น้ำป่าถล่มเมืองคอน จมบาดาล สังเวยแล้ว 4 ศพ ท่วมมิดเส้นทางหลัก กุฏิพัง-ผู้ป่วยติดเกาะ
สุดต้านน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงไหลบ่าเชี่ยวกราก ซัดสะพานแขวนจุดเช็กอินฮิตบ้านคีรีวงหวิดขาด ก่อนทะลักลงคลองเข้าท่วมตัวเมืองคอนจมบาดาล จนท.การไฟฟ้าชะอวด ออกช่วยชาวบ้านถูกไฟช็อตตาย สุราษฎร์ฯฝนย้อนกลับถล่มซ้ำอีกรอบ ดินสไลด์ทับบ้านพ่อลูกพังทั้งหลัง ลูกชายวัย 16 ปีหนีไม่ทันถูกฝังทั้งเป็นคาเตียง
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนยังคงน่าเป็นห่วง แม้บนถนสายเอเชีย 41 ช่วงผ่าน จ.ชุมพร ระดับน้ำที่ท่วมขังลดลงจนเป็นปกติ รถทุกชนิดสัญจรผ่านได้ แต่ต้องเคลื่อนตัวช้าๆเนื่องจากถนนเหลือเลนเดียว เพราะบางช่วงมีน้ำท่วมในเลนซ้ายและไหล่ทาง ส่งผลให้การจราจรติดขัดสาหัสยาวกว่า 20 กม. ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนอง พัทลุง ฝนยังตกหนักต่อเนื่อง น้ำป่าหลากเข้าท่วมหลายจุด ชาวบ้านเดือดร้อนถ้วนหน้า
จ.ชุมพร ช่วงเช้าวันที่ 16 ธ.ค. ท้องฟ้าเริ่มเปิดไม่มีฝนตก สถานการณ์โดยรวมหลายพื้นที่ใน จ.ชุมพร เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีอีกหลายหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยง ยังมีน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะถนนเอเชีย 41 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร จุดที่มีกระแสน้ำไหลหลากข้ามถนนสูงกว่า 1 เมตร ภายหลังน้ำลดปรากฏว่าในคูน้ำริมถนนช่องทางขาขึ้น มีซากรถเก๋งและรถบรรทุกเล็กจมเสียหายอยู่ข้างทาง 2 คัน เนื่องจากถูกกระแสน้ำซัดตกถนนตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 14 ธ.ค. เจ้าของรถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ยังไม่สามารถกู้ซากรถขึ้นมาได้
ด้านชุดปฏิบัติงานทีมตอบโต้ภัยพิบัติ มูลนิธิร่วมกตัญญู จำนวน 14 นาย พร้อมเรือท้องแบน 2 ลำ ได้เข้าไปแจกจ่ายอาหารปรุงสุก 250 กล่อง พร้อมน้ำดื่มให้แก่ประชาชนในพื้นที่หมู่ 1 บ้านหนองเรือ ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และเข้าไปแจกจ่ายอาหารปรุงสุก 100 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม ในพื้นที่รอยต่อหมู่ 1 กับหมู่ 2 บ้านหนองเรือ ก่อนเคลื่อนย้ายกำลัง พร้อมเรือท้องแบน เข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราชต่อไป
จ.นครศรีธรรมราช กลางดึกเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษวันที่ 16 ธ.ค. หลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงตั้งแต่หัวค่ำ ส่งผลให้เกิดมวลน้ำป่ามหาศาลจากเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราชไหลทะลักลงน้ำตกหนานหินท่าหา บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดสะพานแขวน จุดเช็กอินชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพ น้ำสีขุ่นแดงซัดสะพานแขวนกวัดแกว่งไปมาเป็นที่น่าหวาดเสียวว่าสะพานอาจขาดลง ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ปริมาณน้ำครั้งนี้มีมหาศาลและรุนแรงเหมือนครั้งน้ำท่วมใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2554 น้ำป่าที่ไหลผ่านน้ำตกหนานหินท่าหา บ้านคีรีวง ได้ทะลักลงคลองท่าดี เอ่อท่วมบ้านเรือนและถนนสายต่างๆใน อ.ลานสกา เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพคนแก่ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียงออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างโกลาหล
