“นิว-วงศกร” คิดตรงกันกับ “นาว” ไม่พร้อมแต่งงานและไม่ฝากไข่ วางแผนไม่มีลูก!

มีเวลาสวีตกันมั้ย?

“ก็ปกตินะ ไปเราก็ไม่ค่อยได้สวีตอะไรอยู่แล้ว”

พอกลับมาคราวนี้จะแพลนอนาคตเลยมั้ย?

“ก็ยังคุยกันเหมือนเดิม แต่เรื่องแต่งงานก็คงยังไม่ถึงเวลา เราก็คุยกันตลอด แต่ความเห็นเราตรงกันตรงที่จริงๆการแต่งงานมันก็สำคัญแต่ก็ยังไม่จำเป็นในช่วงนี้ พ่อแม่เรารับรู้และเรามีความสุขดี ครอบครัวเราแฮปปี้ทั้งคู่ ก็ไม่ได้รีบร้อนว่าจะต้องแต่งงาน ผมรู้สึกว่ามันใช้เงินเยอะในยุคนี้เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานแต่งงานมันเป็นประเพณีที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยนะ เพราะใช้เงินเยอะ บางคู่ต้องหาเงินมาจัดงานแต่งงาน และมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าชีวิตคู่ของเรา ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงหลังจากที่เราแต่งงานไปแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราพร้อม และวันนั้นเราอยากจัดงาน เราค่อยมาคุยกันอีกทีนึง แต่ ณ วันนี้คิดว่าน่าจะยังไม่ได้มีครับ”

เรื่องลูกล่ะ?

“ไม่ครับ คิดว่าความรู้สึก ณ วันนี้ยังไม่อยากมีและน้องเองก็เหมือนกัน แต่ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนมั้ย”

แต่ยิ่งเราก็อายุมากขึ้นกันทั้งคู่นะ?

“อันนั้นก็ส่วนนึงด้วยครับ อีกส่วนนึงเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างยากที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนึงให้เขามีความสุขได้ในยุคปัจจุบันนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมนะ”

มีฝากไข่ไว้บ้างมั้ย?

“ไม่ได้ฝากครับ เบื้องต้นเราคุยกันแล้วว่าไม่อยากมีกันทั้งคู่ครับ”

ชีวิตคู่ในมุมของเราคือยังไง?

“แค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมว่ามันก็โอเคแล้วนะ ต่างคนต่างมีความสุขกับมัน มีแพชชันกับมัน หลังจากหน้าที่การงานแล้วเรากลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันก็พอแล้ว”

หลายคนพอไปอยู่ต่างประเทศนานๆอาจจะอยากอยู่เลย นาวเคยมีคิดมั้ย?

“ก็มีแว้บๆครับ แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ ผมก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องเราหรอกนะ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องดูแลพ่อแม่ และเป็นสิ่งที่เราอยากทำเอง”

พอนาวกลับมาจะรับงานในวงการบันเทิงต่อหรือจะไปเป็นเชฟเลย?

“ก็ต้องลองดูครับ เพราะปัจจุบันนี้โลกมันหมุนเร็วมาก แล้วเค้าทิ้งวงการนี้ไป 2 ปี ทุกอย่างมันเดินหน้าไปหมดแล้ว และการที่เค้าจะกลับมา ก็ยังมีคุยกันอยู่เลยครับว่ากลับมาเค้าจะเล่นละครได้มั้ย ต้องมาเริ่มต้นใหม่มั้ย และต้องยอมรับว่าเด็กรุ่นหลังๆ เด็กใหม่ๆเค้าเก่งและเค้าพัฒนาเร็ว เค้าพร้อมในทุกๆด้าน ถ้าจะกลับมาอีกครั้งนึงก็ต้องดูความเหมาะสมว่าน้องเค้าพร้อมมั้ย หรือว่าความต้องการของโปรดักชันในตอนนั้นมันเหมาะกับคาแรกเตอร์ของน้องมั้ย มันต้องดูหลายๆอย่าง แต่เค้าชอบเล่นละครนะ เค้ายังรักที่จะอยากทำงานละครอยู่ แต่เค้าเลือกเดิน ทางนั้นแล้ว ก็ต้องเดินต่อให้สุด”

กลับมาเค้าจะมีแพลนละครเลยมั้ย?

“ยังไม่รู้เลยครับ ใครจะมารอ 2 ปี คือก่อนที่จะไปก็มีโปรเจกต์ แต่สุดท้ายพอเราเลือกทางนู้นแล้ว ทางนี้เค้าก็ไม่สามารถรอได้หรอก ก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่คิดว่าเค้าคงทำอาชีพเชฟควบคู่ไปด้วยแหละ แต่อันไหนจะเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมก็คงต้องดูอีกทีครับ”.

ขอบคุณแหล่งที่มา : 
 thairath