ซุปตาร์บันเทิง - ‘ด้งเด้ง-ตาต้า’กว่าจะมีวันนี้ โกยชั่วโมงบิน-รอทำในสิ่งที่ฝัน
เป็นคู่หูที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ภาพยนตร์ไทบ้าน สำหรับ 2 นักแสดงดัง ‘ด้งเด้ง’ ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร และ ‘ตาต้า’ ชาติชาย ชินศรี ผู้มีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว
วันนี้มาฟังทั้คู่เล่าย้อนเรื่องราว จากจุดเริ่มต้นที่ได้มาเล่นหนังไทบ้านจนโด่งดัง และต่อยอดไปสู่งานอื่นๆ พร้อมอัพเดตชีวิตส่วนตัวเรื่องหัวใจ
• ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นที่ได้มาเล่นหนังไทบ้าน?
ด้งเด้ง – “เรามารู้จักกันเพราะไทบ้าน เราเป็นรุ่นก่อตั้ง พี่ศักดิ์ (สุรศักดิ์ ป้องศร) ผู้กำกับฯ ไทบ้านภาคแรกมาชวน ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังธีสิสส่งครู ตอนมีโปรเจ็กต์ได้นักแสดงแล้ว แต่ยังไม่ได้ถ่ายทำเพราะไม่มีทุน ก็เลยมาทำความคุ้นเคยไปมาหาสู่กัน”
ตาต้า – “มาใช้ชีวิตด้วยกันก่อนจะถ่ายภาพยนตร์ภาคแรก ตอนนั้นที่เริ่มแคสต์นักแสดง ด้งเด้งเพิ่งเข้าปี1 ผมอยู่ม.6 หนองบัวลำภู แล้วผมมาแคสต์ มาเรียนต่อปีหนึ่ง พวกด้งเด้งขึ้นปีสอง แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
• ถ้าสมมติไม่ได้เล่นหนังไทบ้าน คิดภาพตัวเองทำอะไรอยู่?
ด้งเด้ง – “ไม่รู้จะเตะฝุ่นอยู่ตรงไหน ก็อยากเป็นข้าราชการให้พ่อแม่ แต่สอบไม่ติด ถ้าผมไม่ได้เป็นนักแสดง คงทำฟาร์มอยู่บ้าน เพราะตอนนี้ก็กำลังทำอยู่”
ตาต้า – “ส่วนผมคงทำกิจกรรมกับเพื่อนอยู่แถวบ้าน เล่นดนตรี เพราะความสามารถเดียวที่มีคือเล่นดนตรีร้านเหล้า”
• ตอนนี้มองว่าไปต่อกับอาชีพนักแสดงได้แล้ว?
ตาต้า – “ผมเพิ่งรู้ตัวว่ารักมัน ตอนที่ผมเงินหมด พูดได้เต็มปากว่าทิ้งมันไม่ได้”
ด้งเด้ง – “ตอนแรกทิ้งไปแล้ว เขาอยากไปเล่นดนตรี ถ้าเป็นผมมีอะไรที่อยากทำผมก็ไปนะ แล้วตอนนั้นเขามีทีมก็เลยไปทำดนตรี”
ตาต้า – “ตอนนั้นไม่ได้หมดไฟ เป็นคนหัวรั้น พูดตรงๆ ไม่เคยคิดว่าจะรักการแสดง แค่คิดว่าตัวเองทำได้ และทำได้ดีเป็นผลพลอยได้ แต่ก็ไม่ได้รัก จนสุดท้ายปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคืออีกชีวิตหนึ่ง อีกตัวตนหนึ่งไปแล้ว
ตอนแรกตัดสินใจไม่เอาแล้ว จนไปพูดให้ต้องเตฟังว่า ฆ่ากูเลยในเรื่อง สัปเหร่อ ให้บักเซียงตาย พอไปโพสต์แบบนั้น คนก็เดาออกว่าจะประกาศเล่นสัปเหร่อเป็นเรื่องสุดท้าย เซียงตายแน่ เอาแล้วไปทำให้เส้นเรื่องเขาได้รับผลกระทบ พอเขาไม่ให้เซียงตาย หนังกลับประสบความสำเร็จ เขาก็เลยทำต่อ”
• จุดที่ทำให้คิดได้ว่า ต้องกลับมาเล่น “สัปเหร่อ” ไม่ไปไหนแล้ว?
ตาต้า – “ผมลองไปจนสุด ดีใจที่ได้ลอง รู้แล้วว่ามันอาจจะมีสักวันหนึ่งที่เราค่อยกลับมาทำก็ได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อมแบกรับ รอก่อนนะความฝัน เดี๋ยวกลับมาแน่ แต่ตอนนี้ไปก่อน ไปเอาสิ่งที่คนเชื่อว่าเราทำสิ่งนี้ได้ดี”
ด้งเด้ง – “ทุกอย่างต้องใช้เงิน เหมือนผมที่ทำฟาร์ม มีแต่ควักเงิน ถ้าไม่มีทุน ความฝันเราคงไม่สำเร็จ ความฝันกับการทำงานหาเงินมันคนละอย่างกัน”
ตาต้า – “พอสัปเหร่อประสบความสำเร็จ ก็เลยอยู่ยาว”
• คำว่าพระเอก 700 ล้าน เริ่มดัง มีชื่อเสียง แล้วยังเป็นตัวของตัวเอง ไม่หลงระเริง?
