จับ "แดนหัวใจระเบิด" ลวงสาว17 ข่มขืน-ถ่ายคลิป-บังคับเสพกัญชา ขู่ลั่น
รวบ “แดนหัวใจระเบิด” ลวงสาววัย 17 ปี ข่มขืน-ถ่ายคลิปลับ ลั่นไม่กลัว “อากูเป็นตำรวจ พี่กูเป็นทหาร” ค้นบ้าน ผงะ เจอเหยื่อวัย 14 ปี แฟนใหม่ ช็อก เหยื่อโดดป้อง
วันที่ 28 เม.ย.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวบก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล
ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายอัฐษฎา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ แดนหัวใจระเบิด อายุ 19 ปี ภายใน ซ.จริญสนิทวงศ์ 85 แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.352/2567 ลงวันที่ 25 เม.ย.2567
รวบ “แดนหัวใจระเบิด” ลวงสาววัย 17 ปี ข่มขืน-ถ่ายคลิปลับ ลั่นไม่กลัว “อากูเป็นตำรวจ พี่กูเป็นทหาร”
ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้”
สืบเนื่องจากผู้เสียหายอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนเทียน หลังถูกนายอัฐษฎา ล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยก่อนที่จะแอบถ่ายคลิปลับและได้เผยแพร่คลิปลับในโลกโซเชียล แล้วข่มขู่ผู้เสียหายให้กลับมาหาตนเองอีกครั้ง
หลังผู้เสียหายแจ้งความก็ติดตามส่งข้อความข่มขู่ “อากูเป็นตำรวจ พี่กูเป็นทหาร กฎหมายแค่เสียตังค์” พล.ต.ต.ธีรเดช ทราบเรื่องและนำแฟ้มคดีมาตรวจสอบวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ เชื่อว่าไม่น่าได้ก่อเหตุมาเพียงครั้งเดียวอาจจะมีเหยื่อรายอื่น ๆ อีก
จึงส่งชุด พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.สส.3 บก.สส.บช.น. หรือ สารวัตรแจ๊ะ ออกไล่ล่า โดยใช้เวลากว่า 18 ชั่วโมง ชุดสืบสวนลงพื้นที่ลาดตระเวนจนพบเบาะแสว่า คนร้ายจะไปเสพกัญชากับพลพรรคสายเขียวย่านจรัญสนิทวงศ์.
ชุดสืบสวนวางกำลังในพื้นที่จนพบตัวคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากซอย “คนนี้แหละค่ะ” เสียงจากผู้เสียหายยืนยันว่าคือคนร้าย การไล่ล่าบนท้องถนนจึงเกิดขึ้น ชุดสืบสวนขับขี่ไล่ล่าไปถึงบริเวณ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 85 แล้วเกิดไหวตัวทัน หักหัวกลับรถกะทันหันเพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่
จากนั้น สารวัตรแจ๊ะ สั่งชุดสืบสวนขับรถปาดหน้าและเข้าชาร์จจับกุมตัวกลางถนนทันที หลังจับกุมตัวตามหมายจับ คนร้ายได้นำพาชุดสืบสวนไปตรวจค้นบ้านพักทำให้ชุดสืบสวนพบกับเด็กหญิง อายุ 14 ปี ที่ถูกคนร้ายล่อลวงมา
เมื่อชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่า Miss Call ในโทรศัพท์ของเหยื่อวัย 14 ปี มีญาติพยายามติดต่อกับเกือบ 100 สาย ผู้เสียหายคนดังกล่าวยังพยายามที่จะปกป้องคนร้าย โดยอ้างว่าความผิดทุกอย่างอยู่ที่ตนเอง
ชุดสืบสวนรีบติดต่อไปยังผู้ปกครองของผู้เสียหายทำให้ทราบว่า เด็กหญิงรายนี้หลบหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่วันสงกรานต์ปี 67 เมื่อชุดสืบสวนขุดคุ้ยไปอีกก็พบว่า คนร้ายได้ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวไว้จำนวนมาก และยังมีการแชทสนทนาเพื่อขายคลิปลับเหล่านี้อีกด้วย
หลังการตรวจค้นจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช ขยายผลการจับกุมจนทราบว่า ตลอดเวลาที่คนร้ายล่อล่วงเด็กสาวรายนี้มานั้น ได้ลงมือกระทำชำเรา ถ่ายคลิปวีดิโอ และยังบังคับให้เสพกัญชา โชคดีที่ชุดสืบสวนได้ส่งตัวเด็กหญิงวัย 14 ปี รายนี้กลับคืนสู่อ้อมกอดผู้ปกครองอย่างปลอดภัยแล้ว
