สุนารี เคลียร์ปมคนห่วงหวั่นออกจากวงการ ประกาศขายบ้านย้ายกลับไปอยู่โคราช
สุนารี เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต สูญเสียคุณแม่ในอ้อมแขน เคลียร์ปมคนห่วงหวั่นออกจากวงการ ประกาศขายบ้านย้ายกลับไปอยู่โคราช อัพเดตสถานะหัวใจ มีหนุ่มอังกฤษเพิ่ม
เปิดใจสาวแกร่ง สุนารี ราชสีมา หลังผ่านมรสุมชีวิตวินาทีบีบหัวใจสูญเสียคุณแม่หมดลมหายในอ้อมแขน พร้อมเผยคำขอครั้งสุดท้ายของแม่ เปิดสาเหตุขายบ้านหรู 2 หลังกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด พร้อมอัพเดตสถานะหัวใจกับหนุ่มต่างชาติ 3 คน 3 สไตล์ ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ ชมพู่ ธัณย์สิตา เป็นพิธีกร
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจด้วย ตอนนี้หัวใจเป็นยังไงบ้าง ? “โอเคแล้ว เริ่มงานมาได้ 3-4 วันแล้ว หยุดไปประมาณ 2 เดือนกว่า”
เห็นว่ากลับมาทำงานได้ 3-4 วัน ยังงงๆ อยู่เพราะว่าหยุดยาว ? “คอมเมนต์นักร้องที่ประกวดเสร็จ จริงๆ ก็ต้องรอค่อยมาตัดสินอีกที คอมเมนต์เสร็จปุ๊บตัดสินคนเดียวเลย ยังงง เราลืมเสต็ป”
อยู่คนเดียวยังมีเศร้าอยู่มั้ย? “มีค่ะ กลับจากทำงานมาดึกๆ หยิบโทรศัพท์ดูรูปแม่ ดูคลิป พอยิ่งดูยิ่งคิดถึงได้กลิ่นของเขา”
ขอย้อนถามจุดเริ่มต้นของคุณยายท่านเกิดอาการอะไรขึ้นมา ? “แม่ก็เป็นโรคชราไม่ได้ป่วยอะไรเลย แม่ไม่ได้มีโรคอะไรเลย แต่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เริ่มมีอาการหลงเหมือนสมองมันสั่งงานรวน พอมันรวนเขาไม่นอน พอไม่นอนก็ไม่ค่อยกินด้วย ลูกๆ ก็เป็นห่วง พี่สาวก็พาเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ ให้ยา นอนให้เขาได้พักผ่อน ตามสเต็ปของหมอที่
ที่บอกว่าอ่อนแรงไม่ใช่อ่อนแรงจากโรคภัยแต่อ่อนแรงจากการที่สมองสั่งการผิด ? “ใช่ๆ ก็วัยชราของเขานั่นแหละ อวัยวะมันเสื่อมแล้ว ตั้งแต่วันนั้นก็ขับรถกลับโคราชดูแลแม่ตลอด อาจจะมีบางช่วงบางงานที่ขาดไม่ได้ต้องมาก็ขับรถกลับมา ก็จะอยู่กับแม่อยู่อย่างนั้นจะมีดีขึ้นมาบ้างพอได้นอนได้พักแล้วก็จะเป็นอีก แล้วก็กลับมาเป็นเด็ก เล่นแบบเด็ก เห็นหลานๆ วิ่งเล่นเขาก็บอกอยากเล่น เล่นเหมือนเด็กเลยนะในวัย 97 เห็นใครกินอะไรก็จะอยากกินมั่ง ขอกิน ยังไม่ได้กินเลย จะเป็นอยู่อย่างนี้”
บางครั้งจะมีอาการจำลูกๆ ไม่ได้ ? “ใช่ค่ะ บางทีก็จำได้บางทีก็ลืมเหมือนเป็นอัลไซเมอร์ โรคชรา”
