< รายการ

ล้มล้างปกครอง แก้ "112" เชือดก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัด ทำลายสถาบัน ชงยุบพรรค (คลิป)

M
Admin
2024.04.12
ชอบ 0
มุมมอง304
ความคิดเห็น 0

ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ เชือด “พิธา-พรรคก้าวไกล” ชงแก้ไข กฎหมาย ม.112 เป็นการกระทำล้มล้างการปกครองฯ ซัดเจตนาแยกสถาบันฯพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทย เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ลดสถานะความคุ้มครองสถาบันฯ ทำให้กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน เฉ่งใช้ความชอบธรรมซ่อนเร้น เซาะกร่อนบ่อนทำลาย หวังผลคะแนนเสียง สั่งเข้มให้เลิกกระทำ ห้ามพูด พิมพ์ เขียน โฆษณาผลักดัน ยกเลิก ม.112 “ชัยธวัช-พิธา” แถลงโต้ไร้เจตนาบ่อน ทำลาย ติงคำวินิจฉัยคลุมเครือ ยิ่งเพิ่มปมขัดแย้ง กระทบอนาคตประชาธิปไตยไทย ก่อปัญหาดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันฯ กระทบความสัมพันธ์ ทางอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญกับฝ่ายนิติบัญญัติ “ธีรยุทธ-เรืองไกร” ลงดาบสองยื่นร้อง ยุบพรรค ก.ก. ศาลสั่งจำคุก “มายด์” ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง โทษจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการกระทำ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น และพรรค ก.ก. เสนอแก้ไขประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ศาล รธน.ชี้ขาด ก.ก.ล้มล้างการปกครอง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ขอให้วินิจฉัยการกระทำ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรค ก.ก. ขณะนั้น ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรค ก.ก. ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคง ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ บรรยากาศรอบอาคาร A ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนายพิธาไม่ได้เดินทางมา ฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองเหมือนครั้งการพิจารณาคดีหุ้นไอทีวีเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนนายธีรยุทธผู้ร้องเดินทางมาฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญ

เจตนาแยกสถาบันฯ กับความเป็นชาติ

ต่อมาเวลา 14.14 น. องค์คณะตุลาการศาล รัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 มีความมุ่งหมายคุ้มครองมิให้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพ ส่งผลบั่นทอนทำลายหลัก การพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ สั่นคลอนคติรากฐานของ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขของไทย ที่ดำรงอยู่ให้เสื่อมทรามหรือต้องสิ้นสลายไป จึงบัญญัติให้มีกลไกปกป้องจาก การถูกบั่นทอนบ่อนทำลาย โดยการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ที่เกินขอบเขตของบุคคล หรือพรรค การเมืองไว้ การที่ผู้ถูกร้องที่ 1 และ สส.พรรคผู้ถูกร้อง ที่ 2 รวม 44 คน เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา แก้ไขความผิดเกี่ยวกับหมิ่นประมาท ยื่นประธานสภาฯเมื่อ 25 มี.ค.64 มีเนื้อหาแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 112 จากเดิมเป็นหมวด 1 ลักษณะ 1 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ให้เป็น 1/2 เป็นหมวดความผิด พระเกียรติพระมหากษัตริย์ ที่ผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอให้มาตรา 112 ออกจากลักษณะ ที่ 1 กระทำมุ่งหวังให้ความผิดมาตรา 112 เป็นความผิด ที่ไม่มีความสำคัญ ไม่ให้ถือว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกต่อไป เจตนามุ่งหมายแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

ฉะลดสถานะความคุ้มครองสถาบันฯ

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 กับพวก เสนอเพิ่มบทบัญญัติ ผู้กระทำผิดพิสูจน์เหตุ ยกเว้นผิด ยกเว้นโทษ ตามร่างกฎหมายดังกล่าว มาตรา 6 ให้เพิ่มมาตรา 135/7 ว่า ผู้ใดติชม แสดง ความเห็น แสดงข้อความโดยสุจริต รักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข เพื่อดำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อ ประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นความผิด เพิ่มความ มาตรา 135/9 วรรคหนึ่ง ว่า เป็นความผิดยอมความได้ และวรรคสอง ให้สำนักพระราชวังร้องทุกข์ และถือว่า เป็นผู้เสียหาย ในความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติพระมหา กษัตริย์นั้น และให้สำนักพระราชวังในฐานะผู้เสียหายร้องทุกข์ มุ่งหมายให้การกระทำผิด ตามมาตรา 112 กลายเป็นความผิดในเรื่องส่วนพระองค์ของสถาบันฯ เป็นการลดสถานะความคุ้มครองของสถาบันฯ ให้รัฐ ไม่ต้องเป็นผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวโดยตรง และให้ สถาบันฯเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน จะขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ส่งผลให้การกระทำผิด มาตรา 112 ไม่ใช่การกระทำผิดที่กระทบต่อชาติ และประชาชน

เซาะกร่อนบ่อนทำลายหวังคะแนนเสียง

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกว่า ผู้ถูกร้องทั้ง 2 อาศัยกระบวนการทางนิติบัญญัติ อาศัยความชอบธรรม ซ่อนเร้นผ่านสภาฯ เป็นการใช้นโยบายพรรค โดยนำ สถาบันฯ หวังผลคะแนนเสียง และประโยชน์ในการชนะเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันฯ อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้ง กับประชาชน การที่ผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอแก้ไข มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรคหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ เป็นเหตุให้ สถาบันฯชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง เป็นเหตุให้นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น ส่วน ข้อโต้แย้งผู้ถูกร้องที่ 2 ที่อ้างหลักการเสรีประชาธิปไตย โดย สส.เป็นผู้แทนประชาชนขับเคลื่อนนโยบายหาเสียงไว้ และการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายของ สส. เป็นการกระทำในฐานะผู้แทนฯ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 133 วรรคหนึ่ง (2) ไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติพรรคนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การเสนอร่างแก้ไขฯ เมื่อ 24 มี.ค. 2564 กลับดำเนินการ โดย สส.สังกัดพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 ทั้งสิ้น ทั้งผู้ถูกร้อง ทั้ง 2 เบิกความต่อศาล ยอมรับว่า พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 นำเสนอนโยบายแก้ไข มาตรา 112 ให้แก่ กกต.เพื่อใช้ เป็นนโยบายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง สส.2566 และปัจจุบันยังคงปรากฏนโยบายบนเว็บไซต์พรรค ก.ก.