ตาต้า – “นี่แหละครับคำว่าเป็นตัวตน ตั้งแต่วันแรกที่พูดอีสานก็พูดเหมือนเดิม เป็นตัวเองเหมือนเดิม ผมว่าเป็นเสน่ห์ของพวกเรา”
ด้งเด้ง – “ไม่ใช่พวกผมสำเร็จแล้วถึงมาพูด พวกเราเป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้พูดเอาเท่ แต่เรายังอยู่แบบนี้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใช้เงินเก่งกว่าเดิม (หัวเราะ)”
• อยากเล่นบทที่ออกจากความเป็น จาลอด กับ เซียง ไหม?
ด้งเด้ง – “ถ้าผมทำแล้วกลัวไม่มีความสุข กลัวทำได้ไม่ดีพอแล้วจะเป็นแผลในใจ ที่พูดไม่ใช่ปฏิเสธ ติดต่อมาได้ครับ แต่ขอโอกาสให้ผมตัดสินใจหน่อย เพราะเราไม่ใช่คนมีฝีมือมีความรู้ด้านนี้ เรามีแค่ประสบการณ์ที่ทำหนังของพวกเราแค่นี้เลย
ตาต้า – “ผมดีใจที่ได้ไปเล่นหนังเรื่องอื่นๆ บทต่างๆ ส่วนหนึ่งที่กลับมามีไฟอีกครั้ง เรื่องเงินเป็นปัจจัยหลัก ณ ช่วงเวลาหนึ่งผมรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสอะไรมา ผมคว้าไว้ก่อน เป็นสิ่งใหม่ที่เราได้เรียนรู้ อยากไปลอง เป็นประสบการณ์ที่ดี ถ้าประสบการณ์ไม่ดีก็นำกลับมาเป็นบทเรียนให้เราก้าวข้าม เป็นบันไดอีกขั้นให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ”
• มาพูดถึงชีวิตส่วนตัวบ้าง ด้งเด้งมีครอบครัว มีลูกสองแล้ว?
ด้งเด้ง – “ดีนะ ที่ลูกยังจำหน้าผมได้ ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปทำงาน ก็ต้องยกเครดิตให้แฟนผม (กี้-เจนจิรา จำรูญพงษ์) ที่เลี้ยง ฉลาม กับ มาร์ลิน เติบโต เป็นเด็กที่น่ารัก เข้ากับคนง่าย ร่าเริงสดใส”
• คู่ของ ตาต้า ก็หวานมาก กับน้องกิ๊ฟ ชฎาพร มีแพลนแต่งงานเมื่อไหร่?
ตาต้า – “ยังไม่คิดเรื่องนี้ครับ ยังสนุกกับการทำงานและการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันตอนนี้ เลยไม่คิดว่าจะเอาสองคนมาผูกมัดกันขนาดนั้น เพราะเราใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น ไม่ได้อยากยึดติดผูกมัดด้วยการแต่งงาน จดทะเบียน สุดท้ายคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ อีก 10 ปีอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ พอวันหนึ่งเราไม่รักกันแล้วก็ไม่เป็นไร เราได้ทำเต็มที่ในพาร์ตความสัมพันธ์ อันนี้คุยกันเลยนะว่าไม่แต่งหรอก”
• แฟนเป็นเหมือนพาร์ตเนอร์คู่คิดคู่ชีวิต?
ตาต้า – “ทำทุกอย่างกับเขาเลย ที่มีทุกวันนี้ได้ส่วนหนึ่งเลยคือเขา เพราะเขาเป็นคนผลักดัน จากเป็นคนไม่เอาไหน มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก”
ด้งเด้ง – “ผมก็เหมือนกัน รู้สึกว่ามันมีจุดมุ่งหมาย ไม่งั้นคงสะเปะสะปะ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่พอมีลูกมีครอบครัวเราก็รู้ว่าเราทำเพื่อใคร แฟนผมเข้าใจ เราไม่ค่อยมีเวลา เขาซัพพอร์ตเราดี เสียสละตัวเอง เรายังได้ไปเจอคนมากมาย แต่เขาต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก ต้องยกเครดิตให้แฟนผมครับ สาวกี้ บ้านโนนสูง”
• รักครอบครัวทั้งคู่ คนหนึ่งแต่งงานแล้ว อีกคนไม่แต่ง?
ด้งเด้ง – “หมั้นครับ ยังไม่แต่ง เพราะท้อง พอรู้ว่ามีลูก เขาก็ต้องมีตัวตน ทำให้ถูกต้อง ท้องก่อนแต่ง แต่เราไม่ได้รู้สึกพลาด ครอบครัวเราไม่ได้กีดกัน พอมีแล้วก็แค่ทำให้ถูกต้อง คิดว่าจะจัดงานแต่งตอนลูกๆ โตแล้ว”
ตาต้า – “ผมไม่แต่ง แต่บ้านทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อเขาหมด เขาเป็นคนพาผมมาจุดนี้ เป็นคนทำให้เราคิดได้ ตรงนี้ควรจะเป็นของเขา เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับครับ”
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น