"หนุ่ม ม้าม่วง" โดนบูลลี่ เป็นแรงผลักดันให้มีชื่อเสียง ลั่น!ถ้าไม่มีงานจะไปปลูกผักขาย
“หนุ่ม ม้าม่วง” เล่าประสบการณ์อาบน้ำในค่ายทหาร แพลนอนาคตถ้าไม่มีงานจะลาวงการไปปลูกผักขาย เผยที่มาของชื่อ “ม้าม่วง” เกิดจากถูกบูลลี่
รายการ “เบิ้ล AM” สัปดาห์นี้ขำไม่ไหว พบกับอินฟลูเอนเซอร์สายฮา “หนุ่ม สิทธิ์เดช หรือ ม้าม่วง Powerpuff Gay” คุยไปจกตำบักหุ่งไปม่วนคัก! มาเผยถึงจุดเริ่มต้นจากคำบูลลี่เป็นแรงผลักดันทำให้มีชื่อเสียงได้ถึงวันนี้ ซึ่งปัจจุบันได้ออกแบบชีวิตตัวเองแล้ว แพลนอนาคตถ้าไม่มีงานจ้างจะกลับบ้านต่างจังหวัดปลูกผักขาย พร้อมเล่าประสบการณ์อาบน้ำในค่ายทหาร
ม้าม่วงคือชื่อจริงๆ หรือชื่อในวงการ ?
หนุ่ม ม้าม่วง : ชื่อคนตั้งให้ดีกว่า คนบูลลี่เราสมัยก่อน คนในโซเชียล สมัยที่เราทำคลิปแรกๆ เขาเอาเราไปเปรียบเทียบกับมะม่วง ว่าหน้ายาวเหมือนมะม่วง หน้ายาวเหมือนม้า เราก็เลยเอา 2 คำนี้มารวมกัน ก็เลยตั้งเพจว่าชื่อว่า ม้าม่วง จนคนติดตามเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ปัจจุบันมีคนติดตามอยู่ที่ 2.9 ล้าน ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
หนุ่ม ม้าม่วง : ทำคลิปหนุ่มไบค์เกอร์ สมัยก่อนเราขับมอเตอร์ไซค์ แต่งตัวเป็นผู้ชายออกทริปออกอะไรกับพวกผู้ชายขี่รถบิ๊กไบค์ สมัยอยู่อุบล แล้วพอมาอยู่กรุงเทพฯ เราก็เลยไปซื้อเงินผ่อน ตอนนั้นเพื่อนผู้หญิงเราไม่เยอะ มีแต่เพื่อนผู้ชายกับเพื่อนกะเทย พอมาอยู่กรุงเทพฯ เราก็เลยทำคลิปลง TIKTOK ขับไบค์เกอร์ใส่เสื้อแขนยาวพอดึงออกมาเป็นชุดว่ายน้ำวันพีชแล้วก็เดิน นั่นคือคลิปแรกๆที่มันเปรี้ยงขึ้นมา แล้วก็มีรายการนั้นรายการนี้ติดต่อเราไป ก็เริ่มทำสไตล์นี้ไปเรื่อยๆ จนเริ่มมี Powerpuff Gay ที่ทำกัน 4 คน ก็จะมีพี่ใหม่ อาร์ต เต้ แล้วก็เรา
จริงไหมที่เป็นทหารมาก่อน ?
หนุ่ม ม้าม่วง : เป็นมา 1 ปี เป็นพลทหาร เรียนจบแล้วไปเกณฑ์ทหาร ก็จับได้ใบแดง ทบ.1 ผลัด1
อาบน้ำวันแรกเป็นยังไง ?
หนุ่ม ม้าม่วง : ว้าย! จะเล่าให้ฟัง วันแรกเข้าไปเขายังไม่ได้จับเวลา แล้วเราจะอาบ วันต่อมาเท่านั้นล่ะ เขาให้เข้าแถวไปยืนเรียงกันอาบน้ำคนที่สูงมันต้องอยู่ข้างหน้า (หัวเราะ) ด้วยความที่กะเทยเห็นของผู้ชายเราก็กลัวตัวเอง …. เข้าใจไหม เราก็เลยหลับตาอยู่นั่นแหล่ะตายๆ เข้าใจไหมคนอยู่เป็นร้อย มันต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เป็นสเปคเรา พอเขาบอกแถวหน้ากลับหลังหัน เราก็เขินมากแล้วก็พยายามคิดเรื่องดราม่าที่สุดในชีวิตก็เลยผ่านไปได้
มีมุมมองยังไงกับ LGBTQ ในปัจจุบันที่มีสมรสเท่าเทียม ?