ลูกพรรคยัน หน.พฤติกรรมหมิ่นกราวรูด

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกว่าปรากฏพฤติการณ์ของพรรคผู้ถูกร้องทั้ง 2 พบว่า มีกลุ่มบุคคลมีชื่อทำกิจกรรมยืน หยุด ขัง มีข้อเรียกร้องให้ทุกพรรคเสนอนโยบายยกเลิก มาตรา 112 มีกลุ่มบุคคล ปัจจุบันเป็น สส. สังกัดพรรค ก.ก.จัดชุมนุมโดยแนวร่วมคณะ ราษฎร ยกเลิกมาตรา 112 มีการรณรงค์ให้ยกเลิก หรือแก้ไข มาตรา 112 มีพฤติการณ์สนับสนุนเรียกร้อง ยกเลิกมาตรา 112 โดยโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมนายประกัน ผู้ต้องหาหรือจำเลยตามข้อหา 112 ได้แก่ ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายชัยธวัช ตุลาธน นายรังสิมันต์ โรม น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายทองแดง เบ็ญจะปัก น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ในขณะที่ เป็นหรือเป็นอดีต สส.พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 ปรากฏว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 กก.บห. สส.ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และสมาชิกพรรค ก.ก. มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลายราย

“พิธา” เคยหย่อนสติกเกอร์หนุนเลิก ม.112

“โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2566 พรรค ก.ก. จัดกิจกรรมปราศรัยใหญ่ ณ สวนสาธารณะ เทศบาลนครแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ ขึ้นเวทีปราศรัย เชิญชวนผู้ถูกร้องที่ 1 และว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรค ก.ก. ร่วมกิจกรรม คุณคิดว่ามาตรา 112 ควรยกเลิกหรือแก้ไข โดยผู้ถูกร้องที่ 1 นำสติกเกอร์สีแดงปิดลงในช่องยกเลิกมาตรา 112 แม้ผู้ถูกร้องที่ 1 โต้แย้ง เบิกความว่า เป็นเพียงการแสดงออกเพื่อโน้มน้าวให้ ผู้ตั้งกระทู้ และผู้ฟังปราศรัยทั่วไป สงบสติอารมณ์ก่อนปราศรัยเหตุผลสมควรแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ และเป็นการบริหารสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏในหนังสือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ปราศรัยความตอนหนึ่งว่า พี่น้องประชาชน เสนอกฎหมายยกเลิก ม.112 เข้ามา พรรค ก.ก.จะสนับสนุนเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นต้องขอโทษน้องทั้ง 2 คน พี่ต้องแก้ไข ม.112 ในสภาฯก่อน ถ้ายังไม่ได้แก้ ก้าวไกลจะออกไปสู้ด้วยกันครับ แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้ถูกร้องที่ 1 อันเป็นหัวหน้าพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 ขณะนั้น สนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญวางบรรทัดฐานระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงสถานะเหนือการเมือง เป็นกลาง การกระทำใดๆ ทั้งส่งเสริมหรือทำลาย สูญเสียสถานะเป็นกลาง หรือเหนือการเมือง ย่อมเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม เข้าลักษณะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ปล่อยให้ทำต่อไปคงไม่ไกลล้มล้างฯ

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แม้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 โต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 มีองค์ประกอบของการกระทำอันเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้นั้น ต้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพก็ตาม แต่ทั้งนี้การใช้เสรีภาพต้องไม่ขัดต่อความสงบ ศีลธรรมอันดี หรือไม่ละเมิดเสรีภาพบุคคลอื่น โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 และมาตรา 34 กำหนดกรอบการใช้สิทธิเสรีภาพ สอดคล้องกติการะหว่างประเทศไว้ 3 ข้อ 1.ต้องไม่กระทบความมั่นคงปลอดภัยต่อชาติ 2.ต้องไม่กระทบความสงบเรียบร้อย 3.ต้องไม่กระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 2 มีพฤติการณ์ใช้เสรีภาพความเห็นเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยซ่อนเร้น หรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค แม้เหตุการณ์คำร้องผ่านพ้นไปแล้ว แต่การดำเนินการรณรงค์ให้ยกเลิก หรือแก้ไขมาตรา 112 มีลักษณะดำเนินการต่อเนื่อง เป็นขบวนการใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม จัดกิจกรรม รณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เสนอร่างกฎหมายต่อสภาฯ การใช้นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง หากปล่อยให้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 กระทำต่อไป ย่อมไม่ไกลเกินเหตุในการล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 2 จึงเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ 49 วรรคหนึ่ง โดยวรรคสองให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

สั่งห้ามพูด พิมพ์ โฆษณาให้ยกเลิก 112

ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 2 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 เลิกการกระทำ แสดงความเห็น การพูด การเขียนการพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้ยกเลิกมาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 และ พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 74 ทั้งนี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีผู้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่การวิจารณ์คำวินิจฉัยโดยไม่สุจริต และใช้ถ้อยคำหรือมีความหมายหยาบคายเสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย จะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 38 วรรคท้าย มีโทษทั้งตักเตือน จำคุก หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท

