จากกลิ่นควันคลุ้ง Coldplay กฎหมายสายเขียวถูกชงเข้า ครม. หรือวันสิ้นสุดเสรีกัญชากำลังจะมาถึง?
วันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ เกิดดราม่าในคอนเสิร์ต Coldplay เมื่อผู้ร่วมคอนเสิร์ตหลายคนออกมาวิจารณ์ถึงปัญหาที่พบเจอในคอนเสิร์ต ซึ่งปัญหาใหญ่สุดและเป็นปรากฏการณ์เจอได้แค่ที่ไทยคือ ควันกัญชา ที่สร้างความรำคาญให้ผู้ชมหลายคน
A นามสมมติ หนึ่งในผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ต Coldplay เล่าถึงบรรยากาศคอนเสิร์ตว่า ก่อนที่คนจะเข้าเต็มคอนเสิร์ตตอนแรกก็สนุกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พอคนเริ่มเข้ามาเต็มและได้กลิ่นกัญชา ความสนุกก็หายไปเกือบครึ่งเหลือเพียง 60 เปอร์เซ็นต์
“ตอนที่ได้กลิ่น ทำให้ไม่สามารถเอ็นจอย มันทำลายบรรยากาศส่วนร่วม ทำให้ไม่สนุก เป็นมลภาวะทางกลิ่น เหมือนนั่งมอไซค์ตามรถเมล์สีแดงคันเก่าๆ”
ทั้งนี้ก่อนวันจัดคอนเสิร์ตก็มีการโพสต์ข้อความรณรงค์ในโซเชียลให้งดสูบบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ กัญชา ในพื้นที่คอนเสิร์ต แต่จากการสอบถามผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตพบว่ามีผู้สูบกัญชาในงานคอนเสิร์ตเป็นจำนวนมาก
เมื่อย้อนกลับไปดูข้อห้ามคอนเสิร์ตนี้มีเพียงห้ามสูบบุหรี่ขณะดูการแสดง การนำกัญชามาสูบระหว่างการชมการแสดงจึงดูเหมือนจะไม่ผิดกฎของงานคอนเสิร์ต และสามารถสูบได้ภายใต้การปลดล็อกกัญชาของไทยที่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการออกกฎหมายควบคุมได้
ซึ่งเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนช่องโหว่ทางกฎหมายที่ยังไม่มีมาตรการควบคุมการสูบเหมือนบุหรี่ ที่มีข้อห้ามชัดเจน และบางงานจัดพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ไว้โดยเฉพาะ ซึ่งเข้าใจได้ว่า กฎการควบคุมของการจัดงานคอนเสิร์ต Coldplay หรือการแสดงอื่นๆ ก็อาจยังตามไม่เท่าทันความเสรีแบบล้นๆ ของกัญชาบ้านเราเช่นกัน
สถานการณ์กัญชาในปัจจุบัน
หากถามว่าสถานะปัจจุบันของกัญชาเป็นยาเสพติดหรือไม่นั้น ปัจจุบัน กัญชาไม่เป็นยาเสพติด โดยมีสถานะเป็นพืชสมุนไพรควบคุม ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ยกเว้นเพียงสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่ยังคงจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2565
ทั้งนี้มื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 มีการระบุถึง สาร THC ที่เป็นสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงที่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 30,000 มิลลิกรัม หรือในกรณีที่เป็นของเหลวมีปริมาตรสุทธิไม่เกิน 30 มิลลิลิตร
ภายหลังจากกระแสดราม่ากัญชาในงานคอนเสิร์ต Coldplay นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าขณะนี้กฎหมายกัญชาที่ยกร่างขึ้นมาใหม่เสร็จแล้ว และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในสัปดาห์หน้า เนื้อหาของกฎหมายคือให้กัญชาสามารถใช้เพื่อการแพทย์ และสุขภาพ
ต่อมา ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยื่นหนังสือเสนอถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกประกาศกระทรวงกำหนดช่อดอกและสารสกัดจากพืชกัญชา ให้เป็นยาเสพติดให้โทษในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมพืชกัญชา
