สัมผัสแรก ทดสอบ HYUNDAI ELANTRA N

Hyundai N Brand สร้างพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อเข้าไปสอดแทรกบนเวทีที่ถูกยึดครองโดยแบรนด์รถยนต์มหาอำนาจของยุโรป ย้อนกลับไปในปี 2012 แผนกยานยนต์สมรรถนะสูงของรถยนต์ในแดนกิมจิได้ถือกำเนิดขึ้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกของฮุนไดในเมืองนัมยาง ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายที่จะโมรถแข่งแล้วส่งเข้าสู่สังเวียนมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในรายการ World Rally Championship (WRC) การเปิดตัวรถแนวคิด i20 WRC ในงานปารีสมอเตอร์โชว์ปี 2012 ตามมาด้วยการจัดตั้งบริษัทในเครือ Hyundai Motorsport อย่างเป็นทางการในเมือง Alzenau ประเทศเยอรมนี เพื่อสนับสนุนการเตรียมการของ Hyundai สำหรับการกลับเข้าสู่รายการแรลลี่ชิงแชมป์โลก WRC

ปี 2014 ชื่อแบรนด์ย่อย 'N' ได้รับการเปิดตัวที่งานแฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ เป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถยนต์รุ่นพิเศษที่พัฒนาในบ้านเกิด (เมืองนัมยาง) รวมถึงการปรับไดนามิก โดยใช้สนามแข่งเนือร์บูร์กริงอันโด่งดังในเยอรมนีในการเก็บข้อมูลของรถ N ทุกรุ่น ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ตัวโลโก้ N ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของชิเคนในสนามแข่งรถ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และ DNA มอเตอร์สปอร์ตของแบรนด์ Hyundai

แบรนด์ N เปิดตัวด้วย i30 N ในปี 2016 (2559) เป็นการปูทางสำหรับยานยนต์สมรรถนะสูงรุ่นต่างๆ ที่จะตามออกมาในภายหลัง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์ N ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเปิดตัวรุ่นต่างๆ เช่น Veloster N และ i30 Fastback แ ล่าสุดคือ Elantra N ในปี 2021 และปี 2023

ความมุ่งมั่นของแบรนด์ N ในด้านสมรรถนะ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ แต่ยังขยายไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เฟืองท้ายและระบบกันสะเทือนที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ N Brand ความสำเร็จของแบรนด์ ไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าทางเทคนิคของรถยนต์ แต่ยังเกี่ยวกับผู้คนใน Hyundai ที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วย

ทีมวิศวกรและผู้บริหารคนสำคัญ Albert Biermann ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BMW มานานกว่า 30 ปี และ Klaus Köster อดีตหัวหน้าแผนกของ Mercedes AMG เข้ามารับหน้าที่ใน Hyundai N Brand โดยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิสัยทัศน์ของแบรนด์ N จากความเชี่ยวชาญของทั้งสองคน ทำให้ Hyundai N พัฒนาจากผู้มาใหม่ ไปสู่เครื่องจักรที่น่าเกรงขามในตลาดรถยนต์สมรรถนะสูง

2012
Hyundai ประกาศกลับเข้าสู่ WRC และเปิดตัวรถต้นแบบ i20 WRC ใหม่ ที่งาน Paris Motor Show ในเดือนกันยายน 2012 จากนั้นเพียงสามเดือนหลังจากการประกาศเปิดตัว มีการก่อตั้งแผนก Hyundai Motorsport ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ ในเมือง Alzenau ประเทศเยอรมนี แผนกดังกล่าวถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ Hyundai เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดสำหรับการกระโจนเข้าทำการแข่งขันบนเวทีโลกด้วยรายการใหญ่ WRC

2013
การเปิดตัวเต็มรูปแบบของแบรนด์ N จาก Hyundai เริ่มต้นขึ้นในปีนี้ (2013) หลังจากนั้นมีการเปิดตัวรถต้นแบบ i20 WRC ที่ปรับปรุงใหม่ ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคม 2013 (2556) ตามด้วยการจัดตั้งศูนย์เทคนิคแห่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่ในสนามแข่งเนือร์บูร์กริง หลังจากนั้นมีการเปิดตัวโลโก้แบรนด์ N และรถแรลลี่ที่เข้าร่วมลงทำการแข่งขันในรายการ WRC ปี 2014 ในเดือนธันวาคม 2013

2014
ชัยชนะครั้งแรกในรายการแรลลี่ระดับโลกที่ประเทศเยอรมนี Hyundai Motorsport i20 WRC ขึ้นโพเดียม 4 ครั้ง และจบอันดับที่ 4 ในรายการ WRC ซึ่งนับว่ายอดเยี่ยมมาก ผู้บริหารระดับสูงได้ทำการแต่งตั้ง Albert Biermann วิศวกรของ BMW ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร เมื่อเดือนธันวาคม 2014 (2557) เพียงสิบสองเดือนหลังจากการก่อตั้ง ทีมแข่ง WRC เดินทางมาถึงมอนติคาร์โลเพื่อเปิดตัวการแข่งขันด้วยรถแรลลี่ Hyundai i20 WRC สองคัน หลังจากนั้นในรายการ Rally Germany นักขับ Thierry และ Nicolas ในรถแข่ง i20 คว้าชัยชนะในรายการ WRC นับเป็นการขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกของ Hyundai Motor