ร่ำไห้ศาลชี้ล้มล้างการปกครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยเสร็จ บรรดากองเชียร์พรรคก้าวไกลที่มาติดตามให้กำลังใจ และรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เมื่อทราบผลว่านายพิธาและพรรค ก.ก.มีนโยบายและใช้สิทธิเสรีภาพเสนอแก้ไขมาตรา 112 ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่างก็พากันร้องไห้ มีสีหน้าที่เศร้าสร้อย ก่อนที่จะแยกเดินทางกลับไป

ศปปส.ดีใจไม่เสียแรงป้องสถาบัน

ขณะที่กลุ่มศูนย์รวมประชาชนเพื่อปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่มารอฟังคำวินิจฉัยเช่นกันได้แสดงอาการดีใจ พร้อมกับชูนิ้วมือขึ้น โดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส.ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ ศปปส.มาให้กำลังใจนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ ผู้ร้อง และติดตามการหาเสียงของพรรคก้าวไกลมาตลอด เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็ดีใจ พร้อมกับพวกเราที่เดินหน้าปกป้องสถาบัน เราไม่เสียแรงเปล่า ไม่เสียของ ส่วนผู้ที่ต้องการแก้ไขมาตรา 112 หรือเสนอกฎหมายนิรโทษ กรรม ศปปส.และกลุ่มปกป้องสถาบันหลายๆกลุ่มจะเคลื่อนไหวตอบโต้ด้วยการแจ้งความดำเนินการทางกฎหมาย การตอบโต้ด้วยกระบวนการกฎหมายคือ การตอบโต้ที่ดีที่สุด

 

“ชัยธวัช” โต้ไร้เจตนาบ่อนทำลาย

ที่รัฐสภา คณะของ สส.พรรคก้าวไกล ทยอยเดินทางไปรวมตัวกันที่ห้อง 607 ในเวลา 14.00 น. เพื่อร่วมรับฟังการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่อนุญาตสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในห้องดังกล่าว กระทั่งเวลา 16.20 น. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลร่วมแถลงถึงท่าทีต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายชัยธวัชแถลงว่า หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าศาลจะวินิจฉัยว่าการกระทำพรรค ก.ก.ถือว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อการล้มล้างการปกครอง แต่พรรค ก.ก.ขอยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติแต่อย่างใด

กังวลกระทบการเมืองไทยระยะยาว

“นอกจากนี้เรายังกังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาว เช่น อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจกระทบต่อความเข้าใจและการให้ความหมายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งหลักการสำคัญของระบอบการเมืองไม่มีความชัดเจน สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีตทั้งในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือในสมัยระบอบประชาธิปไตย อาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต” นายชัยธวัชกล่าว

ห่วงตีความคลุมเครือ เพิ่มปมขัดแย้ง

นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า อีกทั้งอาจจะกระทบต่อเรื่องสำคัญอีก เช่น การตีความว่าอะไรคือการล้มล้างการปกครอง อาจจะเกิดปัญหาที่พวกเราเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนไม่ตรงกัน มีความคลุมเครือทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเจตนา รวมไปถึงอาจจะก่อให้เกิดปัญหาดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบบการเมืองไทยในอนาคตอาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้ง หรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันในสังคมในอนาคต สุดท้ายคำวินิจฉัยในวันนี้อาจส่งผลกระทบให้ประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น พรรคขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้พวกเราตลอด แต่อย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยจะไม่ได้กระทบต่อพรรค ก.ก.เท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรค ก.ก. แต่เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ด้อมส้มบุกสภาฯแห่ให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายชัยธวัชแถลงข่าวท่าทีของพรรค ก.ก.ในภาคภาษาไทยเสร็จสิ้น นายพิธาได้แถลงท่าทีของพรรคในภาคภาษาอังกฤษต่อสื่อมวลชนต่างชาติที่มารอทำข่าวนี้เป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ที่รัฐสภามีมวลชนพรรคก้าวไกล เดินทางมายังห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา เพื่อดักรอให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาคอยยืนสังเกตการณ์และถ่ายรูปกลุ่มมวลชน สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มแฟนคลับ มีการต่อ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาว่า พวกตนแค่มาให้กำลังใจนายพิธาไม่มีอาวุธอะไร มีแค่ป้ายธรรมดา แต่กลับถูกถ่ายรูป กระทั่งเวลา 18.00 น. นายพิธาลงมาพบกับกลุ่มมวลชนที่ห้องโถงชั้น 1 โดยกลุ่มมวลชนได้ตะโกนให้กำลัง “นายกฯพิธา นายกฯของประชาชน ไม่ว่าเขาจะแขวนคุณไว้ตรงไหนเราก็รักและศรัทธาคุณ” โดยนายพิธาได้เซ็นหมวกและรูปให้กลุ่มมวลชนพร้อมกล่าวว่า ยังคงมุ่งมั่นทำให้ประชาชน ทุกสถานการณ์ยังมีแนวทางแก้ไข กำลังใจยังดี ค่อยๆแก้ปัญหากันไป หากไม่มีสติจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

รอคำวินิจฉัยตั้งหลักสู้ยกสอง

จากนั้นนายชัยธวัชและนายพิธา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแนวทางการต่อสู้ของพรรค ต้องรอคำวินิจฉัยโดยละเอียดอีกครั้ง แต่ไม่ประมาททางกฎหมาย คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถโต้แย้งได้ ไม่ได้กังวลอะไร เมื่อถามว่าหากมีการร้องให้มีการยุบพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้ขั้นตอนต่อไป รอเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ฉบับเต็ม เพื่อเตรียมรับมือทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้

