ผู้กำกับ-ดารา “ค็อบเว็บ” ชี้ผลงานสะท้อนอุตสาหกรรมหนัง
ภาพยนตร์ “ค็อบเว็บ” (Cobweb) หรือ “ปริศนา ใยแมงมุม” ผลงานใหม่ของผู้กำกับ คิมจีอุน เตรียมออกสู่สายตาคอหนังทั่วโลกหลังจากเดินสายฉายในตามเทศกาลหนัง และเปิดรอบปฐมทัศน์โลกในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 76 ในฝรั่งเศส เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องราวคือการเล่าแบบ “หนังซ้อนหนัง” ถอยกลับไปในเกาหลียุคทศวรรษ 1970 ที่ศิลปะและความฝันถูกบดบัง ผู้กำกับหนังที่ชื่อ “คิม” ต้องอดทนต่อกระแสโจมตีจากนักวิจารณ์ หลังจากเขาถ่ายทำเรื่อง “ค็อบเว็บ” เสร็จ แต่ดันอยากมีตอนจบอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าตอนจบในฝันนี่แหละจะทำให้หนังขึ้นแท่นชิ้นโบแดง เจ้าตัวเลยพยายามให้มีการถ่ายทำเพิ่ม แต่บทที่ถูกเขียนขึ้นใหม่กลับไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ ดาราก็ไม่เข้าใจบทตอนจบที่เขียนขึ้นใหม่ บวกกับตารางการทำงานที่ยุ่งเหยิง ถูกต่อต้านจากกองเซ็นเซอร์ และความขัดแย้งในฉากจินตนาการของผู้กำกับเอง แถมยังเผชิญความเป็นจริงที่โหดร้าย ทำให้ผู้กำกับคิมรู้สึกว่าตนเองกำลังจะกลายเป็นบ้า แต่ก็กัดฟันสู้ต่อไปเพื่อให้ถึงฝั่งฝัน
ก่อนจะได้ชม “ค็อบเว็บ” ผู้กำกับ คิมจีอุน และเหล่าดารา ได้แก่ ซงคังโฮ, จอนยอบิน, อิมซูจอง, คริสตัล จอง และ โอจองเซ ได้เปิดเวทีสนทนาที่เกาหลีใต้ เชิญสื่อกว่า 60 คนจาก 12 ประเทศ รวมถึง “ไทยรัฐ” ซูมผ่านจอ ถาม-ตอบ ซึ่งเมื่อสื่อถามว่า “ค็อบเว็บ” เล่าเรื่องในโลกการสร้างหนัง การจัดการกับเซ็นเซอร์และความขัดแย้งในหมู่คนทำงาน ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับชีวิตของเขาเอง ซึ่งหนังมีที่มาที่ไปอย่างไร คิมจีอุน ตอบว่า “การระบาดของโควิดทำทุกอย่างหยุดชะงัก อุตสาหกรรมหนังก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่ทำให้ผมมีเวลาไตร่ตรองตัวเอง กำหนดนิยามใหม่ให้กับตัวเองและกำหนดถึงหนังที่อยู่ในใจผมขึ้นมาใหม่ ผมอยากให้หนังเรื่องนี้จุดประกายความรักที่ผู้ชมมีต่อหนังอีกครั้ง”
...
