น้ำเหนือเพิ่ม เขื่อนเจ้าพระยาแจ้งระบายน้ำ 800-1,100 ลบ.ม.ต่อวินาที
กรมชลประทาน แจ้งเตือนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 11 จังหวัด รวม กทม. ระบายน้ำออกท้ายเขื่อนในอัตรา 800-1,100 ลบ.เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.80-1.10 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง พื้นที่ริมแม่น้ำน้อย คลองบางบาล
วันที่ 25 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กทม. ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลจากพื้นที่ภาคเหนือ ลงมายังเขื่อนเจ้าพระยา ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นระหว่าง 1,500-1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เนื่องจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีการออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2567 จากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ประเทศเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณตอนใต้ ของประเทศจีน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น จะทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมไปถึงฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกและด้านตะวันตกของภาคเหนือ และภาคตะวันตก และจาการคาดการณ์โดยกรมชลประทานใน 1-3 วันข้างหน้า
ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,200-1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขามีปริมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาจะมีปริมาณระหว่าง 1,500-1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในอัตรา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวนาที กรมชลประทาน จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 800-1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.80-1.10 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และในพื้นที่ริมแม่น้ำน้อย ที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป
สำหรับในปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 1,132 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.13 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 10.10 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 6.24 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งส่งผลทำให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 759 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ตามทาง กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น