เมื่อถามย้ำว่าคำวินิจฉัยระบุพฤติกรรมคนในพรรค 3 ข้อ เช่น การลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 การประกันตัวกลุ่มผู้ชุมนุม ยอมรับพฤติกรรมนี้จริงหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตรงนี้เป็นปัญหาที่เรากังวลต่อคำวินิจฉัยที่ระบุ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจน แน่นอนในหลักเกณฑ์ ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในเจตนา ยกตัวอย่างเช่น การบอกว่ามี สส.ของพรรค ก.ก.ไปประกันตัวให้ผู้ถูกกล่าวหาคดี 112 ถือเอามาเป็นองค์ประกอบว่าเรามีเจตนาล้มล้างการปกครอง มันมีปัญหาใช่หรือไม่ รัฐธรรมนูญระบุ ว่าหลักที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนไม่ว่าจะถูกกล่าวหาข้อหาอะไร ต้องมองไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ หากเป็นเช่นนี้ทำให้ขัดกัน การประกันตัวผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหาไม่ว่าจะข้อหาใดเป็นการใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมของบุคคลทุกคน กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ยกเว้นว่าถ้าถูกแจ้งข้อหานี้ต้องถือเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์หรือห้ามประกันตัว หรือใครมาเกี่ยวข้องจะถือว่ามีความผิดไปด้วย

อะไรล้มล้างหรือไม่ปัญหาใหญ่อนาคต

“คำถามคือ ถ้าอย่างนั้นที่วินิจฉัยให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาในการกระทำผิดมาตรา 112 ถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการล้มล้างการปกครองไปด้วยหรือไม่ แต่เมื่อคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่อาจจะส่งผลกระทบในหลักเกณฑ์ในการตีความ ความชัดเจนและความไม่ชัดเจนแน่นอนในการใช้กฎหมาย ซึ่งเราก็ไม่รู้ข้อจริงเหล่านี้นำมาร้อยรัดกันโดยนำมาใช้ตีความโดยเจตนาแล้วแต่ใครจะตีความได้เลย แบบนี้ก็จะเป็นปัญหาในการตีความในอนาคต แล้วแบบนี้ขอบเขตชัดเจนแน่นอนในการบอกว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ อะไรคือการล้มล้างหรือไม่ล้มล้าง จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตแน่นอน” นายชัยธวัชกล่าว

ชี้คำพิพากษาสร้าง 2 ปมปัญหา

นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ตอนนี้เป็นปัญหาในคำสั่งของตุลาการมี 2 เรื่องคือ 1.สั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด เขียน พิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีการอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ประเด็นว่าหลังจากนี้พรรค ก.ก.ต้องห้ามพูดเรื่องมาตรา 112 อย่างสิ้นเชิงหรือไม่ พูดได้อย่างเดียวถ้าหากมีการสนับสนุนให้มีการเพิ่มโทษ 112 เท่านั้นหรือไม่ นี่ยังไม่รวมถึงสื่อมวลชน นักวิชาการ ที่จะแสดงความคิดเห็นต่อมาตรา 112 ไม่ได้ด้วยหรือไม่ หรือแสดงแบบไหนถือว่าผิด หรือสมมติว่าบทบัญญัติ มาตรา 112 ควรจะปรับปรุงอาจถูกตีความว่ามีเจตนาเพื่อนำไปสู่การล้มล้าง เป็นปัญหาของความชัดเจนแน่นอน 2.ที่ระบุว่าไม่ให้แก้มาตรา 112 ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ตรงนี้ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร จึงต้องดูคำวินิจฉัยโดยละเอียด อาจทำให้เกิดปัญหา ไม่นับว่าหากมีการเสนอกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญสามารถเข้ามาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องรอให้ผ่านวาระที่ 3 ก่อนใช่หรือไม่

ดักคอ 44 สส.ชงแก้ ม.112 ไม่ควรถูกฟัน

เมื่อถามถึงกรณีมี สส. 44 คน ที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้มาตรา 112 อาจถูกลงโทษร้ายแรงถึงขั้นตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเรื่องใหญ่กว่าการถูกยุบพรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แน่นอนว่าการเมืองใดๆ หลังจากนี้ที่เกินสมควรยืนยันว่าจะทำให้ประเด็นสถาบันฯกลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งของการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น พรรคมีเจตนาจะยุติและลดการนำประเด็นสถาบันฯมาเป็นความขัดแย้งในสังคมไทย เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อเสนอของ สส.ก้าวไกลเสนอด้วยเจตนาเช่นนี้ คือไม่ทำให้มาตรา 112 กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำร้ายซึ่งกันและกัน ไม่เปิดช่องให้ใครผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับตัวเอง และอาศัยความจงรักภักดีนั้นเสาะหาผลประโยชน์ส่วนตัว ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในวันนี้ ยืนยันไม่ได้มีเจตนาอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

โวยพรรคโหนสถาบันเซาะกร่อนไหม

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ส่วนความคิดเห็นกรณีที่พรรคการเมืองอื่นมีการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ด้วยเช่นกัน ต้องถามว่าถ้าศาลบอกว่าการมี นโยบายการหาเสียงเรื่องแก้มาตรา 112 เป็นการลดสถานะของพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง ให้มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนผ่านการเลือกตั้ง คำถามคือพรรคการเมืองที่รณรงค์หาเสียงว่าตัวเองเป็นผู้จงรักภักดี หรือโจมตีพรรคอื่นว่ามีเจตนาเป็นลบต่อสถาบันฯ หรือมีการขึ้นรูปพระราชวงศ์ในเวทีหาเสียง ถือว่าเป็นการลดทอนและเซาะกร่อนบ่อนทำลายทำให้พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เป็นกลางทางการเมืองหรือไม่ เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเสนอกฎหมายฉบับอื่นด้วยหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ยอมรับว่าสิ่งนี้เป็นความน่ากังวล เนื่องจากการตีความที่ดูเหมือนไม่มีขอบเขตในหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนอาจถูกตีความว่าแม้กระทั่งกรณีนิรโทษกรรมให้ผู้ถูกดำเนินคดี หรือผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 มีนัยซ่อนเร้นล้มล้างการปกครองก็ได้ ทั้งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ได้กระทบต่อการปกครองหรือล้มล้างการปกครอง

