ซี-เอมี่ เปิดใจถึงเพื่อนสนิทที่จากไป อ๋อม อรรคพันธ์ พร้อมกับความสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้
2 นักแสดงคู่รัก ซี-เอมี่ เปิดใจถึงเพื่อนสนิทที่จากไป อ๋อม อรรคพันธ์ พร้อมกับความสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมเขาถึงไม่มั่นใจตัวเอง
คู่สามีภรรยา “ซี ศิวัฒน์” และ “เอมี่ กลิ่นประทุม” ควงแขนกันมาเปิดใจในรายการ WOODY FM แบบลึกซึ้งถึงเรื่องราวความรัก 19 ปี พร้อมเผยถึงเพื่อนรัก “อ๋อม อรรคพันธ์” พระเอกหนุ่มที่เพิ่งเสียชีวิตไป ว่าเขาเป็นคนแบบไหน
คุณทั้งคู่คบกันมา 19 ปี ?
ซี : คบกับมา 9 ปี แล้วก็ Anniversary 10 ปี รวมกันเป็น 19 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะทนกันได้นานขนาดนี้
เวลาที่คนเราอยู่ด้วยกันในวันแรกกับวันนี้ แน่นอนว่าเราเปลี่ยนทุกวินาที มีช่วงไหนไหมที่รู้สึกว่าไม่เข้ากันเลย ?
ซี : มีตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่คบกันเลย ไม่เข้ากันเลย ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่เข้ากันสักอย่าง
เอมี่ : วันนี้ก็ยังไม่เข้า (หัวเราะ) อย่างที่พี่วู้ดดี้เจอเอมี่ก็ไม่ค่อยอยู่กับซีนะ
มิติไหนที่มีความแตกต่างกัน ?
ซี : อย่างที่ผมเคยพูดไว้ว่าไม่ทราบว่าคู่อื่นเป็นยังไง คู่อื่นอาจจะมีช่วง Puppy Love เป็นช่วงมีความสุข เราเป็นแบบนั้นแต่สั้นมาก เพราะว่าเราสองคนเกิดมาที่เป็นผู้นำทั้งคู่ เอมี่ จะเลี้ยงน้องดูแลครอบครัวมา ผมมีความเป็นผู้นำ มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เมื่อสองคนมาเจอกันมันเหมือนเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะมีความเป็นตัวเอง 100% มันจึงขัดแย้งกันอย่างมหาศาล
เอมี่ : จะเป็นแบบฉันก็มีเหตุผลของฉัน เธอก็มีเหตุผลของเธอ แล้วเราก็ใช้ชีวิตมาแบบนี้ รู้สึกว่าทางนี้คือดีกว่า แต่พอไปๆมาๆ มันกลับกลายเป็นเติมเต็มซึ่งกันและกันโดยที่มันแปลกๆ โดยที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนฉันได้แน่นอน แต่พอคบกันทำไมฉันยอมฟังเธอ ทำไมเธอยอมฟังฉัน
ซี : เหมือนเรามีวิวัฒนาการทางด้านความคิดโดยเฉพาะบริบทของความรัก มันเปลี่ยนแปลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ช่วงแรกคือคน 2 คนที่ชอบกัน แต่นิสัยเป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลย เมื่อก่อนคือไม่ใช่เลยแล้วไม่คิดว่าจะมาเติมเต็ม คือมันล้นแก้วเรามาก ด่ากันตลอดเวลา
อยู่ๆวันหนึ่งเรากลับไปฟังอีกฝ่ายหนึ่งโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว เขาและผมไม่ใช่สเปกของกันและกันตั้งแต่แรก คิดว่าไม่น่ารอดแต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเราทะเลาะกันช่วงปีแรกหรือว่าเราจะหยุดแค่นี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะผมรู้สึกไม่ไหวแล้ว พอเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็เดินมาจับมือว่า เฮ้ย! หรือว่าอีกสักฮึบไหม ซึ่งเขาไม่เคยพูดเลย
เอมี่ : เราโตมาแบบคนเอาใจ ผิดถูกยังไงเธอก็ต้องง้อฉัน เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ แล้วคนนี้เขาไม่ตามเรา ทำให้เรามองย้อนดูตัวเอง เลยคิดว่าคนนี้น่าสนใจ ท้าทาย ที่ทำให้ตัวเราอยากปรับปรุงตัวเอง ทั้งๆที่อยู่มาบนโลกใบนี้ไม่เคยอยากปรับปรุงตัวเองเลย
อะไรที่คุณปรับ ?
