แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นนิสิต ข้อมูลบัตรรั่วไหล เผย 2 ปีกว่า 650 ราย หลายคนหมดตัว
ตำรวจเผยนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงช่วง 2 ปี กว่า 650 ราย สงสัยคนร้ายได้ข้อมูลและเลขที่บัตร ปชช.ของนิสิตมาได้อย่างไร บางคนน่าสงสารถูกบังคับให้เปลือยกาย อ้างจะใช้พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ก่อนนำภาพเปลือยมาแบล็กเมล์ บังคับให้โทร.ไปบอกผู้ปกครองโอนเงินมาให้ตรวจสอบ รวมสูญเงินไปร่วมครึ่งแสน ครอบครัวแทบสิ้นเนื้อ ประดาตัว แนะใช้แอปฯ Whocall ตรวจสอบเบอร์โทร.เบื้องต้น
กลายเป็นข่าวตะลึงวงการอุดมศึกษา กรณี นักศึกษาหลายชั้นปีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) อ.เมืองนครราชสีมา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้ข้อมูลบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และ ข้อมูลที่พักของนักศึกษา โทร.ไปลวงว่าเหยื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมาย ทั้งการพนัน ออนไลน์ ยาเสพติด และฟอกเงิน บังคับให้ไปเช่าห้องพักขังตัวเองเพื่อเคลียร์คดี แล้วให้โทร.หาผู้ปกครองส่งเงินมาเป็นค่าไถ่ หรือบางคนถูกบังคับให้หลอกเพื่อนมาเป็นเหยื่อเพิ่มเติม มีผู้เสียหายกว่า 200 ราย ยอดเงินรวมหลายล้านบาท บางรายถูกตุ๋นเงินไปกว่า 5 แสนบาท หลังเป็นข่าวครึกโครม ปรากฏว่าในพื้นที่ภาคอีสานยังมีนิสิตนักศึกษาจากสถาบันอื่น ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่ สภ.เขวาใหญ่ จ.มหาสารคาม สถานีตำรวจที่ดูแลพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม พบว่ามีนิสิต มมส. 5 ราย เข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เขวาใหญ่ เพื่อให้ปากคำหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน
สอบถามนิสิตคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ได้รับการติดต่อทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อ้างว่าโดนสวมสิทธิที่อาจผิดกฎหมายได้ ให้โทร.ไปหาเจ้าหน้าที่ และ ให้โอนเงินไปตรวจสอบ ทุกรายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะบอกเลขบัตรประชาชนของนิสิตได้อย่างถูกต้อง ในส่วนของตน คนร้ายอ้างว่ามีคนนำบัตร ปชช.ไปเปิดซิมมือถือที่ จ.ตราด จากนั้นให้แอดไลน์แล้ววิดีโอคอลคุยกับตำรวจเจ้าของคดี และถูกข่มขู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีและถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ด้วยความตกใจ กังวลใจ และกลัวถูกสถาบันไล่ออก คนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่หว่านล้อมให้ไปหลอกผู้ปกครองให้โอนเงิน อ้างเป็นค่ากิจกรรมต่างๆจำนวน 30,000 บาท เพื่อนำไปตรวจสอบ หลังบ่าย 3 โมง จะโอนเงินกลับคืนมาให้เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว
ขณะที่นิสิตอีกรายมาพร้อมผู้ปกครองให้ข้อมูลว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงในลักษณะเดียวกับเหยื่อรายแรก ทำให้ผู้ปกครองต้องรีบเดินทางมาจากต่างจังหวัด เมื่อได้พูดคุยกันถึงทราบว่าลูกสาวโดนหลอกให้โอนเงินไปให้คนร้ายกว่า 5 หมื่นบาท เป็นเงินเก็บของลูกสาวเอง แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกยังไม่พอ บังคับให้ลูกสาวโกหกและทักแชตไลน์ไปหาพี่ชายให้โอนเงินไปให้อีกเพื่อเป็นค่าเทอม ผู้ปกครองต้องไปกู้เงินรายวันมาโอนให้ลูก ตอนนี้ไม่เหลือเงินติดบัญชีเลย โดนหลอกไปทั้งหมดกว่า 7 หมื่นบาท พอมาทราบความจริงตกใจมาก เพราะผู้ปกครองของนิสิตคนนี้เลิกใช้โทรศัพท์มือถือไปหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าคนร้ายจะใช้วิธียืมมือลูกๆมาต้มตุ๋นเงินไปจนได้
พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ บึงบัว สวป.สภ.เขวาใหญ่ กล่าวว่า ที่ได้รับแจ้งและได้รวบรวมมีหลายเคสมาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทร.มามีข้อมูลและเลขที่บัตร ปชช.ของนักศึกษาทุกราย ที่น่าสงสารมีนิสิตคนหนึ่งถูกบังคับให้เปลือยกาย เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล แล้วเอาภาพเปลือยมาแบล็กเมล์ บังคับให้โอนเงินไปตรวจสอบ โอนไปรอบแรก 7,000 บาท ก่อนบังคับให้โทร.ไปบอกผู้ปกครองโอนเงินมาให้ตรวจสอบเพิ่มอีก 4 หมื่นบาท รวมสูญเงินไปกว่า 47,000 บาท
พ.ต.อ.พงษ์ศิริ พลเยี่ยม ผกก.สภ.เขวาใหญ่ เผยว่า สภ.เขวาใหญ่ มีสถิติที่รับแจ้งความจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบว่าส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษา น่าแปลกใจที่ไม่มีชาวบ้านหรือคนสูงอายุทั่วไป เพราะทราบและรู้ถึงกลลวงของแก๊งเหล่านี้ จากสถิติตั้งแต่ 1 มี.ค.65-11 ต.ค.67 เป็นนิสิต มมส. มาแจ้งความทั้งสิ้น 653 ราย ยอดเงินค่าเสียหาย 9.8 ล้านบาทเศษ แต่ถ้าช่วง 25 ก.ย.-11 ต.ค.67 ยอดมาแจ้งความ 60 ราย ยอดเงินที่เสียหาย 2.2 ล้านบาท เคสที่มีผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินไปมากสุดประมาณ 1 ล้านบาท
“มีอยู่เคสหนึ่ง คนร้ายบังคับให้นิสิตนำสีมาทาลำคอ ทำทีว่าถูกรัดคอ เพื่อหลอกผู้ปกครองให้โอนเงินไปไถ่ตัว แต่ตำรวจไปช่วยเหลือมาได้ อีกรายอ้างว่าโดนจับขังไว้ในป่า ตำรวจไปตามหาแต่หาตัวไม่เจอ ต้องหลอกว่าพ่อนำเงินมาแล้วให้ออกมาเอา นิสิตคนนั้นถึงออกมาเอาเงินเพื่อจะไปโอนให้คนร้าย สอบถามบอกเพราะกลัวถูกแก๊งคอลฯ ข่มขู่ไว้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีนิสิตโดนหลอกจำนวนมาก สภ.เขวาใหญ่ ได้ร่วมกับ มมส.จัดอบรมมาหลายรอบและยังเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊ก รวมทั้งในทุกช่องทางเผยแพร่สื่อโซเชียลของมหาวิทยาลัยด้วย ตอนนี้ได้แนะนำให้นิสิตใช้แอปฯ Whocall เพื่อเป็นการตรวจสอบเบอร์โทร.เบื้องต้น ป้องกันการถูกหลอกลวงได้ระดับหนึ่ง” พ.ต.อ.พงษ์ศิริกล่าว
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น