“...เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือนพีระมิด มีพระมหากษัตริย์อยู่บนยอดและมีประชาชนอยู่ข้างล่าง แต่สำหรับประเทศไทยแล้วดูเหมือนทุกอย่างจะตรงกันข้าม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปวดคอและบริเวณไหล่อยู่เสมอ…”
พระราชดำรัสดังกล่าวของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คงพอสะท้อนได้ดีถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่ทรงเคยละทิ้งประชาชน
“ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ก็คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง”...นับเป็นพระราชดำรัสที่บ่งบอกถึงความเป็น “พระมหากษัตริย์ผู้ครองใจปวงชน” ความสุขของพระองค์หาใช่การประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตโอ่อ่า รายล้อมด้วยข้าราชบริพาร หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ การได้อยู่ท่ามกลางประชาชน
เป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทยยามที่เห็นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯเยี่ยมเยือนประชาชน พร้อมกล้องและแผนที่คู่พระราชหฤทัย เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของพสกนิกรให้อยู่ดีกินดีขึ้น ทรงเข้าถึงพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศ แม้แต่บนยอดดอยสูง หรือกระทั่งถิ่นทุรกันดารที่รถยนต์เข้าไม่ถึง เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรของพระองค์ ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนให้สามารถพึ่งตนเองได้ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืนแท้จริง
“การเป็นพระเจ้าแผ่นดินนั้น ต้องเป็นตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาหยุดได้” ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 7 ทศวรรษ นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองแผ่นดิน “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ทรงงานอย่างหนักและตรากตรำพระวรกายมายาวนาน เพื่อต่อสู้กับความยากจน และสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ โดยได้พระราชทานพระราชดำริและโครงการพัฒนาไว้มากกว่า 4,350 โครงการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี กินดี มีสุขภาพอนามัยแข็งแรง มีการศึกษา มีอาชีพมั่นคง และดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี นับเป็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนให้ปวงชนชาวไทย
“...เวลานี้เราทุกคนมีภาระสำคัญรออยู่ ที่จะต้องร่วมมือกันเสริมสร้างความเป็นปกติเรียบร้อยให้แก่บ้านเมือง เพื่อให้ประชาราษฎร์ชาติภูมิมีความผาสุกสงบ ภาระทั้งนี้มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ หากเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกฝ่ายทุกคนที่จะต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำให้พรักพร้อม และสอดคล้องเกื้อกูลกัน โดยมีจุดมุ่งหมายและอุดมคติร่วมกัน ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำความคิด จิตใจให้หนักแน่นแน่วแน่ และเที่ยงตรงเสมอเหมือนกัน ที่จะร่วมมือร่วมคิดกัน ให้เต็มกำลังความสามารถและสติปัญญา ด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจ และด้วยความสามัคคี ปรองดอง โดยยึดเอาประโยชน์ยั่งยืนยิ่งใหญ่ คือความมั่นคงผาสุกของบ้านเมืองเป็นเป้าหมายสูงสุด...” พระราชดำรัสดังกล่าวของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” ในการเสด็จออกมหาสมาคม งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ตอกย้ำถึงพระราชปณิธานแน่วแน่ในการทุ่มเททรงงานหนักอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนของพระองค์ โดยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้เสด็จฯไปทรงงานพัฒนาราษฎรทั่วทุกถิ่นของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ ทรงวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการพระราชทาน “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ
ทรงถือเป็นต้นแบบของ “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม” ทรงปฏิบัติพระองค์ดังพระปฐมบรมราชโองการ ที่ได้พระราชทานในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อีกทั้งทรงพระวิริยะอุตสาหะทุ่มเทกำลังพระวรกายและพระราชทรัพย์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น ดังพระราช ดำรัสว่า “...ขาดทุนคือกำไร (Our loss is our gain)...” ซึ่งทรงขยายความว่า การลงทุนทำโครงการเพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนนับเป็นมูลค่าเงินไม่ได้ สิ่งที่ได้คือคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและประเทศชาติได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภาพพระราชกรณียกิจที่ปรากฏแก่สายตาประชาชนทั้งในและนอกประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าทรงเป็น “พระมหากษัตริย์นักพัฒนาผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก” ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการเป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์แก่อาณาประชาราษฎร์ ทรงเป็นพระมิ่งขวัญและหลักยึดเหนี่ยวของพสกนิกรชาวไทย แม้เสด็จสวรรคตล่วงมาจนปัจจุบัน เหล่าพสกนิกรยังคงคำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณเสมอมาไม่เสื่อมคลาย
การได้ใกล้ชิดกับประชาชน รู้จักกับพสกนิกรของพระองค์ รู้จักกับแผ่นดินของพระองค์ในทุกตารางนิ้ว ด้วยก้าวพระบาททั้งสองที่ลงสำรวจไปทั่วทุกอาณาเขตในราชอาณาจักรไทย คือความสุขของ “พ่อ” ความสุขที่ได้เห็นความอิ่มท้องของ “ราษฎร” ความสุขที่ได้วางรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน และเสริมสร้างเสถียรภาพของชาติบ้านเมือง.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น