เรียกได้ว่ายื้อชีวิตทุกๆ ทางถึงขั้นว่าบนบานศาลกล่าว ? “ก็ทั้งบน ทั้งทำบุญ ตอนนั้นวิ่งทำบุญด้วย ชาวบ้านที่นับถือศาลตาปู่ก็เหมือนกับศาลตายายที่บ้านเรา ก็บนเพราะว่าแม่เขาเป็นคนแก่ประจำหมู่บ้านเผื่อว่าแกจะช่วย เราก็ทำทุกวิถีทาง”
ไปบนอะไรบ้าง ? “ประเพณีก็คือศาลตาปู่เขาจะชอบหัวหมู บนหัวหมู 99 หัวกับเหล้าขาว บนคู่กับเรื่องของหลานด้วย พอดีเขาป่วยแล้วก็เขาก็ดีขึ้น จริงๆ ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้วเพื่อความสบายใจอะไรก็ได้ชั่วโมงนั้นที่ไมได้ไปเบียดเบียนใครมากมาย”
ครั้งนี้ตัดสินใจประกาศลายาวๆ 2-3 เดือนเลย ? “ใช่ ขอหยุดยาวๆ เลย เพราะมันสุดท้ายแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ไม่มี มีบ้างที่หยุดไปหา แต่แม่ยังแข็งแรง เราเองก็ยังแข็งแรง เหมือนกับแม่เข้าใจงานของเราก็หวังว่าแม่จะเข้าใจเรา มันเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นหลักของครอบครัว หยุดยาวก็ไม่ได้ขาดรายได้ มันก็ต้องดูแลครอบครัวใหญ่มาก เหมือนวันนั้นแม่เขาก็อดทน
ถามว่าเราโหยหาแม่มั้ย เราโหยหานะ แต่เราก็อดทนทำหน้าที่ของคนที่ซัพพอร์ตทุกอย่าง แม่เขาก็อดทนเขาก็โหยหาเรา คิดถึงลูกคนหนึ่งที่ 40 ปีที่ต้องห่าง จนวันนึงแก่อ่อนลงเราเห็นแม่อ่อนลง เขาก็หลุดปากออกมาว่ามาอยู่กับแม่นะ มาดูแลแม่นะ อย่าทิ้งแม่ไปไหน แล้วตลอด 40 ปีเราก็โหยหาเขา วันหนึ่งที่แม่หลุดปากมา เราก็โฮเหมือนกัน”
ท่านพูดประโยคไหน ? “บอกว่าอย่าทิ้งบ้านเรานะกลับมาอยู่กับพี่กับน้องกลับมาอยู่กับแม่ อย่าทิ้งแม่ไปไหน คือเรื่องของเรื่องแม่เขารู้ว่าเราไปซื้อที่ที่อุทัยธานีแล้ววางแผนว่าบั้นปลายชีวิตจะไปอยู่ที่นั่น ก็เหมือนลูกหลานไปเล่าให้ฟังว่าน้าแหลม ป้าแหลม ย่าแหลม ยายแหลม เขาจะไม่ได้มาอยู่บ้านเรานะ เหมือนคุณยายก็เก็บข้อมูล เขารักลูกรักหลานเขาทุกคน เขารักบ้าน รักที่รักทุกอย่างของเขา เขาก็กลัวว่าเราจะทิ้งตรงนั้น
แต่จริงๆ เราไม่ได้ทิ้งหรอกแค่ว่าเราจะทำบ้านอยู่อีกที่นึง แต่ว่าอยู่ตรงนั้นเป็นหลักแล้วก็ไปๆ มาๆโคราช เขาก็เก็บข้อมูลเอาไว้ วันหนึ่งที่เขาอ่อนลงเขาก็พรั่งพรูออกมาเลย เราก็น้ำตาแตกตอนแรกยังไม่รับปากแม่นะตอนที่ยังแข็งแรงยังซนอยู่ แต่แกพูดถี่มาก พอเรามาทำงานเหมือนแกเพ้อพูดอยู่ตลอด เรียกหาแต่เรา พอกลับไปอีกรอบเลยรับปากแกเลย พอรับปากแกปุ๊บเหมือนแกทิ้งร่างเลยนะ แกไม่ดื้อ ไม่กิน เงียบ เหมือนแกโอเคแล้ว”
