวกับ Nissan ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะช่วยทำให้ Nissan อยู่รอดปลอดภัย ไม่ปลิวหายไปในวงล้อประวัติศาสตร์ แต่ทั้งสองแบรนด์ก็ยังเหนื่อยอยู่ดีเพราะจีนรุกหนักและก้าวหน้าไปไกลลิบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าท่ีมาพร้อมความได้เปรียบในเรื่องของอัตราภาษี ในการแข่งขันด้าน EV ตัวเลขระยะทางการวิ่งที่ระบุมานั้นดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่า Honda จะกำลังเปรียบเทียบระยะทางและประสิทธิภาพกับ EV รุ่นปัจจุบัน... ซึ่งน้อยเกินไป รถ EV ยุคนี้ต้องวิ่งได้อย่างน้อย 600 กิโลเมตร ดังนั้น Honda 0 Series Saloon จึงจำเป็นต้องรีเซ็ต ตัวเองด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่านี้ ก่อนที่จะโผล่ออกมาขาย ระยะทาง 400 กิโลเมตรในยุคนี้สั้นเกินไปทำให้คู่ต่อสู้จากแผ่นดินใหญ่แซงหน้าได้อย่างสบายๆ ไม่ไหวบอกไหว จำใจต้องไป EV ก็ต้องทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ละครับ
Jaguar EV GT
การคิดค้นแบรนด์รถยนต์ด้วยรูปแบบใหม่ที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่เคยมีมาอาจกลายเป็นจุดจบของ Jaguar? แบรนด์เสือกระโดด จะสานต่อจุดสิ้นสุดของรถยนต์รุ่น XE ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบไปสู่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ Bentley ได้อย่างไร ในช่วงเวลาที่ผู้ซื้อรถหรูส่วนใหญ่กำลังหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานไฟฟ้า ยอดขายรถยนต์ราคาแพงของยุโรปในประเทศจีนนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง รถไฟฟ้าสวยๆและขับโคตรดีที่ผลิตในเยอรมันกลับขายไม่ออกในจีน หากผู้บริหารของ TATA ยังคงดื้อดึงที่จะใช้ทรงกล่องขนมปังแทนที่จะสวยงามอ่อนช้อยเหมือน Jaguar ในอดีต รูปลักษณ์ของรถรุ่นใหม่อาจขายไม่ออกเพราะที่ทำออกมาให้เห็นนั้นย่ำแย่อย่างไม่น่าให้อภัย ภายในปี 2030 ตราสัญลักษณ์ของ Jaguar อาจถูกติดไว้บนรถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ของจีนจากการโดนเทคโอเวอร์ก็ได้ ใครจะไปรู้!
Lexus LFR
ไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งสิ้นนอกจากจะต้องทำรถออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ LFR เป็นซูปเปอร์คาร์รุ่นใหม่ ต่อยอดจากรถสปอร์ตเต้าแห่งตำนานอย่าง LFA ซึ่งเอาเครื่องยนต์ V10 ของ F1 มาปรับใช้ สำหรับ LFR ที่ประจำการด้วยเครื่องยนต์ V8 ไบเทอร์โบ ดูพร้อมสำหรับมอเตอร์สปอร์ต แต่จะพร้อมสำหรับลูกค้าหรือไม่ เวลาคือคำตอบ Lexus เคยมีรถสปอร์ตอย่าง RCF และ LC500 ที่ไม่ค้อยจะประสบความสำเร็จเท่าที่ควร Lexus Electrified Sport concept แสดงให้เห็นถึงแนวทางยานยนต์ EV สมรรถนะสูงที่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเงินทุนในการพัฒนาที่เทลงมาแบบไม่อั้น แต่รถแข่ง 'LFR' ที่วิ่งทดสอบบนสนามแข่งอย่างหนักก็น่าที่จะออกมาล้วงกระเป๋ามหาเศรษฐีในเร็ววันนี้
Mercedes AMG 4dr EV
EQ ขายไม่ค่อยจะดี ทำให้สุดท้ายแล้ว Mercedes-Benz จะค่อยๆ เลิกใช้ชื่อนี้ เหมือนกับ G-Wagen รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในขณะที่ C63 ไฮบริดกลายเป็นเรื่องที่ลูกค้าอยากได้เครื่อง V8 มากกว่าเครื่อง 4 สูบ PHEV แต่ Mercedes-Benz ที่ตามหลัง BMW ด้วยตัวเลขยอดขายที่น้อยกว่า ทำให้แบรนด์ตราดาวกกระหายชัยชนะที่นำโดยเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าไฮเปอร์ซาลูน กำลัง 1,000 แรงม้า และน่าจะโผล่ออกมาในเร็ววันนี้ รูปลักษณ์แบบ 4 ประตูที่ปราดเปรียว วิ่งไกลเฉียดๆ 800 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พอๆกับโต๊ะปิงปอง
Porsche 718 Boxster EV
ในที่สุด รถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกก็หันมาใช้แต่ไฟฟ้าเท่านั้น ในขณะที่โลกกำลังเย็นลงด้วยยานยนต์ EV แต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับโหยหารถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณมากกว่าจะขับรถสปอร์ตอีวีแล้วรู้สึกเหมือนกำลังควบคุมหุ่นยนต์ การขับขี่และนั่งในรถเป็นเรื่องโรแมนติก แต่ Porsche จะทำให้คนมีเงินต้องการ Roadster EV ได้อย่างไร ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมของ Porsche นั้นไม่ต้องสงสัย แต่การรับรู้ของสาธารณชนนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจาก Porsche ยืนกรานว่ารถรุ่น Boxster / Cayman จะต้องเป็นรถ EV เท่านั้น จริงๆแล้ว จากยอดขายEV ที่ไม่ได้ดีอย่างทีคิด ทำให้ Porsche อาจออกแบบรถสปอร์ตที่ใช้น้ำมันเบนซินอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อจำหน่ายควบคู่กันหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์