2015
เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ N ด้วยยานยนต์แนวคิดประสิทธิภาพสูงของ Hyundai ในงานแฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ด้วยรถต้นแบบ Hyundai N Vision Gran Turismo และรถยนต์ต้นแบบแนวคิด RM 15 ปี 2015 Hyundai N ขึ้นโพเดียม 4 ครั้งและเข้าเส้นชัยในรายการ WRC โดยครองอยู่ในอันดับที่ 3 ประเภทคะแนนรวมเมื่อจบฤดูกาล

2016
Hyundai N เปิดตัว High-Performance Racing Concepts ด้วยรถ RM 16 ที่งาน Busan Motor Show ตามด้วย RN 30 ที่ Paris Motor Show แบรนด์ N ยังประสบความสำเร็จในการแข่งขัน 24 Hours Nürburgring Endurance Race ประจำปี 2016 ด้วยรถแข่ง i30 N Prototype

Hyundai Motor ไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน 24 Hours Nürburgring Endurance Race ปี 2016 ที่ประเทศเยอรมนี แต่ยังประสบความสำเร็จในการขับรถทั้งสองคันของตนไปในเส้นทาง 24 ชั่วโมงสุดทรหด ซึ่งรถแข่งจำนวนมากไม่เคยพิชิตชัยชนะด้วยซ้ำ รถ N สมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ กับเครื่องยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานภายใต้สภาวะที่กดดันและไม่เอื้ออำนวย การที่สาธารณชนได้เห็นประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังในรถ Hyundai i30 N ทำให้เกิดความคาดหวังต่อแบรนด์ที่เริ่มเข้ามาคว้าชัยชนะในรายการแข่งขันระดับโลกหลายรายการ 

2017
N Brand เปิดตัวรถสปอร์ตแฮตช์แบ็ก i30 N รถยนต์สมรรถนะสูงคันแรกของ Hyundai แล้วเพิ่มกิจกรรมการแข่งรถของลูกค้า ด้วยการเปิดตัว i30 N TCR ซึ่งชนะการแข่งขันเป็นครั้งแรก รถ i30 N รุ่นแรกเปิดตัวในยุโรป ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อมวลชนสายยานยนต์ทั้งในยุโรปและอเมริกา นอกเหนือจากความสนใจจากนักขับจำนวนมาก Autocar หนึ่งในสื่อสิ่งพิมพ์ด้านยานยนต์ มอบรางวัล 'Game Changer' ให้กับรถ i30 N Hyundai  i30 N TCR ชนะการแข่งขันครั้งแรกที่สนามแข่งนานาชาติในมลฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอันจัดจ้านของรถ N

2018
Hyundai จัดตั้งแผนกยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตสมรรถนะสูง เพื่อปรับกลยุทธ์ วางแผนผลิตภัณฑ์ การขาย และการตลาด มีการเปิดตัวรถสปอร์ต Veloster N และ i30 Fastback N นอกจากนั้น N Brand ยังขึ้นเป็นผู้นำใน Series- WTCR ปี 2018 ด้วยรถแข่งประสิทธิภาพสูง i30 N TCR 

Veloster N เป็นโมเดล N รุ่นแรกของแบรนด์รถเกาหลี ด้วยยอดขายที่รุดหน้า Veloster N จึงได้รับการโหวตให้เป็นรถยนต์ที่ "น่าซื้อที่สุด" ใน Kelley Blue Book แผนก 'Performance Car' ยกระดับความคาดหวังในตลาดสหรัฐฯ ตามด้วยรถ i30 N TCR ที่สำแดงพลังและเขย่าวงการ FIA World Touring ปี 2018 นักแข่ง Gabriele Tarquini นำทีม i30 N TCR คว้าอันดับที่ 2 และ 4 ในการแข่งขันสุดโหด 24-Hour Nürburgring ปี 2018

2019
N Brand คว้าตำแหน่งแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตในรายการ WRC ตามด้วยการเปิดผ้าคลุมของรถสปอร์ต i30 N Project C รุ่นลิมิเต็ด ปี 2019 ยังเป็นห้วงเวลาที่น่าจดจำของ N Brand ด้วยตำแหน่งชนะเลิศประเภทผู้ผลิตในรายการแรลลี่โลก WRC เป็นครั้งแรก นักแข่ง Norbert Michelisz ขับ i30 N TCR เข้าวินอันดับสองในรายการ FIA WTCR 