เหมือนแกหมดห่วงมั้ย ? “ใช่ เหมือนแกหมดห่วง แกรอให้เรารับปาก เพราะแกรู้ว่าถ้าเรารับปากแล้วจะไม่คืนคำ ถ้าเราพูดว่าจะทำอะไร เราจะทำ”
อันนี้รับปากตอนที่ไปดูแลในช่วง 2 เดือนแล้วก่อนที่ท่านจะไปหรือว่ารับปากก่อนที่เราจะไปดูแลท่าน 2 เดือน ? “รับปากตอนที่เราไปดูแลท่าน เขาจะพูดอยู่ตลอดแล้วเราก็ยังไม่รับปาก เราก็คิดว่าเราไปซื้อที่ไว้ แล้วเขาถึงขั้นเพ้อตอนที่เราไม่อยู่ พอรับปากแกเราเข้าใจว่าแกโล่ง ยังไงพี่น้องก็มีคนดูแล”
มีคำสั่งเสียสุดท้ายมั้ย เห็นว่าท่านมีทิ้งท้ายไว้เหมือนกัน ? “จริงๆ ไม่มี สุดท้ายแม่หมดลมไปเฉยๆ เพราะว่าในระหว่างนั้นเราก็วางแผนจะบวชลูกกับหลานจาก 3 องค์ เป็น 9 องค์คือบวชพระตอนที่แม่ยังแข็งแรงอยู่ยังแค่หลงๆ ยังไม่ได้อ่อนมาก วางแผนว่าแม่จะบวช 9 องค์วันที่ 19 แต่ดูแล้วเหมือนแม่อ่อนลงเรื่อยๆ เลยขยับมา 15 พอดีลูกคนเล็กสอบเสร็จวันที่ 14 บ่าย ก็บึ่งรถไปมันเต็มที่แล้วมันย่นมาใกล้สุดได้วันที่ 15 ก็ไม่ทัน แม่หมดลมวันที่ 9”
เห็นว่าในอ้อมแขนพี่สุเลย ? “ใช่ค่ะ ลูก 8 คนอยู่หมดแล้วก็หลานชาย 2 คนที่เขาเลี้ยงมา”
ระยะเวลาหลังจากที่ขอพี่สุว่าให้ดูแลทุกคนนะ อีกสักกี่วันคุณยายท่านถึงทิ้งร่างไป ? “หลังจากที่แม่กลับมาทำคลิปขายบ้าน ก่อนวันที่จะทำคลิปจะโพสต์คลิปว่าฉันจะปล่อยบ้านนะ ฉันจะไปทำหน้าที่ลูก วันนั้นขับรถมาจากโคราชมาถึงกรุงเทพฯ รับปากแม่เสร็จแล้วพอมาถึงกรุงเทพฯ ปุ๊ปก็ตั้งสติว่าจะพูดยังไง ทำคลิปยังไงจะไม่โดนปิดกั้น คนจะได้เห็นเยอะๆ แล้วเราก็จะได้ขายบ้านได้ วันนั้นแหละจนถึงวันที่ 9 ซึ่งแม่จำไม่ได้แล้วว่าแม่โพสต์วันไหน แต่มันไม่กี่วัน น่าจะไม่ถึง 10 วัน”
บอกว่าเสียใจยังทำได้ไม่ดี ทำไมถึงคิดยังงั้น ? “บางทีเราอยากได้อะไรเยอะไปหรือเปล่า หรือการที่เราคิดว่าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราต้องหาเงินอย่างเดียวโดยที่เราจัดการเวลาไม่ดีเลย จริงๆ เราสามารถจัดได้นะที่จะแบ่งเวลาไปดูเขาให้มากกว่านี้ เราก็ทำได้แต่ทำไมเราไม่ทำ เราเห็นว่าเขาทนได้ เราเห็นว่าไม่เป็นไรลูกมีงานก็ทำไปเถอะแม่เข้าใจ เห็นว่าแม่เข้าใจก็เลยทำหน้าที่ตรงนี้ พอเวลามันเหลือน้อย เราเห็นแม่เราอ่อนลงทุกวันๆ เรารู้เลยว่าทำไมเราไม่กลับไปดูแลแม่เราตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเราไม่จัดสรรเวลาให้ดีกว่านี้ ทำไมเราไม่ทำ เรามีข้ออ้างสารพัดเลย เราก็โหยหาแกนะ เราก็อยากกอด เราอยากทำกับข้าวให้แกกินเหมือนพี่ๆ เรา เวลาเรากลับไปเราก็พูดกับพี่ๆ เรานะว่า ฉันน่ะอิจฉาพวกป้าจังเลยได้อยู่ดูแลแม่ แต่หนูต้องเป็นทัพหน้าออกไปทำงานหาเงิน หนูเข้าใจแต่ว่าเอาจริงๆ หนูอิจฉา หนูอยากได้มีโอกาสปรนนิบัติแม่เหมือนป้าๆ ก็พูดกับพี่ๆ