การทำหนังสือเสนอครั้งนี้ ทวี ให้เหตุผลว่าเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในระยะยาว โดยเฉพาะเพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชน เนื่องจากกัญชามีการซื้อขายกันง่าย ทำให้สถติเด็กเยาวชนใช้กัญชาสูงขึ้นกว่า 10 เท่า และยังมีปัญหานักท่องเที่ยว นำผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาติดตัวไปต่างประเทศแล้วโดนดำเนินคดี เพราะไม่มีประเทศที่ให้กัญชาหลุดจากยาเสพติด แม้แต่ประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ
ด้านนายแพทย์ชลน่าน ยังไม่ได้แสดงความเห็นต่อการยื่นเรื่องเสนอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะออกประกาศกระทรวงต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถ้า ป.ป.ส.มีมติมาอย่างไรต้องทำตามอย่างนั้น
นายแพทย์ชลน่านย้ำว่าตัวเองไม่มีสิทธิ หากจะแก้ไขเรื่องนี้ ทาง ป.ป.ส.ต้องประชุมหารือ และมีมติออกมาก่อน ไม่ใช่มาบอกให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 มีการระบุถึงกัญชาว่า สาร THC ที่เป็นสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงที่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 30,000 มิลลิกรัม หรือในกรณีที่เป็นของเหลวมีปริมาตรสุทธิไม่เกิน 30 มิลลิลิตร หากพบในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนดดังต่อไปนี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
ร่างกฎหมายควบคุมกัญชา กัญชง ชลน่าน ศรีแก้ว
ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... ที่นายแพทย์ชลน่านจะเสนอเข้าต่อที่ประชุม ครม. วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ เป็นร่างที่ผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นหาก ครม.เห็นชอบ ร่างดังกล่าวก็จะถูกส่งเรื่องให้ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อคลอดกฎหมายต่อไป
สำหรับการเปิดรับฟังความคิดเห็นเริ่มจากหลักการและเหตุผลมีผู้เห็นด้วย 55.4 เปอร์เซ็นต์
“โดยที่กัญชาและกัญชงเป็นพืชที่มิได้ถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ประชาชนอาจสามารถครอบครอง บริโภค และใช้กัญชาและกัญชงได้อย่าง แพร่หลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามกัญชาและกัญชงเป็นพืชที่มีประโยชน์ในทางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งมีมูลค่าในทางเศรษฐกิจ จึงสมควรกำหนดให้มีมาตรการในการควบคุม กำกับและดูแลการนำกัญชาและกัญชงไปใช้ในทางที่เหมาะสม ตลอดจนส่งเสริมให้มีการพัฒนากัญชาและกัญชงเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุด รวมทั้งกำหนดให้มีระบบคณะกรรมการเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการควบคุมและส่งเสริมการใช้กัญชาและกัญชง จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้”
ทั้งนี้มีหลายมาตราที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเปอร์เซ็นต์ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก มาตราที่สำคัญว่าจากการรับฟังเสียงไม่เห็นด้วยมากกว่าอยู่ที่ หมวด 8 การคุ้มครองบุคคลซึ่งอาจได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชา กัญชง หรือสารสกัด และการป้องกันการใช้กัญชา กัญชง หรือสารสกัดในทางที่ผิด มาตรา 41-มาตรา 48 ที่ไม่เห็นด้วย 55.3 เปอร์เซ็นต์
สารระสำคัญจะเป็นเกี่ยวกับข้อห้ามต่างๆ ได้แก่
- ห้ามขาย คนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีให้นมบุตร และบุคคลตามที่รัฐมนตรีกำหนดตามความเห็นชอบของคณะกรรมการ
- ห้ามโฆษณา หรือทำการสื่อสารการตลาดเกี่ยวกับช่อดอกหรือยางของกัญชา กัญชง หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการสูบ
- ห้ามขายเพื่อสันทนาการ