2020
N Brand เปิดตัว Veloster N ที่ติดตั้งระบบส่งกำลัง DCT อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 8 สปีด N Brand คว้าตำแหน่งชนะเลิศประเภทผู้ผลิตในรายการ WRC ติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง และการเข้าร่วมการแข่งขันความอึดของรถ ในรายการสุดโหด Nürburgring 24 ชั่วโมง ด้วยรถสปอร์ตซีดาน ELANTRA N TCR & i30 N TCR (TCR คลาส 1 และ 2) Veloster N รุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงระบบส่งกำลัง มาพร้อมระบบเกียร์คลัตช์คู่ N DCT 8 สปีด มอบความบันเทิงได้มากกว่าเดิม ตามด้วยตำแหน่งชนะเลิศประเภทบริษัทผู้ผลิต ในรายการแรลลี่ชิงแชมป์โลก WRC ติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง 

2021
N Brand เปิดตัว รถสปอร์ตแฮตช์แบ็กไซส์กะทัดรัด i20 N ตามด้วยการเปิดตัว All-New Kona N และ Elantra N แรงบันดาลใจจากรถแรลลี่ i20 WRC ทำให้ all-new i20 N เป็นรถเล็กที่ใส่ความสปอร์ตมารอบด้าน สมรรถนะเครื่องยนต์ระดับสุดยอด เทคโนโลยีที่เน้นความสมดุลและไดนามิก ส่วน KONA N มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผู้คนคาดหวังจากรถยนต์ไฟฟ้า การผสมผสานระหว่างความคล่องตัว การเร่งความเร็ว และความสามารถในสนามแข่ง Elantra N กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ดีที่สุดด้วยองค์ประกอบของการปรับปรุงที่ครอบคลุม 
 

2022
Hyundai N Brand เปิดตัวรถต้นแบบ RN22e, รวมถึงตัวจี๊ดพลังงานไฮโดรเจนอย่าง N Vision 74
ชัยชนะ 5 ครั้งใน WRC ปี 2022 ซึ่งเป็นสถิติปีเดียวที่คว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ ส่วนรายการ TCR Hyundai N Brand คว้าแชมป์ 7 รายการ ด้วยชัยชนะ 61 ครั้ง ขึ้นโพเดียมมากถึง 192 ครั้ง และโพลโพสิชั่น 55 ครั้ง

การแข่งขันบนเวทีอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับแบรนด์ N วิศวกรของของ Hyundai ปรับแต่งจนสามารถดึงความรู้สึกของการขับที่หมดจดออกมา นั่นก็คือรถ Elantra N ปี 2024 สมาชิกครอบครัวรุ่นใหม่ล่าสุดของ N Brand ที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปขับทดสอบบนถนนไฮเวย์ของเกาหลีใต้ การสร้างรถสปอร์ตซีดาน Elantra N ยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่แปดของแบรนด์ N เพื่อสร้างความมั่นใจ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอสมรรถนะบนถนนปกติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์สปอร์ต
 

ลืมรูปทรงเชยๆ กับสมรรถนะแบบกลางๆ ของ Hyundai ในยุคก่อนไปได้เลย หากคุณยังไม่เคยขับรถรุ่นใหม่จาก Hyundai ค่ายรถที่มียอดขายสูงสุดติดอันดับโลก ย่อมทำอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว รถ N รุ่นใหม่คันนี้ มาพร้อมกับสีเทา ที่ทำให้มันดูสปอร์ตมากกว่า รวมถึงสีขาวซึ่งเป็นรถขอคุณซอง เจ้าหน้าที่ประสานงานของ Hyundai ที่บินมาคอยอำนวยความสะดวกสำหรับการขับทดสอบบนถนนสาธารณะของเกาหลีใต้ ราคา 2.99 ล้านบาท ดูแพงหากเทียบกับรถคู่แข่ง แต่ Hyundai ไม่ได้มุ่งไปที่การทำตัวเลขยอดขาย Elantra N 2024 เป็นเหมือนทูตเทคโนโลยีของสินค้านำเข้าจากเกาหลีที่มาแนะนำตัว สำหรับงานออกแบบตัวถังมีความเจ๋งอยู่ตรงส่วนหน้าที่คล้ายกับฉลาม หลังคากระจกซันรูฟ ใช้งานได้จริง แต่ไม่เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม มีไว้ติดรถก็ยังดีกว่าไม่มี หลังคามีกลไกการเปิด-ปิดที่รวดเร็ว ในวันที่อากาศดีมันจะสร้างอารมณ์ของการขับ หรือนั่งโดยสารได้เพลิดเพลิน

Elantra N 2024 ใช้รูปลักษณ์จมูกฉลามแบบใหม่ ไฟหน้าที่เรียวเล็กทำให้ส่วนหน้าของรถดุดันขึ้น ฝากระโปรงหน้าเรียบ กระจังหน้าทรงรังผึ้ง โลโก้ Hyundai "H" เปลี่ยนเป็นสีดำ กันชนหน้าส่วนใหญ่ใช้พลาสติกสีดำเงา ชายล่างของกันชนมีเส้นตกแต่งด้วยสีแดง ช่องรับอากาศด้านหน้าออกแบบเชื่อมโยงกับชุดกระจังและกันชนอย่างลงตัว องค์ประกอบที่เป็นมุมฉากเล็กน้อยเพื่อเพิ่มเติมหน้าตาที่ดูเอาจริง