BMW M2 CS
BMW กำลังทำการทดสอบ M2 CS รุ่นใหม่ ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนดันเข้าสู่สายการผลิต ซึ่งหมายความว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัวของ M2 CS เร็วๆนี้ เจ้า Clubsport รุ่นเด็กเล็ก จะมีกำลัง 518 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบ S58 ส่งกำลังด้วยเกียร์ ZF 8 สปีดที่จูนอัตราทดใหม่ ล้อใหญ่ขึ้น และยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การปรับปรุงระบบกันสะเทือนที่แข็งขึ้น เบรกได้ดีขึ้น ภายในที่ใช้ชิ้นส่วนมวลเบา และตัวถังที่ปรับปรุงแอร์โรพาร์ทใหม่เพื่อลดน้ำหนัก
Toyota FJ Cruiser
ผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ Toyota ปล่อยทีเซอร์ของรถออฟโรดรุ่นใหม่น่าตาเข้าท่า ซึ่งอาจไม่ได้ใช้ชื่อ FJ Cruiser เมื่อเปิดตัว แต่เอสยูวีไซล์กะทัดรัดรุ่นใหม่นี้ มีแนวโน้มว่าจะอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ Land Cruiser ทีเซอร์ลึกลับนี้ปรากฏขึ้นระหว่างการเปิดตัว Land Cruiser ปี 2024 ในเดือนสิงหาคม 2023 โดยหยิบยืมสไตล์ของตัวถังมาจาก Compact Cruiser EV มีดีไซน์ที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมและหุ้มวัสดุพวกพลาสติกกันกระแทกรอบคัน มิติตัวรถมีขนาดเล็กกว่า Land Cruiser ไซล?ปกติ และมีระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถน้อยกว่า แต่ชื่อ Cruiser นั้น ต้องเป็นเอสยูวีที่ทนทานและขับได้ดี โดยมีราคาถูกกว่า Land Cruiser ปี 2024 ระบบส่งกำลัง คาดว่า น่าจะประจำการด้วยเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด ขนาด 2.0 ลิตร หรือ 2.5 ลิตร HEV
Mini John Cooper Works 2025
แบรนด์รถเล็กสมรรถนะสูง Mini พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงตอบโจทย์นักขับและเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mini JCW โดยเฉพาะใน Countryman เอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะทดสอบไปเมื่อเร็วๆนี้ ด้วยตัวถังที่ใหญ่กว่า Aceman รุ่นไฟฟ้า รวมถึงรถแฮทช์และเปิดประทุนรุ่นล่าสุดของ Cooper ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้าที่ออกจำหน่ายเมื่อกว่าทศวรรษก่อน สำหรับ Mini John Cooper Works Electric แฮทช์แบ็ก และ Mini John Cooper Works Aceman แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่มีการปรับจูนไดนามิกส์ให้ลอกเลียนแบบฟิลลิ่งของรถโกคาร์ทเหมือนเดิม มอเตอร์ไฟฟ้า 190 กิโลวัตต์/แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่เพลาหน้า เป็นกำลังขับเคลื่อนของ JCW รุ่นไฟฟ้า เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 5.9 วินาที สำหรับรุ่นแฮทช์แบ็ก และ 6.4 วินาทีสำหรับรุ่น Aceman โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม. JCW ทั้งสองรุ่น ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุรวม) ชาร์จเต็มวิ่งไกล 371 กม. ( WLTP) Aceman JCW วิ่งไกล 355 กม. เปรียบเทียบกันแล้ว Cooper SE มอเตอร์ขนาด 160 กิโลวัตต์/แรงบิด 300 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ ความจุ 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที และวิ่งได้ไกล 402 กม. ( WLTP) ในขณะที่ Aceman SE เร่ง 0-100 ใน 7.1 วินาที แต่มีระยะทางวิ่งไกลขึ้นที่ 406 กม.(WLTP) จากมอเตอร์และแบตเตอรี่แบบเดียวกัน พี่น้อง JCW พลังงานไฟฟ้า มีการปรับแต่งช่วงล่างใหม่ ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ Hankook รุ่น Ion Evo R Sport และระบบเบรกสมรรถนะสูง พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงและสีขาวของ JCW.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ข่าวใหม่
ความคิดเห็น