อยากให้ทุกคนมองเรื่องพี่สุเป็นกรณีศึกษาเผื่อมันจะมีประโยชน์และจัดสรรเวลาได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งรู้อย่างงี้ พี่สุก็ว่าพี่สุทำเต็มที่แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เรารู้สึกมันยังน้อยมากเพราะฉะนั้นยังมีเวลาแม่ยังแข็งแรง พ่อยังแข็งแรง ดูแลเขาเถอะ เงินสำคัญค่ะแต่ว่าสุดท้ายวันที่แม่ป่วยทำไมเราหยุดงานได้ตั้ง 2 เดือนกว่า เงินไม่เข้ากระเป๋าเราสักบาททำไมเราหยุดได้ล่ะ ถูกมั้ย ก็ทำไมเราไม่จัดสรรแต่แรกล่ะ เงินก็เข้าบ้างอะไรบ้างมีเวลาให้พ่อแม่บ้างมันก็ทำได้ควบคู่กันไป อยากให้ทุกคนเป็นแง่คิดนะคะ”
อีกเรื่องนึงเป็นเรื่องน่าตกใจหลังจากประกาศขายบ้านหรู แต่จริงๆ ไม่ต้องขายก็ได้มั้ย เพราะว่าแม่ก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานที่กรุงเทพฯ ? “มีหลายคนบอกว่าไม่ต้องขายก็ได้วิ่งไปวิ่งมาเอา แต่บ้านเรามีหมา 30 กว่าตัว มีแม่บ้าน 2 คนอยู่บ้าน ถ้าเราไปอยู่โคราชเป็นหลักถึงวันนี้แม่ไม่อยู่แล้วเราก็ต้องอยู่ที่โคราช จะไม่ทำให้ยายรู้สึกว่าพอยายไม่อยู่ก็เหมือนเดิมไม่ทำ เราก็ยังต้องไปอยู่โคราชเป็นหลัก เวลามีงานก็วิ่งกลับมาทำงาน ทีนี้บ้านสองหลังเราต้องย้ายหมาย้ายแม่บ้านไปโคราชหมดเลยแล้วต้องมาจ้างคนดูแลอีกมันก็สิ้นเปลือง ขายได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นตอนนี้ก็ทยอยขนของ”
ทุกวันนี้พักที่โคราชเป็นหลักเลย รับปากทำตามคำที่บอกคุณยายว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ? “ใช่ค่ะ แต่ยายไม่อยู่ก็ต้องอยู่ ยิ่งยายไม่อยู่เรายิ่งต้องไปให้เร็วที่สุด เพราะรับปากไปแล้ว”
แล้วที่ที่อุทัยธานีที่บอกว่าจะเป็นบั้นปลายเป็นแพลนขายต่อไปมั้ย ? “อันนั้นที่นามีคนดูแลเขาทำนาแล้วแบ่งกันให้เขาทำนาแล้วแบ่งเป็น 3 ส่วน เราได้ข้าวมาส่วนหนึ่ง คนที่ทำได้ไป 2 ส่วน ส่วนที่ไร่เดี๋ยวกำลังจะวางแผนว่าอาจจะลงผลไม้ เก็บไว้ให้ลูก”
ทุกวันนี้มาทำงานนั่งรถมาจากโคราช ? “เราขับรถเอง พรุ่งนี้วันที่ 3 กลับโคราชแล้ว ไม่เหนื่อยแต่มีความสุข ถ้ารู้สึกง่วงจะแวะปั๊มแล้วจะนอนเลยแล้วตั้งปลุกนอนครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงนึง”