จากการสอบสวนชั้นจับกุม นายอัฐษฎา ให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา ว่า เรื่องที่เป็นคดีเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนก.พ. 2566 ตอนนั้นตนได้คบกับผู้เสียหายในคดีนี้ อายุ 17 ปี คบหากันได้ประมาณ 9 เดือน ก็ไปมาหากันปกติ
นายอัฐษฎา ให้การต่อว่า จนประมาณเดือนม.ค. 2567 ตนเกิดนอกใจผู้เสียหาย ไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนถูกผู้เสียหายจับได้ ผู้เสียหายจึงขอเลิกกับตน แต่ด้วยความรักที่ตนมีให้ผู้เสียหายทำให้ไม่อยากเลิกคบกัน จึงขู่กับผู้เสียหายว่า ถ้าเลิกกันจะโพสต์รูปโป๊ คลิปโป๊ของผู้เสียหายให้คนอื่นเห็น
นายอัฐษฎา ให้การอีกว่า โดยใช้คำพูดว่า “ถ้ามึงไม่กลับมา กูจะเอารูปโป๊และคลิปโป๊ของมึงไปโพสต์ในทวิตเตอร์ และในเฟซบุ๊ก” แต่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมาคืนดีด้วย ทำให้ตนโกรธมากที่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมา จึงเอารูปโป๊ของผู้เสียหายไปโพสต์ลงในคอมเมนต์เฟซบุ๊กของผู้เสียหาย ให้คนอื่นเห็น เพื่อให้ผู้เสียหายอับอายและยอมกลับมาคืนดีกับตน
นายอัฐษฎา ให้การว่า แต่เมื่อโพสต์ไปแล้วผู้เสียหายได้พาผู้ปกครองเข้าแจ้งความที่สน.บางขุนเทียน ตนโต้ตอบไปแชทผู้เสียหายว่า “กูไม่กลัว ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้หรอก อากูเป็นตำรวจ พี่กูก็เป็นทหาร อย่างมากก็แค่เสียเงิน กูไม่อยากให้เงินผู้หญิงที่เคยโดยข่มขืนแบบมึง”
นายอัฐษฎา ให้การต่อว่า จากนั้นผู้เสียหายจึงดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตนก็ยังไปเยาะเย้ยผู้เสียหายอีกว่า “ตำรวจจับกูไม่ได้หรอก กูไม่อยู่บ้านยังไงตำรวจก็หากูไม่เจอ” ตอนนั้นยอมรับว่าทำไปพูดไปเพราะความโกรธและความคึกคะนอง ไม่มีญาติเป็นตำรวจหรือทหารแต่อย่างใด
ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า เรื่องทั้งหมดตนทำผิดจริง เกิดความสำนึกผิด จึงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนเด็กสาวที่เจ้าหน้าที่พบที่บ้านพักนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนใหม่ของตน เพิ่งเจอกันเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา จากนั้นได้คบหากันเป็นแฟนกันโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองของแฟนตนไม่ทราบ
ผู้ต้องหา ให้การอีกว่า จึงบอกแฟนใหม่ของตนโกหกที่บ้านว่า ปิดเทอมขอไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนผู้หญิง จากนั้นจึงมาอยู่กินกับตนเรื่อยมาตั้งแต่หลังสงกรานต์ โดยไม่ให้แฟนใหม่ของตนรับโทรศัพท์จากผู้ปกครอง เพราะไม่อยากให้ทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อมาเจอแฟนใหม่รู้สึกดีกว่าแฟนเก่าเยอะ ทำให้ลืมแฟนเก่า
นายอัฐษฎา ให้การยืนยันว่า ขอไม่ไปขอคืนดีกับแฟนเก่าอีก เคยทำ 3 คดี คือ 1.ปลายเดือน มี.ค. 67 ได้ก่อเหตุใช้มีดแทงวัยรุ่นที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า 2.ต้นเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุขโมยยาบำรุงเซ็กซ์ในร้านสะดวกซื้อ สาขาซอยพระราม 2 ซอย 20 และ 3.กลางเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุรุมทำร้านนายตู้ ที่เอกชัยซอย 8
ผู้ต้องหา ให้การด้วยว่า ส่วนที่ตนมีฉายาว่า “แดนหัวใจระเบิด” เพราะว่าสักลายรูปหัวใจระเบิดบริเวนหน้าอก แต่ยังสักไม่เสร็จเพราะช่างเกมที่สักให้ถูกสืบนครบาลจับไปเมื่อวันก่อนที่ จ.ภูเก็ต
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น