น้ำป่ายังไหลหลากเข้าท่วมบ้านและตามตรอกซอยสายถนนต่างๆใน อ.พระพรหม อ.เมืองนครศรี ธรรมราช และในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยต่างๆและ จนท.บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลฯ ระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออพยพชาวบ้านที่ติดในบ้านออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างชุลมุนตลอดทั้งคืน น้ำป่าที่หลากมาอย่างเร็วครั้งนี้ ส่งผลให้ถนนสายหลักหลายสายในเกือบทุกอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำป่าไหลท่วมสูง รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ รวมทั้งถนนสายศูนย์ราชการนาสาร ถนนสายนครศรีฯ-ทุ่งสงและถนนนครศรีฯ-ฉวาง บริเวณหน้าถ้ำแก้วสุรกานต์ อ.ลานสกา น้ำท่วมสูงรถผ่านไม่ได้เช่นกัน
ช่วงเช้า ฝนยังตกกระหน่ำต่อเนื่องไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ สภาพท้องฟ้าปิด มีเมฆปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช จากการสำรวจพบว่าในเขต อ.เมืองนครศรีรรมราช อ.ลานสกา อ.ท่าศาลา อ.พระพรหม อ.พรหมคีรี อ.สิชล อ.ขนอม อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ฉวาง อ.พิปูน อ.ช้างกลาง อ.ร่อนพิบูลย์ อ.จุฬาภรณ์ และ อ.ชะอวด มีน้ำท่วมขังทุกอำเภอ เจ้าหน้าที่ปภ. กู้ภัย และฝ่ายปกครอง นำเรือท้องแบนออกไปอพยพประชาชนอย่างเต็มที่ มีชาวบ้านติดอยู่ในบ้านและบางคนหนีขึ้นต้นไม้ใกล้เคียง รีบนำตัวลงมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
ส่วนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช น้ำเอ่อท่วมสูงบริเวณกว้าง กลายเป็นพิภพใต้บาดาลทั้งเมือง คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากน้ำป่าจากบ้านคีรีวง อ.ลานสกา ยังไหลบ่าเข้าท่วมไม่ขาดสาย และถนนสายหลักหลายสายของ จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมสูง รถผ่านไม่ได้ ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยจำนวนมากติดค้างอยู่ในโรงพยาบาล กลับบ้านไม่ได้ เปลี่ยนเวรไม่ได้ เนื่องจากน้ำท่วมล้อมรอบโรงพยาบาล เร่งประสานรถทหารช่วยรับ-ส่ง และเตรียมเคลื่อนย้ายเครื่องฉายรังสีมูลค่านับร้อยล้านบาทออกจากห้องชั้นล่างของโรงพยาบาล เพราะหวั่นกำแพงกั้นน้ำโรงพยาบาลพังลง และน้ำจะทะลักเข้าภายในโรงพยาบาลมากขึ้น
บ่ายวันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพลอยน้ำในซอยนาวัด ต.ในเมือง ไปตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านดึงลากศพขึ้นมาบนฟุตปาทหน้าห้องแถวในซอย เพื่อป้องกันไม่ให้ศพเป็นชายยังไม่ทราบชื่อและอายุ ลอยไปกับกระแสน้ำ ต่อมากู้ภัยทหาร ทภ.4 ใช้เชือกดึงศพชายดังกล่าวขึ้นเรือท้องแบน นำไปบนที่สูงทางเข้าหมู่บ้านเมืองทอง ให้ตำรวจและแพทย์ชันสูตรพลิกศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำท่วมครั้งนี้ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย รายแรกนายพีรวิชญ์ ขุนไพชิต อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่ชำนาญการระดับ 4 สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จะเข้าไปช่วยซ่อมไฟฟ้าขัดข้องในบ้านเลขที่ 10/5 หมู่ 3 ต.ชะอวด แต่มีน้ำท่วมขังรอบบ้านและมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ไฟช็อตร่างนายพีรวิชญ์ล้มฟุบหมดสติ เพื่อนพนักงานรีบตัดกระแสไฟ นำคนเจ็บส่ง รพ.ชะอวด และเสียชีวิต ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวควน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง รายที่ 2 เป็นชายจมน้ำริมคลอง หมู่ 4 ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช รายที่ 3 เป็นชายถูกไฟฟ้าช็อตจากน้ำท่วมที่สะพาน หมู่ 1 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช และชายนิรนามที่พบล่าสุดเป็นศพที่ 4 ดังกล่าว
