ไม่จบ คดีสาวเทพริกป่นประชดร้านก๋วยเตี๋ยว เพื่อนซวยโดนตื้บแทน
พริกป่นเป็นเหตุสังเกตได้ สาวหล่อเทเล่นประชดร้านก๋วยเตี๋ยว ไม่พอใจถูกหาว่ากลั่นแกล้ง บังคับให้กินให้หมดเลยเทน้ำใส่แล้วคนเล่น สุดท้ายเพื่อนผู้ชายที่ไปด้วยและเมา โดนตื้บน่วม เรียกค่าทำขวัญ 2 หมื่น แต่ทางร้านยืนยันจะจ่ายแค่ 2 พัน
จากกรณีเรื่องราวการทะเลาะวิวาทของเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เชียงคำ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ลุกลามบานปลายกลายเป็นคดีความทำร้ายร่างกาย เรียกค่าเสียหายหลักหมื่น ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
สืบเนื่องจาก วันที่ 31 ส.ค.66 ช่วงเวลา 02.40 น. นายเดชา จุนผักแว่น อายุ 21 ปี อยู่ ม.2 ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา กับพวกอีก 4 คน ได้เข้าไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน ในพื้นที่บ้านดอนไชย ม.5 ต.หย่วน อ.เชียงคำ หลังจากไปดื่มสังสรรค์ ระหว่างนั้น น.ส.เอิร์น (สาวทอม) อายุ 21 ปี ได้มีปากเสียงกับทางนางแจ๋ว ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เกี่ยวกับพริกป่นที่นำไปเติมในก๋วยเตี๋ยวในปริมาณที่มาก และเมื่อทานน้ำซุปไม่หมด ทางเจ้าของร้านก็ต่อว่าว่าเติมเยอะแล้วก็ทานไม่หมด ฝ่ายสาวทอมจึงโวยวายไปว่า “…ให้เลียถ้วยด้วยไหม…”
หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นต่างก็ช่วยกันตักน้ำซุปในชามทานจนเกือบหมด แต่ นางสาวเอิร์น เกิดความไม่พอใจ ได้นำพริกป่นที่เหลือกว่าครึ่งแก้ว เทใส่ชามก๋วยเตี๋ยวจนหมด แล้ว น.ส.เอิร์น ก็เอาน้ำที่ดื่มมาเทใส่ชามรวมกัน ก่อนจะคนไปมา ลักษณะเป็นการเย้ยฝ่ายร้านก๋วยเตี๋ยว เมื่อทางเจ้าของร้านมาเห็น ได้เดินไปหยิบไม้เบสบอลที่อยู่ในร้านมาที่โต๊ะคู่กรณี พร้อมกับเคาะไปบนโต๊ะ และมีบางจังหวะได้ใช้ไม้เบสบอลตีไปบนหลังนายเดชา แต่ไม่รุนแรง และได้สอบถามว่าใครเป็นคนทำ ทางเจ้าของร้านเองได้ยินเสียงพูดว่า “…รู้ว่าใครทำแต่ไม่บอกเพราะคำตอบอยู่ในใจ…” ซึ่งเป็นเสียงของนายเดชา (ผู้บาดเจ็บ) ทางเจ้าของร้านจึงไม่พอใจ เข้ามาถามนายเดชา และใช้ถ้อยคำไม่ดีประมาณว่า “…มึงไม่ได้สั่งจะเข้ามาหาพ่อมึงเหรอ…” ซึ่งนายเดชาพยายามลุกไปไหว้ขอโทษ แต่ทางนางแจ๋วกลับปัดมือไม่รับไหว้ และบอกให้จ่ายค่าพริกป่นเป็นเงิน 500 บาท ทางนายอนุพงษ์ ศุภศิริกุล อายุ 28 ปี ลูกชายเจ้าของร้านเข้าใจว่าจะเข้ามาทำร้ายแม่ของเขา จึงบุกเข้ามาทำร้ายพร้อมกับพวก ตามคลิปที่ปรากฏออกไป โดยบอกว่ามีชายเสื้อเหลือง ซึ่งไม่มีใครรู้จัก อาจเป็นลูกค้าที่มานั่งทานและทนเห็นพฤติกรรมของวัยรุ่นไม่ได้ จึงเข้าไปทำร้ายนายเดชา(ผู้บาดเจ็บ)ก่อน ตนเองได้ยินเสียงจึงวิ่งออกมาช่วยปกป้องแม่ของตน