- ห้ามขายโดยใช้เครื่องจำหน่าย หรือจำหน่ายโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์
- ห้ามแจก แถม ให้ แลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่น หรือให้บริการ หรือ เร่ขาย
- ห้ามแสดงราคา ณ จุดจำหน่ายที่มีข้อความในลักษณะจูงใจเกี่ยวกับกัญชา กัญชง หรือสารสกัด
- ห้ามขายอาหารที่มีกัญชา กัญชง หรือสารสกัด เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบ ในสถานศึกษา
- ห้ามบริโภคกัญชา กัญชง หรือสารสกัดเพื่อการสันทนาการ
- ห้ามจูงใจ ชักนำ ยุงยง ส่งเสริม ให้ผู้อื่นบริโภคหรือใช้กัญชา กัญชง
- ห้ามขับขี่ขณะมึนเมา
บทกำหนดโทษ ก็มีถึง 55.2 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เห็นด้วย สาระสำคัญ
- ฝ่าฝืนจำหน่ายให้กับบุคคลห้ามจำหน่าย จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เพาะปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เกิน 5 ไร่ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เพาะปลูกเกิน 5 ไร่ หรือผลิต ส่งออก หรือจำหน่าย โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- นำเข้า โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- นำเข้าและส่งออกโดยไม่ขออนุญาต ปรับครั้งละ 5,000 บาท
อัตราค่าธรรมเนียม ไม่เห็นด้วยถึง 58.2 เปอร์เซ็นต์
- ใบอนุญาตเพาะปลูกกัญชาหรือกัญชง ฉบับละ 50,000 บาท
- ใบอนุญาตผลิตกัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 50,000 บาท
- ใบอนุญาตนำเข้ากัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 100,000 บาท
- ใบอนุญาตส่งออกกัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 10,000 บาท
- ใบอนุญาตนำเข้าเฉพาะคราว กัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 20,000 บาท
- ใบอนุญาตส่งออกเฉพาะคราว กัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 2,000 บาท
- ใบอนุญาตจำหน่ายกัญชา กัญชง หรือสารสกัด ฉบับละ 5,000 บาท
- การต่ออายุใบอนุญาต ครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตนั้น
คงต้องรอดูร่างกฎหมายควบคุมกัญชากัญชงที่นายแพทย์ชลน่าน จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.จะมีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหรือไม่ แต่หากพิเคราะห์ตามร่างดังกล่าวแล้ว ข้อห้ามต่างๆ นี้จะทำให้ไม่สามารถใช้กัญชาอย่างเสรีเหมือนในปัจจุบัน อีกทั้งจะส่งผลกระทบถึงผู้ประกอบการร้านขายที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
และอีกด่านที่สำคัญคือรัฐสภา เพราะไม่ได้มีเพียงร่างของทางคณะรัฐมนตรีเพียงร่างเดียว แต่พรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคปลดล็อกกัญชาเสรี และเป็นพรรคที่เคยมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. …. แต่สุดท้ายก็ถูกตีตกในการพิจารณาของสภาฯ โดยมีพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาลขณะนั้น เป็นผู้นำในการไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.นี้ และนอกจากพรรคภูมิใจไทย ยังมีอีกหลายพรรคที่จับตาดูในเรื่องนี้
แต่จากที่นายแพทย์ชลน่านเลือกที่จะดำเนินเรื่องต่อตามขั้นตอนไม่ได้เร่งให้มีการประกาศกระทรวงนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดในทันที อนาคตของกัญชาไทยอาจไม่ได้กลับมาเป็นยาเสพติดประเภท 5 แต่อาจจะถูกห้ามในรูปแบบอื่น และที่ห้ามอย่างแน่นอนคือห้ามใช้เพื่อสันทนาการ ภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตที่มีกลิ่นกัญชาอาจจะไม่มีให้พบแห่งอีกแล้ว
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น