ย้ำคำวินิจฉัยไม่ชัดเจนรอรับมือนักร้อง

นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ตามบทบัญญัติกฎหมาย มีการละเว้นในส่วนความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัย ร.5 จนถึง พ.ศ.2499 มีบทยกเว้นความผิดในบทนี้ไม่ได้มีปัญหาใด แต่ปัจจุบันถูกวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง อนาคตไม่รู้จะมีคำวินิจฉัยแบบไหนอีก เป็นตัวอย่างของปัญหาที่ทำให้ความเข้าใจในการให้ความหมายร่วมกันไม่มีความชัดเจนแน่นอน และอาจทำให้เกิดปัญหา เมื่อถามอีกว่าจะมีโอกาสถอยเรื่องมาตรา 112 ในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ร่างกฎหมายส่งไปแล้วเป็นเรื่องของสภาฯ สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯจะเป็นข้อยุติที่พวกเรายอมรับร่วมกันได้ เมื่อถามย้ำว่านายเรืองไกรลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จะเดินทางไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรคนั้น นายชัยธวัชและนายพิธา ประสานเสียงพร้อมกันว่า เดี๋ยวดูคำร้อง

 

“ทิม” ย้ำบริสุทธิ์ใจไม่แบ่งแยกสถาบันฯ

ขณะที่นายพิธากล่าวย้ำว่า ยืนยันเจตนามีความบริสุทธิ์ใจไม่มีวาระซ่อนเร้น และไม่มีความตั้งใจที่จะแยกสถาบันฯออกจากความมั่นคงของชาติในลักษณะแบบนั้น ส่วนความกังวล 2-3 เรื่อง คือความกังวลในนิยามของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความกังวลเรื่องขอบเขตระหว่างนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และความกังวลเรื่องเกี่ยวกับการวินิจฉัยด้วยอะไรที่ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเยอะ ที่อาจมีเรื่องเจตนา การจินตนาการต่างๆนานา ถ้าลงรายละเอียดไปจะเป็นเรื่องสำคัญๆทางนิติรัฐ นิติธรรม เช่น การสันนิษฐานเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน สิทธิในการเข้าถึงการประกันตัว สิทธิรวมตัว เพื่อเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในสังคม ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย

โยงเรื่องใหญ่ผูกพันอนาคต ปชต.

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของตัวเองคนเดียว ไม่ใช่เรื่องชะตากรรมของพรรคก้าวไกลอย่างเดียว เป็นเรื่องสุขภาพ เป็นเรื่องอนาคตของระบอบประชา ธิปไตยในประเทศไทยเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเสียดาย เรามีโอกาสที่จะออกจากความขัดแย้ง ที่อาจมีคนนำเอาสถาบันฯมาอยู่ในความขัดแย้ง แล้วใช้รัฐสภานี้ที่ไม่มีใครสามารถผูกขาดความคิดได้ว่าควรจะเป็นลักษณะไหน แล้วหานิยามร่วมกัน ตอนนี้เป็นนิยามที่ออกมาจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เป็นสิ่งที่จะต้องดูรายละเอียด แล้วกลับมาหาด้วยกันอีกที เพื่อเดินหน้ากันต่อ”นายพิธากล่าว เมื่อถามอีกว่าได้คุยกับ สส.ของพรรค 150 คน เห็นคำวินิจฉัยของศาลแล้ว มีใครที่จะสละเรือหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ดูจากรอยยิ้มทุกคน ทุกคนยิ้มหมด แสดงว่ายังอยู่ต่อ

“ธนาธร” ย้ำ สส.แก้กฎหมายได้

ก่อนหน้านี้ ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีความคาดหวัง เชื่อว่าพรรค ก.ก.ไม่ถูกยุบ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะไปถึงจุดนั้น อยากให้สังคมกลับมาตั้งหลักเรื่องนี้ให้มั่นคง กฎหมายไม่ได้เป็นแฟกซ์ของพระเจ้า แต่ร่างด้วยมือมนุษย์ต้องแก้ไขได้ เป็นหลักการพื้นฐาน หาก สส.ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขกฎหมายไม่ได้ คงมีอะไรไม่ปกติในประเทศนี้ ส่วนคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญอาจเป็นบรรทัดฐานให้การแก้ไขมาตรา 112 ยากขึ้น อยากให้กลับมายืนในหลักการมั่นๆ ยืนยันฝ่ายนิติบัญญัติแก้กฎหมายได้

คู่กรณีก้าวไกลจ่อร้องต่อดาบสอง

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอดีตพระพุทธะอิสระกล่าวว่า จะขอกลับไปทบทวนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาก่อน ก่อนจะพิจารณาว่าจะดำเนินการใดๆต่อไป ส่วนที่ตนยังมีคำร้องอีกฉบับที่ได้ยื่นไว้ต่อ กกต.เกี่ยวกับนโยบายในคดีดังกล่าวแล้ว เคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่านโยบายนี้เป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป จะไปพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีออกมาก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อไป คาดว่าภายในวันที่ 1 ก.พ.น่ามีแนวทางที่ชัดเจน

“เรืองไกร” ร่วมวงซ้ำยื่นยุบพรรค

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลัง ประชารัฐ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.พ. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรค ก.ก. เพราะก่อนหน้านี้เคยไปยื่นร้องต่อ กกต.ให้ยุบพรรค ก.ก. มาแล้ว 2 รอบ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. และ 30 มิ.ย.66 กรณีพรรค ก.ก.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ตอนนั้น กกต.บอกว่า ยังไม่เข้าเงื่อนไขยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ล่าสุดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค ก.ก. เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงถือว่าเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ระบุถึงการกระทำล้มล้างการปกครองฯที่เข้าเงื่อนไขการยุบพรรค กกต.ต้องรับเรื่องไปพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จะต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน เพราะมีคำวินิจฉัย กกต.เป็นหลักฐานชัดแล้ว ยืนยันไม่มีสั่งให้มาขยายผลยุบพรรค ก.ก.