เอมี่ : การยอม ปกติไม่เคยยอมรู้สึกว่าเราถูกเสมอ ถ้าเธอรักฉันเธอต้องเข้าใจฉัน เขาทำให้เรายอมเข้าไปจับมือแล้วขอโทษคนแรก แปลกประหลาดมาก การขอโทษคือเหมือนเป็นการเสียศักดิ์ศรีมาก แล้วเราได้คุยกัน แล้วได้ฟังอีกฝ่ายว่าเขารู้สึกยังไง ทำให้เราโตขึ้น ตั้งแต่ใช้ชีวิตมารู้สึกว่าเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่ตอนคบกับเขา
เรื่อง Sex คุยกันไหม ?
ซี : คุยจริงจังไม่มี แต่คุยออกโซเชียลมีเดียแบบตลกมีพูด ในช่วงเวลานี้เอมี่เขาจะเป็นช่วงที่โฟกัสหนักมาก ผมจะไม่กดดัน แต่มีอำแกล้งในโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าเขาไม่ก็คือไม่ จะเข้าใจเขา เพราะผมจะให้เกียรติเขามากในเรื่องนี้
ผมจะเข้าใจว่าบางทีที่เขาจะต้องโฟกัสอะไรก็แบบเหนื่อยแล้ว ซึ่งเขามีบอกวิธีการนะ ว่าให้ผมคลุกวงในไปเลยไม่ต้องมาขออนุญาต แต่มีนะถ้าเกิดผมไม่ไหวจริงๆ ผมก็ไม่แคร์นะ
การจากไปของ อ๋อม อรรคพันธ์ รู้ว่าพวกคุณรักเขามาก เลยอยากพูดเรื่องของการจากลา เรามีเวลาอยู่บนโลกนี้ที่จำกัดกับตัวเองและคนที่เรารัก หรือแม้แต่เพื่อนที่จากไปได้มีโอกาสได้คุยกันบ้างไหม ?
ซี : คุยครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้คุยแบบจริงจัง เมื่อก่อนตอนเราไปปาร์ตี้กันก็จะมี อ๋อม อรรคพันธ์ มา เขาจะมีอยู่คาแรคเตอร์หนึ่งคือ มีความไม่มั่นใจในตัวเอง เวลาที่อยู่ในสังคมเพื่อนด้วยกันแล้วกลัวว่าจะไม่ได้ถูกรัก สมมติว่าถ้านั่งกับพี่วู้ดดี้ เขาจะถามพี่บ่อยมากว่า พี่วู้ดดี้รักผมไหม รำคาญผมหรือเปล่า
ซึ่งแล้วสักพักหนึ่งเขาก็จะถามอีกว่า พี่รักผมไหม จริงๆแล้วเราอยู่ตรงนั้นเพื่อเขาเสมอ ทั้งๆที่ผมรำคาญมันแต่จะอยู่กับมัน แล้วเอมี่ก็เป็นแบบนั้น ที่เอมี่ร้องไห้เสียใจเพราะรู้สึกกับบางโมเมนต์ที่อาจจะพูดออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แล้วทำให้เราได้รู้ว่าบางทีไม่รู้จริงๆนะ ว่าคนๆนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นหน้าเขาไปอีกนานแค่ไหน หรือแม้กระทั่งตัวเอง
เอมี่ กลิ่นประทุม : (น้ำตาไหล) เราจะเป็นคนที่เพื่อนเข้าถึงง่าย ทุกคนจะโทรหาเรา อ๋อมก็เช่นกันเขาจะคุยกับเราบ่อย แต่เราจะเป็นคนรำคาญ จะมีด่าเหมือนกัน อย่างเช่นถ้าใครโทรหามากๆก็จะไม่รับโทรศัพท์แล้ว ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งอ๋อมเขาก็จะโทรมา เราก็รับบ้างไม่รับบ้าง
แต่พอรู้ว่าเขาป่วยเราต้องไปหามันนะ ต้องไปให้กำลังใจ ซึ่งช่วงแรกๆ โทรคุยตลอด พอหลังๆ รู้สึกว่าเขาดีขึ้นแล้ว เราไม่ค่อยได้ไปหา ไม่ได้สนใจ พอย้อนกลับไปดูแชทก็จะมีประโยคหนึ่งว่า… “ถ้าว่างก็มาหาด้วยนะ ไม่อยากไปไหนไม่อยากให้ใครเห็น” แล้วเราไม่รีบไปหาเขาเลย
