ชาวเน็ตปกป้อง ลูกฮิปโปเกิดใหม่ สวนสัตว์ศรีสะเกษ เจอบูลลี่ไม่มีออร่าเหมือนหมูเด้ง
ชาวเน็ตปกป้อง ลูกฮิปโปเกิดใหม่ ที่สวนสัตว์ศรีสะเกษ เจอบูลลี่ไม่มีออร่าเหมือนหมูเด้ง ขอโอกาสให้น้องได้หายตัวเหี่ยวก่อน
จากกรณี สวนสัตว์ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ ด้านหลังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ ได้ให้การต้อนรับ ลูกฮิปโปโปเตมัส เกิดใหม่ แม้จะยังไม่ทราบเพศ ยังไม่ทราบน้ำหนัก และยังไม่มีชื่อ เพราะจะต้องรอการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ก่อน แต่ตอนนี้แม่ของน้อง ฮิปโป หรือ ฉายา “หมูเด้งศรีสะเกษ” เป็นลูกตัวแรกของแม่เกดสิริน กับพ่อสมศรี
ตอนนี้ทางสวนสัตว์ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับน้อง จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว มาร่วมกันตั้งชื่อให้กับน้อง เพื่อที่จะคัดเลือกชื่อที่เหมาะสมให้กับน้อง และชื่อใครได้รับเลือก ทางจังหวัดก็จะมีการมอบรางวัลสำหรับคนที่ตั้งชื่อน้องอีกด้วย
น้องป๊อป เจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าทีเข้าเวร จำหน่ายบัตรเพื่อเข้าชมสวนสัตว์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ ที่น้องฮิปโปเกิดใหม่ปรากฏตัวขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปลงไปในเฟส แชร์ไปทั่วจังหวัดศรีสะเกษ และกระจายไปในโซเชียล ทำให้ได้มีนักท่องเที่ยว พี่น้องประชาชน คนศรีสะเกษ และจากจังหวัดใกล้เคียง แห่กันมาชมน้องกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดการจำหน่ายบัตรเข้าชมในสวนสัตว์ มียอดทะลุเป้าไปมาก แบบจำนวนมากจริงๆ ไม่เคยมีคนมาซื้อบัตรเข้าชมสวนสัตว์มากเท่านี้มาก่อนเลย คือมากกว่า 30,000บาท ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนดีใจมาก ที่น้องเกิดมาในช่วงนี้ ทำให้มีผู้คนมาเที่ยวสมเด็จพระศรีนครินทร์ มาเที่ยวสวนสัตว์ เพิ่มขึ้นมาก มากจนแทบจะไม่มีที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์กันเลย ตอนนี้คุณแม่ฮิปโป ยังหวงลูกน้อยมากอยู่ อีกสักระยะเมื่อน้องปรับสภาพได้ น้องก็จะซุกซนตามประสาฮิปโปเด็ก และก็เชื่อว่าจะเด้งไม่น้อยกว่าหมูเด้งที่ชลบุรี เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีคอมเมนต์จากชาวเน็ตบางรายบอกว่า ลูกฮิปโปตัวนี้ดูธรรมดา ไม่มีออร่าเหมือนหมูเด้ง ทำให้ชาวเน็ตอีกจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจที่คนบูลลี่ หรือตั้งมาตรฐานบิวตี้สแตนดาร์ดแม้กระทั่งกับฮิปโป พร้อมบอกว่า น้องเป็นละสายพันธุ์กับหมูเด้ง และตอนหมูเด้งเกิดใหม่ๆ ก็ตัวเหี่ยวๆ เหมือนกัน ขอโอกาสให้น้องได้โตสักหน่อย
สำหรับลูกฮิปโปเกิดใหม่ที่สวนสัตว์ศรีสะเกษนี้ เป็นฮิปโปโปเตมัส สายพันธุ์เดียวกับขาหมูที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับหมูเด้ง ที่เป็นฮิปโปแคระ
ขอบคุณแหล่งที่มา : sanook
ความคิดเห็น