“อนุสรณ์” แนะอย่าดึงสถาบันคลุกฝุ่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือห้ามยกเลิกมาตรา 112 และห้ามแก้ไข โดยมิใช่กระบวนการนิติบัญญัติปกติ ถือเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกพรรคว่า ถ้าจะทำกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 หรือแก้ไขโดยมิใช่กระบวนการปกติไม่สามารถทำได้ เป็นเรื่องหลักเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ควรแตะต้องสถาบันในทางหนึ่งทางใด ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการบ่อนเซาะสถาบันและล้มล้างการปกครอง เราเข้าใจว่าพรรคการเมืองมีสิทธิเสรีภาพนำเสนอนโยบาย แต่เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว การออกนโยบายเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงด้วยมาตรา 112 จะไม่สามารถทำได้ และทุกพรรคต้องไปศึกษาตีความคำวินิจฉัยให้ชัดเจน เพื่อให้การทำนโยบายชอบด้วยกฎหมาย เราเห็นใจเข้าใจพรรค ก.ก.ที่คิดนโยบายนำเสนอเรื่องประชาธิปไตย แต่หลังจากนี้การคิดเสนอนโยบายเพื่อการเลือกตั้งในทุกระดับในอนาคตต้องไปเสนอเรื่องอื่น อย่าดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองอีก

สื่อนอกมองเปิดประตูปูทางยุบ ก.ก.

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยคดีการหาเสียงเสนอแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง พร้อมสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยตั้งข้อสังเกตว่า แม้ศาลไม่ได้มีคำสั่งตัดสินลงโทษ หรือยุบพรรคก้าวไกล แต่อาจมีความพยายามใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิทางการเมืองของหัวหน้าพรรค เนื่องด้วยจุดยืนที่มีต่อมาตรา 112

 

“เศรษฐา” ลาป่วยหวัดใหญ่ 2 วัน

สำหรับความเคลื่อนไหวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว. คลัง หลังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ล่าสุดนายเศรษฐาได้แจ้งลาป่วย 2 วัน วันที่ 31 ม.ค. และวันที่ 1 ก.พ.ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยพักรักษาอาการป่วยอยู่ที่บ้านพัก ซอยสุขุมวิท 16 ทั้งนี้ หากวันที่ 1 ก.พ.อาการดีขึ้น นายกฯจะทำงานผ่านระบบซูมจากที่บ้านเพื่อติดตามงาน ขณะที่วันที่ 3-4 ก.พ.นายกฯมีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ทั้งนี้ ถือเป็นการลาป่วยครั้งแรกของนายกฯ โดยภารกิจนายกฯวันที่ 31 ม.ค.ได้มอบหมายให้รองนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่แทน

มอบ “สมศักดิ์” พบเยาวชนใต้

ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกฯ ต้อนรับนายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่นำตัวแทนเด็กและเยาวชนในโครงการเยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน รุ่นที่ 8 จาก3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ารับโอวาท โดยนายสมศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า นายกฯไม่สบายเลยมอบหมายให้มาแทน เหมือนเป็นลุงมาพบหลานๆ ตำแหน่งที่ลุงดำรงอยู่ใกล้ชิดกับหลานๆมากเพราะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ภาคใต้มีด่านการค้าชายแดนหลายแห่ง หากเหตุความไม่สงบลดลงไปการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น การค้าชายแดนจะดีขึ้น ตอนนี้มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหลือเพียง 19 อำเภอ และนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงไปใช้แทนในพื้นที่ที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยากให้ผู้ที่เคยก่อเหตุกลับเนื้อกลับตัวเข้าสู่กระบวนการอบรบตามมาตรการของรัฐ ที่ผ่านมานายกฯไปพบกับผู้นำมาเลเซียหลายครั้ง ระดับนโยบายจับมือกันใกล้ชิด เราต้องชนะด้วยระบบเศรษฐกิจ การศึกษา การรับรู้ ความอบอุ่น สังคมพหุวัฒนธรรม นายกฯทุ่มเทไป จ.ภูเก็ตหลายครั้ง ไปประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง นายกฯไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทำงานเต็มกำลังความสามารถ

ปลื้มเด็กๆตะโกนขอให้หายไวๆ

จากนั้นนายสมศักดิ์ได้ร่วมถ่ายภาพหมู่กับเยาวชนในโครงการบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยพากันตะโกนให้กำลังใจนายกฯว่า “ขอให้นายกฯ หายไวๆ” ต่อมาเวลา 15.40 น. นายเศรษฐาได้ทวีตคลิปเยาวชนไทยหัวใจเดียวกันที่ตะโกนอวยพร “ขอให้นายกฯหายไวๆ” พร้อมข้อความผ่าน X ขอบคุณเยาวชนจาก 3 จังหวัดภาคใต้ที่ส่งกำลังใจให้หายป่วยไวๆว่า “สำนักงานศาลยุติธรรมพาน้องๆเยาวชนจาก 3 จังหวัดภาคใต้มาพบผมที่ทำเนียบ แต่ผมป่วยเสียก่อน เราเลยไม่ได้เจอกัน น้องๆเลยฝากคลิปนี้ให้ ผมดูคลิปแล้วมีกำลังใจมากๆอยากหายป่วยไปทำงานวันนี้เลย ขอบคุณน้องๆมากครับ”