ไฟท้าย ฝากระโปรงหลัง และสปอยเลอร์หลังยังคงเหมือนกับ Elantra N รุ่นปี 2022 แต่ส่วนล่างของกระจังหน้าแตกต่างออกไป กาบบันไดด้านข้างสีแดงขยายไปถึงกันชนหลัง ล้อมรอบเอฟเฟกต์พื้นของรถอย่างกลมกลืนด้วยเฉดสีที่ตัดกัน ส่วนสีดำของแผงด้านหลังเปลี่ยนใหม่หมด เริ่มจากเส้นตรงเล็กๆ ด้านหลังยางหลัง ก่อนที่จะเอียงขึ้นไปบรรจบกับรอยพับตัวถังบริเวณส่วนท้าย แล้วตัดตรงไปยังกันชนหลังด้วยแถบสะท้อนแสงสีแดงใหม่ 2 ชิ้นที่อยู่ด้านล่าง ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังมีความลาดเอียงน้อยกว่า ปลายท่อไอเสียด้านหลังที่ดูใหญ่โตยังเหมือนเดิมทั้งขนาดและตำแหน่ง มิติตัวถัง ยาว 4,676 มิลลิเมตร กว้าง 1,826 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า-หลัง 1,585 /1,580 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 140 มิลลิเมตร หนัก 1,445 กิโลกรัม

Elantra N ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องสองลิตรเทอร์โบมีความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 280 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 8 สปีด N DCT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบรถแข่ง 

Hyundai ได้ปรับแต่งแท่นเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ มีการปรับเปลี่ยนบูชยางกันสะเทือนเพื่อการตอบสนองในด้านการลดอาการโคลงตัวที่ดีขึ้น ปรับแต่งซอฟต์แวร์ของระบบควบคุมเสถียรภาพใหม่ ลบแรงเสียดทานออกจากข้อต่อพวงมาลัยไฟฟ้า (และปรับปรุงกระปุกเกียร์ N DCT) อัปเดตโดยแนะนำให้ลูกค้าที่ซื้อเพิ่มแรงดันลมยางที่ด้านหน้าและหลังขึ้นอีกเล็กน้อย 

Elantra N ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับไดนามิกของรถที่มีความสมดุล ด้วยความหมายของการเป็น 'รถสปอร์ตซีดานสุดฮอตในตลาดอเมริกาเหนือ ยุโรปบางประเทศและออสเตรเลีย รวมถึงในบ้านเกิดอย่างเกาหลีใต้ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง ไปจนถึงขีดความสามารถด้านสมรรถนะที่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดละออ มอบประสบการณ์การขับที่สาแก่ใจขาซิ่ง โดยมีรากฐานมาจากสามเสาหลักของแบรนด์ N นั่นก็คือ : Corner Rascal, Racetrack Capability และ Everyday Sportscar

Elantra N กลายเป็นรถที่อยู่ในกระแสของนักขับ ผู้ที่ชื่นชอบการซิ่งรถอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างกระแสในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย Elantra N รุ่นแรกมีต้นกำเนิดมาจาก Elantra N TCR ในสนามแข่ง โดยคว้าชัยชนะหลายครั้ง เช่น การแข่งขัน Nürburgring 24-hour endurance เป็นเวลาสองปีติดต่อกันในปี 2021 และ 2022 และ WTCR ปี 2022

Hyundai Elantra N ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ทดสอบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจาก Elantra N Cup One Make Racing ถูกนำไปปรับใช้อย่างพิถีพิถันและเหมาะสม เพื่อปรับแต่งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของรถที่ใช้งานจริง ทำให้ Elantra N เป็นรถใช้บนถนนที่มีสายเลือดรถแข่งในสนามแข่ง G-bushing เสริมความแข็งแรง เพื่อให้การหันเหเปลี่ยนทิศทางมีความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้อย่างว่องไว S/ABS ของระบบกันสะเทือนหลัง เปลี่ยนจากยางเป็นยูรีเทน ทำให้ช่วงล่างของรถนิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับโช้คอัพและสปริงที่เซ็ตค่ามาใหม่หมด มีการเสริมด้วยระบบกันสะเทือนควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (ECS) ที่ได้รับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน โดยใช้การปรับแต่งอย่างละเอียดในสนามแข่ง เพื่อการควบคุมตัวถังที่เหนือกว่า

ระบบบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียนไฟฟ้าของ Elantra N ไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอม ข้อมูลจำเพาะของชุดแรคปรับปรุงใหม่ เพื่อให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อมต่อกับถนนได้โดยตรง ข้อต่ออเนกประสงค์ที่มีแรงเสียดทานต่ำในแรคพวงมาลัยช่วยเพิ่มความแม่นยำในการบังคับเลี้ยว ซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมการทำงานของพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้รับการปรับเทียบค่าการตอบสนองใหม่หมด เพื่อให้สอดคล้องกับแชสซีใหม่และการปรับเปลี่ยนรูปแบบของพวงมาลัย แม้แต่แรงดันลมยางยังได้รับการปรับอย่างละเอียด ขณะนี้อยู่ที่ 36/34 psi (2.48/2.34 บาร์) เพิ่มขึ้นจาก 35/33 psi (2.41/2.28 บาร์) เพื่อให้สมดุลกับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นบนเพลาหน้า โดยไม่ส่งผลกระทบโดยรวมต่อการขับเคลื่อน

การปรับปรุงระบบระบายความร้อน ควบคุมการไหลเวียนของอากาศเหนือหม้อน้ำ เพื่อปรับความเร็ว อากาศพลศาสตร์ ฃและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้เหมาะสม ภายใต้สภาวะที่มีอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่อง วิงหลังปรับปรุงอากาศพลศาสตร์ส่วนท้าย สร้างแรงกดตัวถังและช่วยให้ออกจากโค้งได้เร็วขึ้น

ระบบเบรกของ Elantra N ปี 2024 ท่อนำอากาศที่กันชนหน้าซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ต จะส่งอากาศไปยังเบรกโดยตรง เพื่อกระจายความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก มีการปรับปรุงเพิ่มเติมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ พร้อมตัวป้องกันความร้อนบนท่อเบรกหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานของระบบห้ามล้อใน Elantra N

เครื่องยนต์ GDi เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ออกแบบมาสำหรับยานยนต์สปอร์ตตระกูล N โดยเฉพาะ เครื่องยนต์จับคู่กับ เกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด N DCT ให้กำลัง 280 แรงม้า (206 กิโลวัตต์) และแรงบิด 289 ปอนด์-ฟุต (392 นิวตันเมตร) อัตราเร่ง 0-100 ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.)

หลังจากบังเต้ย นิธิ ท้วมประถม เจ้าของเพจ autolifethailand ขับเจ้า N มือแรกออกจากโซลในช่วงสาย มาจนถึงร้านอาหารในเมืองเล็กๆ ในช่วงบ่าย รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ผมเข้ามารับหน้าที่ต่อ กับระยะทางที่เหลืออีกถึง 250 กิโลเมตร กว่าจะถึงโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ติดกับอู่ซ่อมเรือของบริษัท Hyundai การขับบนไฮเวย์ของเกาหลีใต้ ที่อุดมไปด้วยรถใหญ่น้อยนานาชนิดซึ่งวิ่งกันอย่างพลุกพล่าน แต่ก็มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย กฎหมายที่เข้มงวดของทางการเกาหลีรักษาความเป็นระเบียบที่มีแบบแผน ทำให้ปลอดภัยด้วยความเร็วเดินทางไม่เกิน 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเส้นทางจากโซลไปยังสนามแข่งโคเรียน อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ยังเต็มไปด้วยกล้องตรวจจับความเร็วที่ตั้งดักอยู่ทุกๆ 10 กิโลเมตร รวมถึงการวางตำแหน่งรถเมื่อนั่งขับอยู่ที่ตำแหน่งซ้ายมือแล้วไม่คุ้นชิน

อารมณ์ของการนั่งขับพวงมาลัยซ้ายใน Elantra N แตกต่างจากการขับในไทยอย่างสิ้นเชิง มุมมองด้านหน้าและด้านข้างกระจ่างตาด้วยกระจกบังลมบานโต ตำแหน่งของเบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า เป็นรถที่มีท่านั่งที่ลงตัว ความเตี้ยให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถแข่งอยู่บนถนน! เบาะมอบความกระชับจากรูปแบบเบาะสปอร์ต มาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบ ตลอดจนสีสันของหน้าปัดดิจิตอลบ่งบอกให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างรถยนต์ของคนเกาหลีใต้ อุปกรณ์ภายในจัดวางมาดีอยู่ในตำแหน่งที่คนขับเอื้อมถึงทั้งหมด รูปแบบและงานตกแต่งภายในที่ยึดโยงกับมอเตอร์สปอร์ต ยิ่งทำให้ Elantra N น่าขับมากยิ่งขึ้น เบาะสปอร์ตกับท่านั่งที่ต่ำ ให้ความสบายในระดับที่ดี เมื่อต้องนั่งขับกันทั้งวันจากโซลไปสนามแข่งที่อยู่ห่างออกไป 450 กิโลเมตร ระบบปรับอากาศถูกปรับให้ส่งไอร้อนออกมา (ฮีตเตอร์) เนื่องจากอุณหภูมิของเกาหลีในช่วงนี้นั้นหนาวเข้ากระดูก บางวันลดดิ่งลงเหลือ -2 องศา พร้อมกับกระแสลมที่เย็นยะเยือกเหมือนตู้แช่แข็ง นั่นจะทำให้มือและหูของคุณรู้สึกแสบและชาจนแทบจะหลุดออกไปจากร่าง

