กัมพูชาโต้ข้อกล่าวหา บังคับขู่เข็ญชาวบ้านย้ายออกจากพื้นที่ใกล้นครวัด
"แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล" เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาใช้วิธีบังคับข่มขู่ชาวบ้านหลายพันครัวเรือนให้ย้ายออกไปจากพื้นที่ชุมชนใกล้นครวัด ขณะที่รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าไม่เป็นความจริง
เว็บไซต์ข่าว BBC รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 องค์การสอดส่องด้านสิทธิมนุษยชน "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล" (Amnesty International) เผยแพร่รายงานล่าสุดที่ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ใช้วิธีการบังคับข่มขู่ชาวบ้านหลายพันครัวเรือนให้ย้ายออกไปจากพื้นที่ชุมชนใกล้นครวัด โบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
รายงานฉบับนี้ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการใช้วิธีข่มขู่ และดำเนินการทางกฎหมายให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ในแหล่งชุมชนใหม่ที่อยู่ห่างไกลออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร โดยพบว่าบริษัท "อัปสรา เนชั่นแนล" ที่บริหารจัดการพื้นที่บริเวณนครวัด ได้อ้างชื่อยูเนสโก บังคับชาวบ้านให้ย้ายออกไป
รายงานข่าวอ้างอิงคำเปิดเผยของชาวบ้านรายหนึ่งที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชาบอกว่า ยูเนสโก สั่งให้ชาวบ้านย้ายออกไป ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อสถานะการเป็นมรดกโลกของนครวัด โดยจนถึงตอนนี้มีชาวบ้านอย่างน้อย 7 รายที่อาศัยอยู่รอบนครวัดถูกฟ้องโดยบริษัทอัปสรา ในข้อหาขัดขวางการทำงานของสาธารณะ
ทางด้าน นายเพ็น โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของแอมเนสตี้ ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าการที่ชาวบ้าน 10,000 ครอบครัวย้ายถิ่นฐานออกจากเขตใกล้นครวัดเป็นความสมัครใจของชาวบ้านเอง และเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของยูเนสโกที่ห้ามมีสิ่งปลูกสร้าง หรือผู้คนอาศัยอยู่ในพื้นมรดกโลกที่นี้
อย่างไรก็ตาม ยูเนสโก ระบุว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีข้อกำหนด หรือไม่มีส่วนในการสนับสนุนให้กวาดต้อนชาวบ้านออกไปจากเขตใกล้นครวัด พร้อมแสดงความกังวลต่อมาตรการของกัมพูชา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาบังคับใช้มาตรการที่ถูกต้อง.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น