สภาเลื่อนตั้ง กมธ.ศึกษา ก.ม.นิรโทษ

เมื่อเวลา 10.40 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังจากสมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนเสร็จแล้ว นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมนำญัตติที่ 5.50 ขอให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาพิจารณา ขณะที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า การเลื่อนญัตติเพื่อตั้ง กมธ.วิสามัญฯมาศึกษาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม แต่คนที่ติดคุกและคนที่มีผลกระทบอาจรอไม่ได้ ดังนั้น จึงขอให้เร่งดำเนินการ มีกรอบเวลาพิจารณาญัตติที่ชัดเจน รวดเร็ว และขอให้เกิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพราะมีข่าวว่า การจัดสรรที่นั่งใน กมธ.วิสามัญฯ สัดส่วนไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น ขอให้จัดสัดส่วนใกล้เคียงกัน หากไม่เป็นแบบนั้น ต้องมาทบทวนอีกครั้งจะเอาอย่างไร จากนั้นเมื่อไม่มีใครคัดค้านการเลื่อนญัตติดังกล่าว ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้เลื่อนญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญฯเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม

“ไอติม” ชงโมเดล ส.ส.ร.เลือกตั้ง 3 กลุ่ม

ต่อมาเวลา 11.45 น.เข้าสู่วาระการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การจัดทำข้อเสนอระบบการเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ตามที่กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน พิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ในฐานะประธาน กมธ.ฯเสนอรายงานว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมทางประชา ธิปไตย ทั้งที่มากระบวนการและเนื้อหา จำเป็นต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้มีความชอบธรรมเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่บางฝ่ายกังวลว่า ส.ส.ร.เลือกตั้งทั้งหมดจะไม่มีพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญหรือตัวแทนที่มีความหลากหลายมีส่วนยกร่าง แต่ตามรายงานฉบับนี้เชื่อว่า ข้อกังวลต่างๆ ถูกคลี่คลายได้ ภายใต้กรอบ ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทั้งหมดโดยแบ่ง ส.ส.ร.เป็น 3 ประเภท คือ 1.ส.ส.ร. ตัวแทนพื้นที่หรือประเภท ก. 2.ส.ส.ร.ตัวแทนผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ หรือประเภท ข. และ 3.ส.ส.ร.ตัวแทนกลุ่มความหลากหลาย หรือประเภท ค. ส.ส.ร.ทุกประเภทมาจากการเลือกตั้ง มีความเชื่อมโยงกับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง ส่วนอีกโมเดลอาจให้ ส.ส.ร.ประเภท ข.กับ ค.มาจากการเลือกของ ส.ส.ร.ประเภท ก.แม้จะไม่ใช่การเลือกตั้งที่มาจากประชาชนโดยตรง แต่ก็มาจากการเลือกโดยตัวแทนประชาชน

“ธนาธร” ขึงขังทุบหม้อข้าวกองทัพ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสมเป็นนัดแรก โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะ กมธ.ฯให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมว่า ปัจจุบันกองทัพมีภารกิจไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันประเทศเยอะมาก ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรม ศูนย์ประชุมต่างๆ ควรถ่ายโอนรายได้เหล่านี้ไปให้กระทรวงการคลัง ให้กองทัพมีความเป็นสมัยใหม่ กมธ.ฯต้องสนทนาหาทางออกที่ดีที่สุดถึงจุดสมดุล หากกองทัพอยากมีสวัสดิการต้องขอผ่านกลไกสภาฯเหมือนกระทรวงอื่นตามปกติ เรื่องนี้ไม่น่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง การมานั่ง กมธ.ฯชุดนี้ไม่ใช่ปูทางกลับเข้าสู่การเมือง แต่พรรคก้าวไกลเห็นว่าตนติดตามเรื่องนี้มานาน อยากให้มาช่วยก็ยินดี ตนเป็นมาหลาย กมธ.ฯแล้วไม่มีปัญหา

ศาลรอลงอาญา “มายด์” คดี ม.112

ช่วงสาย ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มราษฎร ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีร่วมชุมนุมและปราศรัยในม็อบ 24 มีนา 64 เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร จัดขึ้นโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยศาลมีคำพิพากษาใจความว่า เห็นว่าข้อความปราศรัยของจำเลยเป็นการกล่าวให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นและแม้จำเลยจะต่อสู้ว่าการปราศรัยของจำเลยมีเจตนาเพื่อต้องการจะแนะนำและตักเตือนสถาบันให้ธำรงอยู่ในความเหมาะสม แม้จะมีพยานหลักฐานเอกสารอ้างอิงคำปราศรัยต่อสู้ในชั้นศาล แต่ในการปราศรัย จำเลยย่อมนำเอกสารต่างๆไปอ้างอิงในการกล่าวปราศรัยได้ และไม่มีเหตุจำเป็นต้องปราศรัยให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในสถาบันฯ จำเลยผิดฐานหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี มีเหตุบรรเทาโทษคงรับโทษจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี ส่วนข้อหาจัดการชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ยกฟ้อง

ปลุก ปชช.เข้าชื่อชง ก.ม.นิรโทษ

น.ส.ภัสราวลีเปิดเผยว่า ตนมีคดีมาตรา 112 อยู่ 3 คดี คดีตนพูดด้วยความสุภาพนอบน้อมพูดด้วยความหวังดีทั้งสิ้น สิ่งที่พูดในวันนั้นถือว่าเป็นความจำเป็นที่จะพูดถึงสถาบันฯกับการเมืองไทยที่เกิดข้อถกเถียงอยู่ในปัจจุบัน ถ้าไม่พูด เราจะยิ่งซุกปัญหาไว้ใต้พรม และไม่ได้แก้ไข สิ่งที่พูดไปเป็นประโยชน์ต่อทุกสถาบัน ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ถึง 14 ก.พ.นี้ ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันลงชื่อเสนอกฎหมายร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมานาน จะได้คืนความเป็นธรรมให้อำนาจกับประชาชนเพราะประชาชนอย่างพวกเรามีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์การเมือง คาดหวังมากว่ารัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มาจากการเลือกตั้ง จะเห็นความสำคัญของการริเริ่มเรื่องนิรโทษกรรมประชาชน เพื่อคงความสง่างาม ที่จะเข้าไปร่วมในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในอนาคต

 

 

 

ขอบคุณแหล่งที่มา :  thairath

ความคิดเห็น

ข่าวใหม่

BTS ชนะประมูลเดินรถ BRT สาทรถึงราชพฤกษ์-ขึ้นลงทั้ง 2 ฝั่งเริ่ม ก.ค.นี้
BTS ชนะประมูลเดินรถ BRT สาทรถึงราชพฤกษ์-ขึ้นลงทั้ง 2 ฝั่งเริ่ม ก.ค.นี้
M
Admin
2024.04.12
พีมูฟ ประกาศปักหลักชุมนุมทำเนียบไม่มีกำหนด เรียกร้อง 3 ข้อ เจรจารัฐบาล
พีมูฟ ประกาศปักหลักชุมนุมทำเนียบไม่มีกำหนด เรียกร้อง 3 ข้อ เจรจารัฐบาล
M
Admin
2024.04.12
นายกฯ "เศรษฐา" แฮปปี้เซ็น FTA ฉบับแรกไทย-ศรีลังกา เปิดดีลลงทุนข้ามชาติ
นายกฯ "เศรษฐา" แฮปปี้เซ็น FTA ฉบับแรกไทย-ศรีลังกา เปิดดีลลงทุนข้ามชาติ
M
Admin
2024.04.12
กลับมาแล้ว "ห้องเรียนพ่อแม่" รุ่นที่ 2 กิจกรรมอบรมทักษะการเลี้ยงลูกเชิงบวก
กลับมาแล้ว "ห้องเรียนพ่อแม่" รุ่นที่ 2 กิจกรรมอบรมทักษะการเลี้ยงลูกเชิงบวก
M
Admin
2024.04.12
เตรียมถก 15 ก.พ. นี้ พิจารณาเลิกกำหนดเวลาจำหน่าย เหล้า-เบียร์
เตรียมถก 15 ก.พ. นี้ พิจารณาเลิกกำหนดเวลาจำหน่าย เหล้า-เบียร์
M
Admin
2024.04.12
ลำปางเหงามาก! ผู้ประกอบการรถม้านั่งหง่าว แทบไร้เงานักท่องเที่ยว
ลำปางเหงามาก! ผู้ประกอบการรถม้านั่งหง่าว แทบไร้เงานักท่องเที่ยว
M
Admin
2024.04.12
'ฟู้ดแลนด์' เทอร์มินอล 21 โคราช เตรียมปิด หลังคนพื้นที่นิยมเดินตลาดสดมากกว่า
'ฟู้ดแลนด์' เทอร์มินอล 21 โคราช เตรียมปิด หลังคนพื้นที่นิยมเดินตลาดสดมากกว่า
M
Admin
2024.04.12
ราคาทองวันนี้ล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2567 ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท ราคาทองคำแท่ง บาทละ 34,350 บาท
ราคาทองวันนี้ล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2567 ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท ราคาทองคำแท่ง บาทละ 34,350 บาท
M
Admin
2024.04.12
GLOCON พับแผนหุ้นกู้ใหม่ แจงเหตุ ก.ล.ต กล่าวโทษปั่นหุ้น ภาวะตลาดไม่เอื้อ จ่อเพิ่มทุน PP คืนหนี้
GLOCON พับแผนหุ้นกู้ใหม่ แจงเหตุ ก.ล.ต กล่าวโทษปั่นหุ้น ภาวะตลาดไม่เอื้อ จ่อเพิ่มทุน PP คืนหนี้
M
Admin
2024.04.12
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยช่วง "เทศกาลตรุษจีน" ตอนเช้าอากาศเย็น กลางวันร้อน
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยช่วง "เทศกาลตรุษจีน" ตอนเช้าอากาศเย็น กลางวันร้อน
M
Admin
2024.04.12
ไม่ขึ้นราคา! เรเว่ ร่วมนโยบาย EV 3.5 คงราคารถยนต์ BYD ทุกรุ่น
ไม่ขึ้นราคา! เรเว่ ร่วมนโยบาย EV 3.5 คงราคารถยนต์ BYD ทุกรุ่น
M
Admin
2024.04.12
สภาพอากาศวันนี้ "มวลอากาศเย็นอ่อนกำลังลง" กทม.มีหมอกในตอนเช้า ฝนเล็กน้อย
สภาพอากาศวันนี้ "มวลอากาศเย็นอ่อนกำลังลง" กทม.มีหมอกในตอนเช้า ฝนเล็กน้อย
M
Admin
2024.04.12
งวดนี้หวยออก 1/2/67 คนแห่ขอโชค "ไอ้ไข่" วัดศิริพร ไม่ผิดหวังได้เลขเด็ดลุ้นรวย
งวดนี้หวยออก 1/2/67 คนแห่ขอโชค "ไอ้ไข่" วัดศิริพร ไม่ผิดหวังได้เลขเด็ดลุ้นรวย
M
Admin
2024.04.12
อิหร่านเตือนสงครามเกิดแน่ ถ้าโดนสหรัฐฯ โจมตี ตอบโต้ 3 ทหารอเมริกันดับ
อิหร่านเตือนสงครามเกิดแน่ ถ้าโดนสหรัฐฯ โจมตี ตอบโต้ 3 ทหารอเมริกันดับ
M
Admin
2024.04.12
ล้มล้างปกครอง แก้ "112" เชือดก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัด ทำลายสถาบัน ชงยุบพรรค (คลิป)
ล้มล้างปกครอง แก้ "112" เชือดก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัด ทำลายสถาบัน ชงยุบพรรค (คลิป)
M
Admin
2024.04.12
เขียน
64 65 66 67 68