การเก็บเสียงนั้นทำได้ในระดับที่น่าพอใจ รอยต่อของชิ้นงานพลาสติกภายในห้องโดยสารมีงานประกอบที่ดีคล้ายรถยุโรป ทำให้มันแน่นและไม่มีการขยับตัว เมื่อวิ่งผ่านทางขรุขระแทบจะไม่เกิดเสียงดัง ที่ชอบมากคือขนาดของพวงมาลัยซึ่งเล็กและกระชับ มีสวิตช์ติดตั้งอยู่เต็มไปหมด พวงมาลัยหุ้มหนังแท้รอบวงเล็กยังกับของรถซิ่ง คือสิ่งที่วิศวกรผู้ออกแบบรถรุ่นนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รอบวงที่เล็กยังช่วยให้การเลี้ยวกลับรถ หรือหักซ้ายโยกขวา ไปตามทางโค้งมีความว่องไวแม่นยำอีกด้วย พวงมาลัยมาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ปุ่มควบคุมการขับเคลื่อน ปุ่มสร้างความเร้าใจสีแดงที่ปลดปล่อยเสียงรถแข่งแรงๆ ออกจากท่อท้าย 20 วินาที 

ทุกสิ่งที่แสดงออกใน Elantra N คืองานวิศวกรรมจักรกลยานยนต์ที่ก้าวไกลของเกาหลี ผ่านงานออกแบบที่เข้มข้น การจัดวางกลไกรองรับที่ยอดเยี่ยมของดีไซน์เนอร์และวิศวกรจากยุโรปที่ Hyundai ควักเงินมหาศาลเพื่อดึงเข้ามาร่วมงาน โชว์ให้เห็นถึงความสามารถหากคุณกล้าและมีฝีมือมากพอในการควบคุม รถอย่าง MINI Cooper S - Toyota GR86 หรือแม้แต่ Volkswagen Scirocco R แม้จะมีความเป็นตัวตนและมีเอกลักษณ์ของรถ Coupe อย่างครบครัน แต่ไม่มีรถคู่แข่งแม้แต่คันเดียวในจำนวนสามคันที่จะให้อารมณ์ของการขับเหมือนกับ Elantra N 

เส้นทางช่วงสุดท้าย เป็นทางลาดยางบนไฮเวย์แบบสามช่องทาง เต็มไปด้วยโค้งขึ้น-ลงเนิน ตัดผ่านทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และชายทะเล เมื่อออกนอกเมืองมาไกลลิบ รถร่วมทางเริ่มน้อยลง มีบางช่วงสามารถทำความเร็วสั้นๆ เพื่อจับการตอบสนองของระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และการบังคับทิศทาง ผมต้องคอยระวังโค้งบางจุดบนภูเขาที่ลึกและทอดยาวลัดเลาะริมทะเล สลับกับทางตรงยาวนับ 10 กิโลเมตร ม้า 280 ตัวถูกใช้งานแค่ครึ่งเดียว โหมดการขับก็ปรับไปที่โหมดกลางๆ ประคองพวงมาลัยและใช้คันเร่งให้มีความเหมาะสมกับรถพวงมาลัยซ้ายที่ไม่มีวันจะคุ้นชิน เพื่อหักหัวรถเข้า-ออกโค้งได้แบบไม่ไปสร้างความหวาดเสียวให้กับคนเกาหลีที่ร่วมทางอยู่รอบๆ ตัว

เมื่อลองใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องในช่วงที่พอจะทำได้ เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย ช่วงล่างที่ประกอบขึ้นเป็นเรือนร่างของ Hyundai Elantra N กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว สัมผัสแน่นตึบ ออกแนวแข็งขืนในบางจังหวะที่วิ่งผ่านผิวถนนไม่เรียบ ยางแก้มเตี้ย Pilot Sport 4S ไซล์ 245/35ZR19 กับสปริงที่มีค่า K แบบรถสปอร์ต ให้อารมณ์การซิ่งที่ชัดเจน ระบบอากาศพลศาสตร์ของรถนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี แรงต้านของอากาศเกิดขึ้นไม่มาก จากทรงด้านหน้าที่ออกแนวลิ่มเพรียวบาง เสาหน้าที่มีองศาของความลาดเอียงสมบูรณ์แบบ ยิ่งขับนานเท่าไรความคุ้นเคยจะทำให้รู้สึกชอบ และเริ่มขับมันเร็วขึ้น!

