“โรม” ผิดหวัง สว. โหวตไม่ส่งตัว “อุปกิต” ไปให้สอบคดียาเสพติด
“รังสิมันต์ โรม” ชี้ไม่ใช่คดีเล็กน้อย หลัง สว. มีมติ ไม่ส่งตัว “อุปกิต” ให้ตำรวจ ถามใครกันแน่ที่ด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม ยันเปิดสภาตามคดีต่อแน่ พร้อมติดตามการทำงานของ ผบ.ตร. คนใหม่
วันที่ 9 ต.ค. 2566 นายรังสิมันต์ โรง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ถึงกรณีที่ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีมติไม่อนุญาตให้ออกหมายเรียกตัว นายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด ว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผิดหวังต่อการทำงานของวุฒิสภา จากการโหวตเพื่อขัดขวางการเรียกตัวสมาชิกวุฒิสภา “อุปกิต ปาจรียางกูร” ไปทำการสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดียาเสพติดโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งที่กระบวนการต่างๆ ตั้งแต่ก่อนการออกหมายจับ ที่ถูกเพิกถอนไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งความพยายามของตำรวจในการออกหมายเรียก ตำรวจก็ต้องนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล เพื่อให้เกิดความแน่นอนในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้น พยานหลักฐานของตำรวจจึงต้องชัดเจนในระดับที่ชี้แล้วว่านายอุปกิตมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถึงจะสามารถนำตัวนายอุปกิตซึ่งเป็น สว. เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ แต่เมื่อวุฒิสภามีมติเช่นนี้ ตัดสินใจไม่ส่ง นายอุปกิต ไปรับทราบข้อกล่าวหา เท่ากับว่า สว.กำลังปกป้องคนที่ค้ายาหรือไม่ เพราะตอนนี้ทุกคนทราบดีว่ายาเสพติดเต็มบ้านเมืองไปหมด และเป็นสิ่งที่ทำลายลูกหลานของเรา และไม่รู้ได้เลยว่ายาเสพติดที่นายอุปกิตเข้าไปผัวพันอยู่ในสังคมมากน้อยเพียงใด ผมจึงไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ทำไม สว. ถึงมีมติเช่นนี้ และจะใช้กลไกของสภาในการปกป้องนายอุปกิตไปทำไม แทนที่จะส่งตัวนายอุปกิตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศ และตัวนายอุปกิตเองเสียด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา สว. พูดว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องทำโดยอาศัยความละเอียดรอบคอบ และเป็นกังวลกันนักหนาว่าหากเลือกนายกฯ ที่ไม่ดีเข้ามา จะต้องร่วมรับผิดชอบ ถึงขนาดกลัวว่าจะโดนริบเครื่องราชย์ก็มี แต่เมื่อวันนี้ สว. กลับร่วมใจกันปกป้องคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ทำลายประเทศ ดังนั้น หากนายอุปกิตเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงๆ สว.ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จะรับผิดชอบกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะ สว.เหล่านี้เองที่เป็นคนเตะถ่วงกระบวนการยุติธรรมให้ล่าช้าออกไป
“ผมขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าคดีสมคบค้ายาเสพติด ที่ตำรวจรอแจ้งข้อกล่าวหาให้แก่อุปกิตไม่ใช่คดีเล็กน้อย ซึ่งถ้าหากนายอุปกิตพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็สามารถขอร้องให้วุฒิสภาอนุญาตให้ส่งตนเองให้ตำรวจ นายอุปกิตก็สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทันที แต่การใช้กลไกสภาในการช่วยกันเตะถ่วงกระบวนการให้ล่าช้าต่างหาก ที่เป็นการด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม และมากไปกว่านั้น ยังกล่าวหาผมด้วยว่า ผมด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม ทั้งที่ผมไม่สามารถไปด้อยค่าใครได้ นอกจากว่าจะทำตัวเอง กรณีอย่างผู้พิพากษาที่ถูกตั้งกรรมการสอบ ผมก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ รวมทั้งคำสั่งแจ้งข้อกล่าวหายาเสพติดที่เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ผมก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ สิ่งที่ผมทำได้คือการตรวจสอบและการส่งเสียงให้แก่สังคมได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือสิ่งที่มากที่สุดที่ผมสามารถทำได้”
แต่ทั้งหมายเรียก หมายจับ และการพยายามนำตัว นายอุปกิต มาสอบสวน เกิดขึ้นจากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมรวบรวมมาทั้งสิ้น ดังนั้น การใช้กลไกทางสภา การอาศัยเอกสิทธิ์ความคุ้มกันในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการทางอาญาทั้งที่เป็นข้อหาร้ายแรง ผมต้องถามครับ
ใครกันแน่ที่ด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม?
ใครกันแน่ที่เป็นคนด้อยค่ากระบวนการนิติบัญญัติ?
แม้ว่าวันนี้อุปกิตยังลอยนวลอยู่ในสภาได้ต่อไป แต่เมื่อวันที่สภาได้ปิดสมัยประชุม และผมจะติดตามข้อต่อสู้ในชั้นศาลของนายอุปกิต และการทำงานของ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังในการเอาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องับยาเสพติดมาลงโทษ นอกจากนี้ผมก็หวังว่าตำรวจทุกภาคส่วน จะนำตัว นายอุปกิต เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมและประชาชนทุกคนอยากเห็นมากที่สุด
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news/politic/2731664
ความคิดเห็น