ด้าน น.ส.เอิร์น คนต้นเรื่อง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองมาทานที่ร้านนี้เป็นครั้งที่ 2 และเป็นคนชอบทานเผ็ด ก๋วยเตี๋ยวชามที่ปรุงตนก็ทานหมดเหลือแต่แค่น้ำซุป ทางเจ้าของร้านเห็นว่าตนเองใส่พริกป่นเยอะมาก จึงเกิดการต่อว่าเกิดขึ้น ตนรู้สึกไม่พอใจ หลังจากเจ้าของร้านเดินจากไป จึงเทพริกป่นที่เหลือครึ่งแก้วเทลงไปในชามพร้อมกับเติมน้ำเปล่าคนเล่น เพียงแค่ความสะใจ แต่หลังจากนั้นเจ้าของร้านมาเห็นว่าตนเองเทพริกป่นเล่น จึงได้เรียกเงิน 500 บาท เป็นค่าปรับ ซึ่งตนเองก็ยินดีจ่ายค่าปรับจำนวนดังกล่าว แต่เมื่อตกลงจะจ่ายกันจริงๆ ทางเจ้าของร้านบอกให้ปรับเพียง 100 บาทเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ
นายเดชา ผู้บาดเจ็บ เผยว่า ในวันนั้นตนเมาหนักมาก อาจจะพูดอะไรหรือทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่สมควร แต่ที่ตนได้พูดว่า “…รู้ว่าใครทำแต่ไม่บอก เพราะคำตอบอยู่ในใจ…” เพราะรักเพื่อนจึงไม่ได้บอกไป และพยายามยกมือไหว้ขอโทษแล้ว แต่มาถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ บริเวณตาขวามีรอยช้ำเลือดในตา ใต้ขอบตาเป็นแผลแตก เบ้าตาซ้ายมีอาการช้ำบวม ตรงศีรษะใกล้กกหูด้านขวาเป็นรอยแตก ซึ่งตนได้ไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายเบื้องต้นขอใบรับรองแพทย์พร้อมกับไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เหตุการณ์ในวันนั้น มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน แต่กลับมาเป็นผู้ถูกกระทำ คงต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุด
ด้าน นางตุศรีดา ประดับวงศ์ อายุ 45 ปี แม่ของนายเดชา (ผู้บาดเจ็บ) กล่าวว่า ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยต้องให้เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว พร้อมลูกชาย ยอมรับผิดในการกระทำครั้งนี้ และเรียกเงินค่าสินไหมอีก 20,000 บาท (สองหมื่นบาท) เป็นค่าทำขวัญ แต่การตกลงเจรจากันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพร้อมจ่ายเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ซึ่งตนไม่ยอม และจะขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว หากเจรจากันไม่เป็นผล
ขณะที่ นายอนุพงษ์ ลูกชายเจ้าของร้าน กล่าวว่า ทางร้านเองไม่ได้หวงเครื่องปรุงแต่อย่างใด จะใส่ในปริมาณเท่าไรก็ไม่ว่า แต่ขอให้ทานให้หมด อย่ามาทำเป็นของเล่น ซึ่งก่อนหน้าเคยมีลูกค้าที่มีนิสัยชอบเทเครื่องปรุงเล่น ทำแบบนี้บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยจับได้ มาเห็นอีกทีตอนที่มาเก็บถ้วยเป็นชาม ตนก็มีความโกรธและไม่พอใจบ้างเป็นธรรมดา ขอวิงวอนให้เห็นใจทางร้านบ้าง อย่าเอาของกินมาเป็นของเล่น ร้านเองก็มีต้นทุน จะปรุงมากเท่าไรก็ไม่ว่า แต่ขอให้ทานหมดก็พอ
ในส่วนของคดีความ ร.ต.อ.อาคม แก้วหน่อ พนักงานสอบสวน สภ.เชียงคำ เผยว่า เบื้องต้นได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจาแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะผู้เสียหายเรียกเงิน 20,000 บาท แต่คู่กรณีเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวต่อรองจะจ่ายเพียง 2,000 บาท หลังจากนี้จะนัดกันมาตกลงเจรจากันอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีทำร้ายร่างกายจะให้เป็นไปตามกฎหมาย ใครผิดถูกก็จะว่าไปตามนั้น
...
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/north/
ความคิดเห็น