ประเด็นของราคา 2,999,000 บาท จริงๆ แล้ว Hyundai Mobility (thailand) ไม่ได้ต้องการเน้นไปที่ยอดขายซึ่งโดนภาษีนำเข้าซะอ่วมอรทัย แผนงานของบริษัทรถยักษ์ใหญ่แห่งเกาหลีใต้ก็คือ การแนะนำแบรนด์รถสมรรถนะสูง ที่จะมีการเพิ่มความหลากหลายของรุ่นรถในอนาคตอันใกล้ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ Toyota GR86 ที่มีราคา 2.94 ล้าน รวมถึง MINI Cooper S  Hatch LCI 2023 ซึ่งมีค่าตัว 2.9 ล้าน บางสิ่งบางอย่างของ Hyundai Elantra N มีความแตกต่างออกไป วัสดุภายในบางชิ้นส่วนที่จัดวางอย่างเป็นเอกเทศ แต่มีเหตุผลด้านการใช้งาน แต่ถ้าเหมารวมถึงสภาพการขับขี่ควบคุมด้วยแล้ว ทั้ง GR86 และ Cooper S LCI มีการขับที่คล้ายๆ กันในด้านอารมณ์ความสปอร์ต แต่ความแตกต่างอยู่ที่ฟีลลิ่งที่แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสามคันมีดีมีด้อยกันไปคนละจุด ราคา 2,999,000 บาท ของ N ลำใหม่ล่าสุด แลกกลับมาด้วยการควบคุมที่นิ่งดีมาก ปราศจากอาการวอกแวก ทอร์คสเตียร์น้อย รถมั่นคงมากเมื่อขับเร็ว เกิดจากการจูนจนเทียบกับค่าสูงสุดของความสมดุล 2.99 ล้าน คือราคาต้นทุนของเทคโนโลยีที่ใช้ในการวิจัย พัฒนาแล้วประกอบขึ้นเป็นรถทั้งคันที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน เทียบไม่ได้กับการเสียเปรียบด้านอัตราภาษีที่ไม่ได้มีกลไก FTA เหมือนรถไฟฟ้าจีน N Brand ที่เข้าไทย จึงโดนภาษีแบบเต็มข้อ คุณอาจครอบครอง MINI Cooper S หรือ GR86 แม้แต่ BRZ และ MX-5 แต่ถ้าหากได้ลองขับ Hyundai Elantra N บนทางยาวๆ คุณจะแปลกใจว่ามันเป็นรถที่ขับได้ดีแทบจะไม่แตกต่างจากแบรนด์ญี่ปุ่นหรือยุโรป Elantra N เป็นรถที่มีความชัดเจนคันหนึ่งของวงการสปอร์ตซีดาน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองโดยไม่มีการลอกเลียนแบบใครทั้งสิ้น อันนี้ถือว่าเจ๋งมากกับการมีแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจน 

ส่วนผสมของพวงมาลัยและช่วงล่างในรถหน้าฉลามรุ่นนี้ ให้ความแม่นยำไปตลอดทาง บวกกับท่านั่งตำแหน่งซ้าย ขับในช่องทางที่สลับกลับกันอย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้ามกับการขับรถในประเทศไทย เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกเกร็งในบางจังหวะที่เจอกับทางแยก พวงมาลัยไฟฟ้าวงเล็กให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับสปอร์ตคู่แข่ง ส่งถ่ายอารมณ์ของการขับที่สนุกสนานไปตลอดทาง หากเปิดใจให้กว้างและมองอย่างเป็นกลาง อัตราทดของพวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับมาเป็นอย่างดีจนไม่มีข้อตำหนิใดๆ หักไปทางไหนหัวรถก็เลี้ยวไปทางนั้นและตอบสนองได้อย่างแม่นยำ บนทางตรงยาวไม่ต้องคอยประคองกันให้มากเรื่อง เนื่องจากระยะของการหมุนกึ่งกลางถูกปรับมาให้นิ่งและกระชับจนรู้สึกพอดี น้ำหนักที่ความเร็วต่ำเบาสบายมือ ระบบแปรผันน้ำหนักในแรคซึ่งใช้มอเตอร์จะทำงานทันทีที่ความเร็วเพิ่มขึ้น ปรับน้ำหนักไปตามโหมดขับเคลื่อนและความเร็วในขณะนั้น ระบบจะหน่วงให้น้ำหนักมีความพอดีกับความเร็ว ซึ่งทำให้ควบคุมทิศทางได้ง่าย