ตอนนี้บ้าน 2 หลังก็ยังไม่ได้ขาย ทำไมไม่นอนที่กรุงเทพฯ เพื่อพักผ่อน ? “ก็นอนเวลาทำงานแต่พอถ้าว่าง 3 วัน วันรุ่งขึ้นต้องกลับ ถ้าบ้านขายได้ก็ไปนอนบ้านลูกชาย บ้านลูกชายอยู่ติดกันอยู่ถนนราชพฤกษ์เหมือนกัน ที่ร้านก็ยังอยู่ตรงซอยไทรม้าที่เป็นสต๊อกปลาร้าร้านเฟอร์นิเจอร์ของลูกชาย”
ลูกชายน้องฮีโร่กับอาเธอร์บวชให้กับคุณยายด้วย ? “เด็กๆ น่ารักแล้วก็มีหลานๆ แล้วก็มีลูกชายของแม่เขานั่นแหละ รวมกันบวชทั้งหมด 9 องค์ เป็นบวชพระนะคะ 9 องค์บวชพระให้ยายส่วนบวชหน้าไฟมีอีก 3 องค์ต่างหากไม่เกี่ยวกัน”
อายุเท่าไหร่กันบ้าง ? “คนโตอายุ 29 ย่าง 30 แล้ว ส่วนคนเล็ก 28 เต็มย่าง 29 เพราะว่ามีหัวปีท้ายปี”
เขาเม้าธ์ว่าแม่จะเลื่อยขาเก้าอี้คอมเมนเตเตอร์พี่สุ ? (โฟนอินกับฮาย อาภาพร) ฮาย : “ถ้าขาเขาแข็งขนาดนั้นใครก็เลื่อยไม่ได้ เรามีอะไรให้ทำเยอะแยะ จริงๆ เรามีอะไรปรึกษากันมากกว่า”
ตอนได้ข่าวเรื่องคุณแม่ของพี่สุนารีรู้สึกยังไงบ้าง ? ฮาย : “จริงๆ ก็ทำงานกับเจ๊ตลอด แกก็บอกว่าแม่ไม่ค่อยดีเลยตั้งแต่แรกเลย แกก็ขับรถไปมา บางทีมาถึงแต่งหน้าแล้วก็เข้ารายการเลย ยายต้องการมากๆ เรารู้ว่าบั้นปลายของคนแก่เขาอยากเห็นลูกทุกคนมาอยู่ด้วยกัน อยากได้ความอบอุ่นจากลูก เลยบอกว่าเจ๊ทำหน้าที่ลูกได้สมบูรณ์มากที่สุด บางคนจะอ้างว่าติดงานมาไม่ได้มาอีกทีแม่ไม่อยู่แล้ว เจ๊แกเหนื่อยมากแต่เขาเป็นคนจัดระบบระเบียบของเขาได้ดี เขารู้ว่าสิ่งไหนควรมาก่อนสิ่งไหนควรตาม ก็ให้กำลังใจตลอดแต่ว่าอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้พูดเยอะๆ ไม่ค่อยได้มีโอกาสบอกเจ๊สักเท่าไหร่ เห็นการกระทำของเจ๊ก็ชื่นชมตลอด เป็นพี่สาวที่น่ารักที่สุด เป็นพี่สาวที่ทุกคนดูแลต้องเอาเยี่ยงอย่าง”
สุนารี : “เจ๊ต้องขอบคุณหนูด้วยนะ ฮายเขาก็เป็นคนแรกๆ เลยที่รู้ว่ายายเสีย เขาก็วิ่งไปให้กำลังใจคนแรกๆ เลย ขอบคุณมาก เขาเข้าใจเพราะว่าเขาเป็นคนดูแลแม่”
หลังๆ 3 สาว ตั๊ก สุ ฮาย ไม่ค่อยได้รวมตัวกัน เบื้องหลังมีเรื่องทะเลาะกันจริงมั้ย มีเรื่องธุรกิจแบ่งส่วนขายกำไรน้ำพริกกันอยู่ ? ฮาย : “ทุกคนมองว่าทะเลาะแต่เราไม่ได้ทะเลาะ เราชอบหยิกกันมากกว่า ยังไงก็แล้วแต่เป็นกำลังใจให้เจ๊ตลอด น้องเข้าใจความรู้สึกมากๆ”
สุนารี : “เราทำอะไรไม่เคยอิจฉากันหรอก มีแต่สนับสนุน เป็นคนแนะนำด้วยซ้ำไป”
ฝากให้กำลังใจ? ฮาย : “เจ๊ขาน้องเป็นกำลังใจให้นะ”
สุนารี : “รักหนูๆ รักยายเล้งด้วย”
