ทส.แก้ไขปัญหาสัตว์ป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์-ลิงล้นเมือง ยุติสงครามช่วงชิงพื้นที่
สงครามช่วงชิงพื้นที่ ระหว่างคนกับสัตว์ป่า
ปัญหาสำคัญของประเทศไทย ณ วันนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งคนและสัตว์ป่า
ปัญหาสัตว์ป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยเฉพาะช้างป่าและกระทิง ตลอดจนปัญหาลิงซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มีจำนวนมากจนขาดการควบคุมให้เหมาะสมและสมดุลกับระบบนิเวศ รวมถึงการจัดการถิ่นที่อยู่อาศัยในเมือง จนออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อการใช้ชีวิตตามปกติสุขของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ร่วมกัน อย่างเช่น ปัญหาช้างป่าที่ออกหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์ ประมาณ 41 แห่งหรือคิดเป็น 22% ของพื้นที่อนุรักษ์ทั้งหมด
ขณะที่ปัญหาลิงล้นเมืองในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเข้าแย่งชิงอาหาร สร้างความเดือดร้อนรำคาญก็หนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงได้กำหนดนโยบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด
“ช้างไทยเป็นสัตว์มงคลที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง และเกี่ยวข้องกับสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันช้างไทยประสบกับสภาวะวิกฤติต่างๆมากมาย ทั้งปัญหาช้างล้นป่าเนื่องจากพื้นที่ป่าของประเทศลดลง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือโรคอุบัติใหม่ในช้าง ดังนั้น ทส.ต้องเร่งแก้ไขและช่วยเหลือ
เพื่ออนุรักษ์ช้างให้อยู่ร่วมกับคนได้อย่างมีความสุข” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาสัตว์ป่า
พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงนโยบายแนวทางในการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 6 ด้าน ประกอบด้วย
1.การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า เช่น การจัดสร้างแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร โป่งแร่ธาตุ ตลอดจนปรับปรุงระบบนิเวศถิ่นอาศัยเพื่อดึงดูดให้ช้างป่าอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
2.การจัดการแนวป้องกันช้างป่า โดยการออกแบบแนวป้องกันช้างป่าให้สามารถป้องกันช้างป่าไม่ให้ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จะก่อสร้างแนวป้องกันช้างป่าตามรูปแบบที่กรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขปัญหาช้างป่า ได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ในพื้นที่ป่าตะวันออก
3.การสนับสนุนชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าและเครือข่ายชุมชน โดยจัดตั้งชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฉพาะและเต็มเวลา โดยปัจจุบันใช้เงินอนุรักษ์สัตว์ป่าและเงินอุทยานแห่งชาติ ในการจัดจ้างราษฎรในพื้นที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวนชุดละ 5 นาย กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งกรมอุทยานฯได้ขอรับการสนับสนุนงบ ประมาณในปี พ.ศ.2567 เพื่อการปฏิบัติงานที่ต่อเนื่อง ตลอดจนได้อุดหนุนเงินสนับสนุนเครือข่ายอาสาเฝ้าระวังช้างป่าภาคประชาชน จำนวน 214 เครือข่าย เครือข่ายละ 50,000 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของประชาชนที่รวมตัวเป็นเครือข่าย ช่วยปฏิบัติงานเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าในพื้นที่ของตนร่วมกับเจ้าหน้าที่
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น