โดยรวมแล้ว พวงมาลัยของ Elantra N มีค่าของความหนืดที่สูงกว่ารถทั่วไปที่มีขนาดใกล้เคียงกัน การปรับของวิศวกรในขั้นตอนของการทดสอบและพัฒนา ทำให้ได้พวงมาลัยไฟฟ้าที่ส่งถ่ายสัมผัสสูสีรถยุโรปบางรุ่นเลยทีเดียว คันเร่งไฟฟ้าไม่เบาหรือหนัก คล้ายกับคันเร่งของ Honda Civic Type R ด้วยแป้นคันเร่งและแป้นเบรกขนาดใหญ่ ทำจากสแตนเลสสีเงิน น้ำหนักที่พอดีของคันเร่งไม่ได้เบาหวิวจนน่ารำคาญ ทำให้การเติมความเร็วมีความพอดี ตัวถังเล็กดูปราดเปรียวคล่องแคล่ว ทุกครั้งที่เลี้ยวแล้วช่วงล่างต้องเจอกับการถ่ายเทมวล ระบบรองรับให้ฟีลลิ่งแน่นตึบ มันเป็นรถที่ไม่ชอบให้ขับช้า มีเครื่องยนต์ซึ่งถูกออกแบบให้มีคาแรกเตอร์ของรถสปอร์ตแฝงอยู่ เน้นรอบเครื่องตวัดกวาด สู่รอบสูงทันทีที่ลงคันเร่ง เน้นการขับแบบลากรอบในสนามแข่ง แถมยังมีระบบเกียร์ N DCT 8 สปีด อัตราทดชิดที่ว่องไวเหมือนเกียร์รถแข่งอีกด้วย

การทำงานของเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ N DCT 8 สปีด คือสิ่งที่น่าจดจำ ในช่วงความเร็วต่ำเกียร์มีความไหลลื่นเรียบเนียน จากชุด Torque Converter ที่กะทัดรัด แป้นเปลี่ยนอัตราทดหลังแกนพวงมาลัยที่ทำงานได้เร็ว เนื่องจากไม่ต้องการวิ่งเพื่อเน้นหาค่าเฉลี่ยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เกียร์ทำงานได้อย่างใจนึก ทั้งการขับแบบปกติในตำแหน่ง D รวมถึงการมุดไปมาบนตำแหน่งแมนนวลหรือ M แป้น Paddle Shift เมื่อกดใช้งานเกียร์จะเปลี่ยนทันที ไม่มีอาการชงักกระตุกกระชาก สมองกลที่ควบคุมชุดส่งกำลังยังฉลาดพอที่จะรับรู้การใช้คันเร่งของคนขับ คอยสอดส่องดูว่าองศาของคันเร่งจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน บนโค้งซ้ายสลับขวารูปตัวเอสที่อยู่ข้างหน้า ผมลดความเร็วด้วยการใช้เอนจิ้นเบรก โดยกดแป้นเปลี่ยนเกียร์เพื่อลดตำแหน่งลง 1-2 เกียร์ก่อนจะหักพวงมาลัยต้านแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ช่วงกลางโค้ง คันเร่งไฟฟ้าที่ถูกกดและยกสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง กับการควบคุมอัตราทดด้วยนิ้วมือของตัวเอง ซึ่งต้องกดชิฟเกียร์ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา Elantra N ให้ความรู้สึกของชุดส่งกำลังที่เป็นธรรมชาติ คล้ายกับเกียร์ออโต้ S Tronic ของ Audi ความรู้สึกขณะเกียร์เปลี่ยน ไล่จากต่ำไปหาสูง แรงบิดสูงสุดมีมาให้ใช้อย่างเต็มที่ในย่าน 3,000- 5,500 รอบต่อนาที นั่นหมายถึงการที่ผมสามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้รอบเครื่องยนต์ถึงจุดสูงสุดของเกียร์นั้นๆ เกียร์ N DCT มีอัตราทดที่ครอบคลุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อขับช้าในโหมดปกติ 

Hyundai N ก้าวไปอีกขั้น นับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ในปี 2014 การพัฒนาเป็นแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกในเวลาเพียงแค่แปดปีเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง Elantra N 2024 ถือเป็นการเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตซีดานของไทยที่มีคู่แข่งในกลุ่มรถคูเป้ทั้งหมด Hyundai ไม่ได้เน้นให้ตัวเลขยอดขายของ N Brand ในไทยพุ่งกระฉูด เนื่องจากโดนกำแพงภาษีนำเข้ากว่า 300% ทำให้ราคาแพงลิบจนคนไทยไม่เคยได้ขับรถดีในราคาที่เหมาะสมกันซะที ถือเป็นการแนะนำแบรนด์ N เป็นครั้งแรกในไทย ก่อนที่ Ioniq 5 N จะเข้ามาทำตลาดในปี 2024 ชัยชนะหลายครั้งของ Elantra N TCR ในการแข่งขัน TCR China Touring Car Championship บ่งบอกประสิทธิภาพของรถได้ดีกว่าคำโฆษณาอื่นๆ โดยรวมแล้ว Elantra N ปี 2024 แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของรถซีดานขนาดกะทัดรัดแบบสปอร์ตจากแบรนด์ N ของ Hyundai เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์สมรรรถนะสูง การผสมผสานที่มุ่งเน้นศักยภาพ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ Elantra N น่าดึงดูดใจ สำหรับนักขับที่ต้องการสัมผัสความตื่นเต้นบนท้องถนน มีรถ Elantra N 2024 จอดโชว์พร้อมกับการเปิดรับจองอยู่ในบูธของ Hyundai ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 วันนี้ ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2566 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประตูเปิด 12.00-22.00 น.