หนุ่ม ม้าม่วง : เรารู้สึกว่ามันดีนะ รู้สึกว่าตอนนี้เปิดกว้าง ไม่ใช่ยุคที่รุ่นพี่เขาสู้มาจนกว่ามันจะได้อย่างทุกวันนี้ รู้สึกว่ารุ่นของเรามันสบาย แล้วรุ่นต่อไปก็น่าจะสบายขึ้น แต่เราก็อยากให้มันมีเรื่องสวัสดิการควบคู่กันไป อยากให้เป็นเหมือนผู้ชายผู้หญิงทั่วไป เพราะว่าทุกคนเสียภาษี ขอบคุณรุ่นพี่หรือคนที่สู้มาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้หัวใจเป็นยังไงมีคู่หรือยัง ?
หนุ่ม ม้าม่วง : มีแฟนแล้วค่ะ คบกันมา 2 ปีแล้ว ก็น่าจะไปเรื่อยๆ เรื่องการคบกันมันอยู่ที่สองคนตกลงกัน ความรักออกแบบได้
ช่วงนี้ได้ข่าวว่างานเยอะขึ้น ก็เริ่มมีแนวทางในการรับงานมากขึ้น ?
หนุ่ม ม้าม่วง : มีการจัดการตัวเอง อะไรควรทำ ไม่ควรทำ อันไหนที่รู้สึกว่าทำไม่ได้จริงๆ ก็เลือกที่จะเริ่มปฏิเสธ รู้สึกว่าถ้ารับมาแล้วทำไม่ได้จะเฟล ต้องขอโทษจริงๆ เพราะไม่อยากให้ลูกค้าเสียความรู้สึก แล้วเราก็ไม่อยากนอยด์ทีหลัง เริ่มจัดการตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหน หรือการติดต่องานกับลูกค้า ที่มีให้เห็นตามข่าวอยู่ว่า มีการเอาแชทออกมาปล่อยว่าไม่รับงาน เรารู้สึกว่าทำไมถึงไม่มองมุมกลับว่าที่ไม่มาแคชเพราะเขาไม่อยากเป็นหรือเปล่า เรื่องการรับไม่รับคือการคุยงานกัน 2 คน ที่มืดไม่ควรเอามาไว้ที่แจ้ง เราก็เคยโดนโกงจากการรีวิวของ โดนโกงหลายแสนก็เลือกที่ไม่ออกมาพูด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของคน 2 คน ถ้าเราอยากแจ้งความจะแจ้งเอง แต่รู้สึกว่าไม่อยากมีเรื่องดราม่าหรือมีประเด็น ก็ปล่อยให้มันเป็นครูหรือเป็นหนังสือเล่มหนึ่งให้ควรระวังตัวกับเรื่องแบบนี้ในครั้งต่อไป
คิดว่าอะไรในตัวเราที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ ?
หนุ่ม ม้าม่วง : ทุกรายการจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราให้เครดิตคนดู คนหยอก คนมาคุยเล่นกับเราในทุกครั้งที่ไลฟ์สด หรือลงคลิป ให้เครดิตคนติดตาม คนที่แคปรูปเราไปเล่น แคปคลิปเราไปลง ที่กระจายออกไปจนเป็นม้าม่วงจนถึงวันนี้ มาอยู่ในทุกวันนี้ได้ก็เพราะพวกเขาเลย
มีธุรกิจไหนอีกไหมเป็นความฝันที่อยากจะทำในช่วงนี้หรือในอนาคต ?
หนุ่ม ม้าม่วง : ปลูกผักขาย หรือทำไร่ทำนา อยากอยู่แบบนั้น เพราะรู้สึกว่าอาชีพนี้ได้เห็นข่าวหลายๆ แบบ ทุกอย่างแหล่ะที่รู้สึกว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่ออกแบบชีวิตตัวเองตอนนี้ แล้วเราจะไปออกแบบตอนไหน ต้องมีแผนสำรอง แล้วตอนนี้แผนสำรองของเราก็กำลังเริ่มจะเป็นจริง กำลังไล่ไปตามสเต็ป ถ้าวันหนึ่งไม่มีงานเลยในกรุงเทพฯ ไม่ใช่ม้าม่วง ไม่มีใครจ้างแล้ว เราจะขายบ้านที่อยู่กรุงเทพฯตอนนี้ แล้วเอาเงินนี้ไปอยู่บ้านที่เราซื้อไว้ เพราะบ้านที่กรุงเทพฯซื้อเงินสด ทุกวันนี้ไม่มีหนี้ มีแค่รายจ่ายในครอบครัวในบ้าน.
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น