อัพเดตหน่อยครั้งที่แล้วบอกว่ามีคนมาคุย 3 แบบ 3 สไตล์ 3 ประเทศเลย ตอนนี้เหลือกี่คนหรือว่าเพิ่มขึ้น ? สุนารี : “เพิ่มค่ะ(หัวเราะ) เขาคงเห็นใจเรานั่นแหละ พูดถึง 3 หนุ่มที่ยังติดต่อกันอยู่เป็นเพื่อนกัน ยังแค่เพื่อนไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่านี้ มีเดนมาร์ก นอร์เวย์ แล้วก็สเปน พอดีช่วงที่กลับไปดูคุณแม่ เราไม่ได้ตอบเขาเลย แม้แต่เพื่อนรักกันสนิทกันเรายังไม่ได้ตอบเขาเลย ไม่ได้ติดต่อเหมือนปิดโลกเลยดีกว่าอยู่มุมนั้นเลย ใช้เวลาอยู่กับแม่เลย”
คนเก่าก็ไม่ค่อยได้ตอบ คนใหม่ก็เข้ามาอีกประเทศไหน ? สุนารี : “อังกฤษ จริงๆ ไม่ได้ใหม่หรอก เป็นเพื่อนเก่าส่งมาแสดงความเสียใจ”
ในสายตาแม่รู้สึกคนไหนที่คุยด้วยแล้วเข้าตา ? สุนารี : “เด็กๆ นี่น่ารักทุกคนเลย เวลาคุยเขาก็จะชวนคุยมากกว่าความเป็นเพื่อน เราก็จะหยุดพอมันเริ่มมีประโยคไหนที่มันรุกมาเราก็จะบอกว่าฉันจะต้องทำงาน หรือถ้าเขามาไทยชวนไปกินข้าวก็จะไม่ไปก็จะบอกว่าฉันติดงาน ยังไม่อยากคบใครเลย แต่มีอยู่คนนึงเขาเห็นเราโพสต์ภาพแม่ เขาส่งมาแสดงความเสียใจด้วยก็คือหนุ่มสเปน แต่ว่าเรามาเปิดหลังจากที่งานเสร็จแล้วนะ จบงานยายทุกอย่าง”
สถานะตอนนี้ก็คือยังไม่เปิดใจถ้ามันรุกเกินเส้นกว่าคำว่าเพื่อน ? สุนารี : “ยังไม่ค่ะ อยากอยู่กับความรู้สึกกับแม่กับทุกๆ อย่างที่เป็นครอบครัวเราก่อน”
วางแผนบั้นปลายว่าอยากจะครองชีวิตโสดมากกว่ามั้ย ? สุนารี : “อันนั้นปล่อยตามธรรมชาติ ถ้าจะเจอจะมีก็ปล่อยตามธรรมชาติ ถ้าจะไม่มีก็อยู่ไปไม่เดือดร้อนก็มีความสุขได้แบบโสดก็ได้ ก่อนที่แม่จะป่วยแม่ก็มีความสุขกับชีวิตโสดนะ อยากจะกินอะไร อยากไปดริ้งค์ไปดื่มกับเพื่อนมันเหมือนกับชีวิตเป็นของเรา”
อยากให้พูดกับแฟนคลับแม่หน่อยเพราะทุกคนเป็นห่วงแม่ ? สุนารี : “สบายแล้ว คือจริงๆ พอพูดถึงก็จะมีน้ำตาก็แม่ทั้งคน แต่เอาจริงๆ มันอยู่ได้มันต้องเดินต่อไป ไม่ต้องห่วง ขอบคุณทุกๆ กำลังใจทั้งแฟนคลับ ลูกๆ หลานๆ ทั้งคนในครอบครัว ทั้งคนในวงการเพื่อนๆ ในวงการทั้งหมด แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าก็ยังให้กำลังใจเรา ขอบพระคุณมากๆ ก็ขอให้สิ่งที่ปรารถนาดีกับสุส่งกลับไปถึงทุกๆ คนด้วยเช่นกัน ขอให้โชคดีทุกคน ไม่ต้องห่วงนะ งานในวงการก็ยังทำ หลายคนกังวลว่าจะออกหรือเปล่า กลับไปอยู่บ้านก็จริง แต่ยังทำงานในวงการเหมือนเดิม”
ติดตามช่อง Youtube : Orange Mama
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น