และทำไมถึงเลือกหยิบเอาทศวรรษที่ 1970 มาสร้าง คิมจีอุน เผยว่า “ผมเกิดในยุค 70 เลยคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาก แล้วก็เชื่อว่าถ้าคุณดูภาพยนตร์เกาหลีทุกเรื่องในปัจจุบัน ทั้งหมดบ่งบอกได้ว่ามันมีความคล้ายกับยุค 70 มาก
คิมจีอุน
ถ้าค้นประวัติศาสตร์หนังเกาหลีจะเห็นว่าเราผ่านยุคเรอเนซองซ์หรือยุคฟื้นฟูศิลปะครั้งแรกในทศวรรษ 1960 พอในทศวรรษ 1970 เราก็ถูกเซ็นเซอร์โดยรัฐ มีการบังคับผลิตหนังบางประเภทหรือหนังที่ถูกบีบโดยรัฐบาลอยู่เล็กน้อย แต่เราก็ผ่านช่วงเวลาอันมืดมนมาได้ หากดูตัวเลขเราเคยมีหนังราวๆ 220 เรื่องต่อปี ซึ่งลดลงมากในช่วงทศวรรษ 1970 เหลือราว 100 เรื่องต่อปี ก็คล้ายกับสิ่งที่หนังเกาหลีกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันหลังการระบาดของโควิด”
“แล้วการต้องผ่านช่วงเวลายากลำบาก ผู้กำกับหรือนักสร้างหนังที่อาวุโสกว่าผมล่ะ เป็นยังไงบ้าง... พวกเขาฝ่าฟันช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร พวกเขาประสบความสำเร็จในการนำยุคเฟื่องฟูครั้งที่ 2 มาได้อย่างไร ผมมาคิดถึงสิ่งเหล่านั้นและแปลจิตวิญญาณที่นักสร้างหนังของเรามีในเวลานั้นมาสู่หนัง ‘ค็อบเว็บ’ ของผม”
ซงคังโฮ
จากนั้นไมค์ก็ยื่นไปที่ ซงคังโฮ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบทผู้กำกับหนังในเรื่อง กับคำถามว่ารู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ อะไรคือประเด็นหลักที่เขาให้ความสำคัญในการแสดง รวมถึงคิดว่าจะนั่งเก้าอี้ในฐานะผู้กำกับหนังในสักวันหนึ่งไหม เจ้าตัวตอบว่า “ผมคิดว่ามันไม่สำคัญที่จะมุ่งความสนใจไปที่อาชีพการกำกับหนังอย่างแท้จริง ตัวผมเองได้ใส่ความคิดเพิ่มเกี่ยวกับวิธีการใช้พลังแห่งความปรารถนาที่จะผลักดันออกไปจนจบ ในพื้นที่อันจำกัดที่มีตัวละครต่างๆ มากมาย โดยมีจุดประสงค์เดียวกันและเป้าหมายเดียวกันนั่นคือการทำให้หนังเรื่องนี้จบ ส่วนบทบาทของผู้กำกับในชีวิตจริง ผมคิดว่าเกินความสามารถของตัวเองครับ” เขาหัวเราะและย้ำว่า “ไม่ครับ ผมไม่มีแผนที่จะเป็นผู้กำกับหนังเลยนะ อยู่ในฐานะนักแสดงก็พอแล้ว”
อิมซูจอง
ขณะที่นักแสดงคนอื่นๆก็เห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกันว่าโปรเจกต์ “ค็อบเว็บ” เป็นงานที่ท้าทาย เช่น อิมซูจอง เผยว่า “อ่านบทแล้ว ฉันต้องเล่นบทนี้! บทของนักแสดงมากประสบการณ์แห่งยุค 70 นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้เล่นเป็นนักแสดงในหนังนะ ผู้กำกับคิมอยากให้เราถ่ายทอดโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของดาราเกาหลีในยุค 70 ฉันเลยไปดูหนังเกาหลีเก่าๆ คลาสสิกในยุคนั้นเยอะเลย”
โอจองเซ
ขณะที่ โอจองเซ บอกว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องจริงสำหรับ ‘ค็อบเว็บ’ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโปรเจกต์อื่นๆที่ผมทำอีกด้วย ผมมักเลือกทางที่คนไม่ค่อยไป เลือกเส้นทางที่ยากขึ้น ชอบทำสิ่งใหม่ๆ ก็คิดว่าผู้กำกับคิมจีอุนและผู้กำกับคิมที่เป็นตัวละครในหนัง ทั้งคู่ชอบความท้าทายใหม่ๆ และหนึ่งในความท้าทายใหญ่ๆของผู้กำกับทั้งในโลกจริงและในหนัง คือพวกเขาเลือกผมให้เป็นดาราชายตัวท็อปแห่งยุค 70 ผมว่าเขาต้องใช้ความกล้าอย่างมากๆ” (หัวเราะ)
จอนยอบิน
ส่วนดาราสาว จอนยอบิน ก็พูดในบทบาทของเธอในบทชิน มิโดะ ว่า “มิโดะเหมือนเป็นคนที่แข็งแกร่ง และวิธีที่เธอแสดงออกอาจดูเข้มข้น แต่ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถจับแก่นแท้ของตัวละครนี้ได้”
คริสตัล จอง
ปิดท้ายด้วยสมาชิกวงเอฟเอ็กซ์ วงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังเมื่อหลายปีก่อน คริสตัล จอง เธอตอบ
คำถามที่ส่งมาว่าอะไรท้าทายกว่ากันระหว่างการเป็นนักแสดงหรือนักร้อง เจ้าตัวตอบว่า “ฉันเคยตอบว่าการแสดงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับฉันมากกว่า แต่ขณะที่ฉันไตร่ตรองนั้น ฉันตระหนักว่าฉันไม่สามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้เลยค่ะ”.
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/inter/2733329
ความคิดเห็น