365 วัน เทศกาลงานเข้า กทม. ไขรหัส แผนลด "ฝุ่น PM2.5"
เทศกาลฝุ่น PM 2.5 ประจำปี 2568 มาแล้ว ค่าเฉลี่ยเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ อยู่ในระดับสีส้ม และสีแดงไปแล้ว
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศของ กทม. รายงานค่าเฉลี่ยฝุ่นพิษเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา และบางเขตพื้นที่อยู่ในสภาพจมฝุ่น ทะลุเข้าสู่ระดับสีแดง หรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จนทำให้คนกรุงเกิดความตระหนก และตระหนักถึงปัญหา เรียกร้องถามหามาตรการที่จะมาช่วยบรรเทา
นายพรพรหม ณ.ส.วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝุ่นในกรุงเทพฯ ว่า ปัจจัยแรกมาจากฝุ่นฐานเมือง จากระบบขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ปัจจัยที่ 2 สภาพอากาศและการระบายอากาศ และปัจจัยที่ 3 การเผาชีวมวลที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ กทม.มีแผนลดฝุ่น 365 วัน ซึ่งพุ่งเป้าไปที่การสกัดต้นตอของปัญหา ลดการใช้รถยนต์ในระยะยาว มีการปรับปรุงทางเดินเท้า รณรงค์ให้ประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น รวมถึงชวนให้ทำงานที่บ้าน เพื่อการแก้ปัญหาควันพิษจากการจราจร
นายพรพรหม กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงหน้าฝุ่นจะอยู่ระหว่างเดือน ม.ค.–มี.ค. กทม.ได้มอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดทุกวัน มีแผนดำเนินการ เริ่มตั้งแต่ติดตามหาข้อมูลแหล่งกำเนิดฝุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการจราจร มีระบบการคาดการณ์เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชน ว่าพรุ่งนี้ หรือวันต่อไป สถานการณ์ฝุ่นจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายเป็นการแจ้งเตือน ด้วยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเชิงรุก ซึ่งสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต สำนักการโยธา ลงพื้นที่ตรวจสอบ มีข้อมูลสถานประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม โรงงาน ไซต์ก่อสร้างต่างๆ และรายงานการตรวจสอบเข้ามาโดยละเอียดทุกวัน และเราเป็นหน่วยหลังบ้านก็ต้องแอ็กทีฟทุกวัน
“วันนี้ กทม.มีมาตรการที่ได้ดำเนินการ มีอยู่หลายอย่างมาก เราตั้งใจทำตามแผนเพื่อลดค่าฝุ่น และที่ต้องเร่งทำก่อนเนิ่นๆ คือ การพร่องฝุ่น เพื่อเวลาฝุ่นพิษเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมาจากปัจจัยต่างๆ จะได้รับผลกระทบไม่มาก เช่นเดียวกับการจัดการกับปัญหาน้ำท่วม เราไม่สามารถคอนโทรลเรนบอมบ์ที่มาได้ แต่เราสามารถพร่องน้ำที่เข้ามาได้ ด้วยการเคลียร์น้ำในคลอง ลอกท่อ เวลาน้ำมามาก จะได้ไม่ท่วมเยอะ”
สำหรับโครงการรถคันนี้ลดฝุ่น ถามว่าทำไมต้องทำ ที่ปรึกษาของ ผู้ว่าฯ กทม. ให้เหตุผลว่า เพราะถ้ารถคันหนึ่งไปเปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ก็สามารถลดฝุ่นที่ปล่อยออกมาจากรถคันนั้นได้แล้วถึง 50% วันนี้มีรายงานรถเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 162,795 คัน และนักวิชาการได้ประเมินตัวเลขการลดฝุ่นจากภาคจราจรได้ 8.14% ลดฝุ่นจากแหล่งกำเนิดได้ 5.68% และมั่นใจว่าจนถึงวันที่ 14 ม.ค.นี้ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 230,000 คัน และจะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 500,000 คัน ฝุ่นจากการจราจรจะลดได้ 25%
ส่วนมาตรการเขตมลพิษต่ำ ที่ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก และขยายไปสู่วงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งในที่สุดจริงๆแล้ว อาจจะไม่ได้มีการประกาศใช้มาตรการนี้เลยก็ได้ เพราะค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองระดับสีแดง อาจจะอยู่ไม่ติดต่อเกิน 3 วัน หรือ ไม่ถึง 5 เขต ตามเงื่อนไขที่กำหนด การประกาศบังคับใช้มาตรการนี้ ทำเล่นๆไม่ได้ กทม. อาจจะถูกฟ้องได้ ว่าเป็นการระงับสิทธิ์ประชาชนในระดับหนึ่ง ด้วยการไม่ให้รถบรรทุกเข้าพื้นที่ อย่างไร ก็ตาม การออกมาตรการนี้ มีข้อดีที่ทำให้รถบรรทุก 6 ล้อ มีความเกรงกลัวว่าจะเข้าพื้นที่ไม่ได้ จึงเข้าสู่ระบบบัญชีสีเขียวแล้ว 12,119 คัน ขณะที่รถประจำทาง ขสมก.ก็ให้ความร่วมมือ เข้าร่วมโครงการเกือบทุกคันแล้ว
นายพรพรหมย้ำปิดท้ายด้วยว่า แม้วันนี้การเดินทางรณรงค์ในด้านต่างๆยังไม่ถึงเป้าหมาย จึงต้องเร่งโปรโมตต่อหลายๆด้าน โดยอาจจะให้ผู้ว่าฯชัชชาติไปช่วยไลฟ์เชิญชวน ให้เครือข่ายช่วยประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม และสร้างความตระหนักให้ประชาชน เห็นความสำคัญของการลดฝุ่นในเมืองกรุง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น