ที่วัดป่าเรียน หมู่ 4 ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กุฏิหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมคลองหลังวัดและในคลองมีน้ำท่วมขังสูงได้กัดเซาะใต้อาคาร ทำให้กุฏิค่อยๆทรุดตัวพังทลายลงต่อหน้าต่อตาชาวบ้านและพระลูกวัดที่เห็นเหตุการณ์ตลอดเวลา ขณะเกิดเหตุมีพระลูกวัดรูปหนึ่งจำวัดอยู่ในกุฏิ ได้ยินเสียงดังลั่นผิดปกติ ตัดสินใจวิ่งหนีตายออกมาได้หวุดหวิด ก่อนจะถูกอาคารพังถล่มทับ ท่ามกลางความโล่งอกของชาวบ้านและพระในวัดที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงเช้าสภาพท้องฟ้าอากาศแจ่มใสเกือบตลอดทั้งวัน แต่พอพลบค่ำมีฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อกันนานกว่า 1 ชั่วโมงในเขตตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ทำให้น้ำระบายลงสู่แม่น้ำตาปีไม่ทัน ส่งผลให้ถนนหลายสายทั้งเส้นทางหลัก และถนนสายรอง รวมทั้งตามซอยต่างๆ มีน้ำเจิ่งนอง ตั้งแต่สามแยกเทพมิตร ถนนตลาดใหม่ ไปทางวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ถนนวัดโพธิ์-ในลึก ถนนสายตลาดล่าง แยกแสงเพชร ถนนดอนนก เส้นทางศูนย์ราชการจังหวัด สี่แยกอนามัย ถนนการุณราษฎร์ ถนนแยกเสม็ดเรียง ถนนชนเกษม ถนนสุราษฎร์-นาสาร หน้าโรงเรียนบ้านบางใหญ่ ถนนหน้าค่าย อส. ระดับสูงกว่า 30 ซม. มีสภาพไม่ต่างจากลำคลอง รถเล็กผ่านลำบาก ร้านค้าและบ้านเรือนต้องรีบนำกระสอบทรายมาปิดกั้นไม่ให้น้ำเข้าบ้าน
เวลา 04.40 น. หลังเกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ได้เกิดเหตุดินถล่มทับบ้านเลขที่ 65/54 ซอย 2 หมู่บ้านสุราษฎร์วิลลา หมู่ 2 ซอยตลาดกล้วย ต.วัดประดู่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กู้ภัยกุศลศรัทธาสมหวัง และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลวัดประดู่ เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือคนเจ็บชื่อนายดวงพิทักษ์ สิงห์แก้ว อายุ 47 ปี เจ้าของบ้านและเป็นพ่อของนายวรกิต สิงห์แก้ว อายุ 16 ปี ลูกชายที่ถูกกองดินทับร่างอยู่ในตัวบ้าน
จากการตรวจสอบพบว่าหมู่บ้านเกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียว ปลูกเรียงรายเป็นแถวยาว ด้านบนเป็นเนินดินสูง กำลังก่อสร้างหมู่บ้านหรูหลังใหญ่หลายหลัง บ้านหลังเกิดเหตุอยู่ริมด้านในสุด ใกล้เนินดินมี 2 พ่อลูกพักอาศัยอยู่ สภาพเนินดินพังทลายลงมาเนื่องจากดินชุ่มน้ำ และมีต้นไม้ใหญ่โค่นทับห้องนอน แผ่นฝ้าหลังคาหลุดลงมากองแน่นห้อง น้ำโคลนและดินไหลลงมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่เทศบาลฯกั้นเป็นเขตอันตรายและให้ชาวบ้านข้างเคียงอพยพออกจากบ้านก่อน เนื่องจากมีบ้านที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 3 หลัง
ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าโกยดินในห้องนอนออกจนพบร่างนายวรกิต ถูกดินทับเสียชีวิตอยู่บนที่นอน นำส่งชันสูตรที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ท่ามกลางความเสียใจของนายดวงพิทักษ์ บิดาและเพื่อนบ้าน ชาวบ้านที่ประสบเหตุ เล่าว่า เดิมบริเวณเนินดินด้านบนเป็นสวนยางและป่ามีต้นไม้ยึดหน้าดิน ภายหลังถูกปรับพื้นที่ก่อสร้างเป็นหมู่บ้าน เคยเกิดดินสไลด์พังทลายลงมาหลายครั้ง บางครั้งฝนไม่ตกก็มีน้ำไหลลงมาเป็นธารคล้ายน้ำตก และเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เกิดดินสไลด์และต้นไม้ทับบ้านในซอย 1 หมู่บ้านเดียวกันเสียหายมาแล้ว
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น