รู้สึกว่าเราเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขายอมพูดแบบนี้ และมี่ไม่รู้เวลามันจะมีอยู่แค่นั้นนะเราคิดว่าเขาดีขึ้นแล้ว เลยเป็นความรู้สึกที่แย่ แล้วเราไม่เคยเสียใครแบบใกล้ตัว เลยจัดการอารมณ์ไม่เป็น อย่างพี่ซีเขาจะปล่อยวางอารมณ์ได้ แต่เราจะเป็นคนคิดวนไปวนมา ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน จะรู้ไหมว่าเรารักเขานะ เราเป็นเพื่อนนะแต่บางทีเรามองข้ามไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปๆ จนมันไม่มีแล้ว ในวันที่จะได้คุยกับเขาอีก (น้ำตาไหล)
อ๋อม อรรคพันธ์ ในมุมที่คนไม่เคยเห็นตัวตนเป็นยังไงถึงทำให้พวกคุณรักเขา ?
ซี : ผมว่าเขาเป็นคนที่จริงใจมากๆ เป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลย เป็นยังไงพูดแบบนั้น แล้วมีความเป็นสุภาพบุรุษโดยเฉพาะกับทีมงาน เวลาเขาถ่ายละครผมไม่เคยร่วมงานกับเขา เพิ่งจะมาทราบว่าเวลาอ๋อมเห็นแม่บ้านมาทำงาน เขาก็จะสะกิดทีมงานว่าช่วยเอาเงินไปให้หน่อยโดยที่ไม่ได้ออกหน้า
เพราะถ้าเกิดอ๋อมเดินไปเดี๋ยวเขาจะอาย เขาเป็นคนแบบนั้น ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับเขามานาน ผมเกิด 27 ม.ค. ส่วนอ๋อมเกิดวันที่ 28 ม.ค. ทุกปีอ๋อมก็จะมางานวันเกิดผมเสมอ เขาเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่ทุกวันนี้ผมเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไรเวลามาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว เขาถึงไม่มั่นใจในตัวเอง แล้วก็มีคาแรคเตอร์ที่แปลกๆ กลัวเพื่อนจะไม่รักหรือรำคาญ ที่พูดวนอะไรแบบนี้
ซึ่งผมไม่เคยได้มีโอกาสจับเข่าคุยกันจริงจัง แต่ทุกครั้งเชื่อไหมแม้ว่าผมจะเป็นคนเดียวที่คุยกับอ๋อมมากที่สุด ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ามันคุยกับผมเรื่องอะไรบ้าง แต่ที่บอกได้คือคำว่า มึงรักกูหรือเปล่า ทุกคนที่ไปถามอ๋อมจะพูดประโยคนี้เสมอ บางทีพูด 10-20 ครั้ง คนก็รำคาญเพราะอยากจะคุยเรื่องอื่น
ถ้าถามว่าทำไมคนถึงรักอ๋อม ณ โมเมนต์ตอนนั้นคืออาจจะมองว่าน่ารำคาญ แต่ความเป็นจริงแล้วนี่คือ เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความน่ารักมาก ที่เขาต้องการความรัก คือเป็นพระเอกแนวหน้าของประเทศไทย เขาไม่มีความอีโก้อะไรเลย ให้เกียรติทุกคนเสมอ นี่เป็นเหตุที่ทุกคนมาถามผมว่าทำไมถึงนั่งคุยกับเขาได้ เพราะผมรู้ว่าเขาเป็นคนดี ถ้าคนๆนี้ต้องการความรักจากผมขนาดนี้ เราก็อยู่ให้เขาถาม และผมอยู่แบบนี้ตลอดจริงๆ กล้าพูดได้เต็มปากเลยในทุกๆ ปีที่เราได้มาเจอกัน ผมอยู่ตรงนั้นกับเขาเสมอ
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น