ก้าวข้ามความขี้อาย "เก้า นพเก้า" ตกหลุมรักวงการบันเทิงอย่างจัง เอ่ยชม "พีพี" น่ารัก
จากเด็กขี้อายมาสู่พระเอกคนดัง สำหรับ เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ พระเอกหนุ่มหล่อกระแทกใจจากละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” ตอน พรชีวัน ถึงละครจบแต่ความฟินยังไม่จบ กลายเป็นหนุ่มฮอตสุดปัง ทำให้แฟนๆโดนตกเข้าด้อมไปเป็นแถว “คนดังนั่งคุย” เลยชวนหนุ่มเก้ามาอัปเดตชีวิตจากที่ไม่ชอบงานแสดงเพราะเป็นคนขี้อายแต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนผลงานชิ้นใหม่ๆ แฟนๆ ปูเสื่อรอติดตามได้เลย กับสถานะหัวใจที่ยังโสดสนิท พร้อมแย้มสเปกให้ฟังด้วย
ไปๆมาๆ ยังไงถึงได้เข้าวงการได้?
“จุดเริ่มต้นเลยก็คือวันที่ผมตัดสินใจที่จะย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามากรุงเทพฯเต็มตัวก็คือเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ แล้วตอนนั้นผมก็ตั้งใจที่จะหาเงินส่งตัวเองเรียน ค่าที่อยู่ ค่าดูแลตัวเองอะไรหลายๆ อย่าง แต่พอมันเริ่มเข้ามาเดือน-2 เดือนแรก เริ่มมีปัญหา แล้วก็เริ่มคิดว่าจะต้องหาอาชีพเสริมทำ แล้วก็มีพี่ที่รู้จักเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ เขาทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงอยู่แล้ว พี่เค้าเลยให้ผมลองไปแคสต์โฆษณา เป็นแบบภาพนิ่งครับ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้อยากถ่ายซีรีส์ ถ่ายละคร หรือถ่ายหนัง คือไม่เอาเลย ก็เริ่มทำงานโฆษณามาประมาณ 3-5 ปี พอเริ่มเข้าปีที่ 4 ปีที่ 5 ก็มีคนเริ่มรู้จักแล้วก็ติดตามเรา แล้วก็อยากให้เราก้าวไปเล่นซีรีส์ ละคร พี่ๆ น้องๆทุกคนเลยส่งโปรไฟล์ผมให้ทางผู้จัดให้ลองแคสต์ละครและเรียกเราไปเล่น เป็นบทบาทเล็กๆน้อยๆ”
เรื่องนั้นที่เล่นกับอัพ-ภูมิพัฒน์ ก็ได้ผลตอบรับดีอยู่นะ
“ผลตอบรับดีครับ แล้วก็เหมือนมีฐานแฟนคลับที่มากขึ้นเรื่อยๆ พอได้ทำ ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจในการทำงาน มีหน้าที่ทำก็ทำไปตามความเข้าใจของเราเอง เวิร์กช็อปก็ได้แค่ไม่กี่คลาสเอง พอได้ทำไปเรื่อยๆ จุดเปลี่ยนก็อยู่ตรงที่แบบว่า พอได้งานแสดงแบบเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิ่งทำแล้วได้สัมผัสไปเรื่อยๆ เลยยิ่งหลงเสน่ห์ในงานตรงนี้ เริ่มหลงรักในอาชีพนี้ แล้วก็พัฒนาตัวเองให้ทุกโอกาสที่ผมทำมันดีขึ้นเรื่อยๆ”
ตอนแรกๆที่โดนว่าโดนติ ตอนนั้นท้อหรือกดดันมั้ย?
“ก็ท้อครับ ยิ่งผมเองรู้สึกว่าตัวผมเองไม่ได้มาทางนี้เลย ละก็พอมีโอกาสมาทำละก็เจอกระแสลบก็ทำให้ท้อ แต่ผมได้มาคลุกคลีกับงานตรงนี้ ผมชอบ ผมหลงเสน่ห์กับมันแล้ว ผมก็อยากจะพัฒนาตรงนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองครับ”
ตอนนั้นที่อยากพิสูจน์ตัวเองได้มีการเรียนเพิ่มเติมอะไรมั้ย?
“เรียนครับ ผมไปเรียนทุกอย่างเลย ไปเรียนออกเสียง ไปเรียนร้องเพลง อะไรที่พี่เขาบอก ผมเป็นคนที่พูดน้อยตั้งแต่เด็กๆ เวลามีโอกาสได้พูดก็จะไม่มั่นใจก็ส่งผลทางด้านนี้โดยตรง ผมก็เห็น บอกว่าไปเรียนร้องเพลง แล้วจังหวะการพูดอะไรแบบนี้ก็จะดีขึ้น”
เรียนร้องเพลงนี่เรียนนานมั้ย?
“ผมเรียนเรื่อยๆครับ”
ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่เหรอ?
“ใช่ครับ เพราะงานของผมจะต้องมีโอกาสได้ร้องเพลงทุกครั้งเลย แล้วส่วนการแสดงถ้าจบจากละครเรื่องนึง ผมก็จะหาเวลาว่างไปเรียน ก็ได้อะไรหลายๆอย่าง”
เราได้เข้ามาเป็นพระเอก 1 ใน 5 ของดวงใจเทวพรหม ตอนนั้นเรารู้สึกยังไงที่ได้รับเลือก?
"รู้สึกไม่คาดฝันเลยครับ พูดไปในหลายๆ ครั้งมากๆว่าตอนแรกเหมือนแอบเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เหมือนผมรู้สึกว่าโปรเจกต์อาจจะมีไปนานแล้ว เพราะผมก็ไม่ได้ติดตามพวกละครเลยคิดว่าสรุปตัวเรียบร้อยแล้ว พอมารู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าผมได้เล่น ก็คืองง คุณแม่ก็ดีใจมากๆ เพราะคุณแม่ก็เป็นแฟนละครช่อง 3 และก็เป็นแฟนละครตั้งแต่โปรเจกต์นี้รุ่นแรกแล้ว ผู้จัดการผมก็ดีใจ คนรอบข้างผมก็ดีใจ แบบว่าใครได้ยินก็แบบว่าเป็นโปรเจกต์ที่ปั้นพระเอกแนวหน้าในอนาคต คือผมก็ไม่เห็นภาพหรอก เพราะทุกครั้งที่ผมทำงานมันก็คืองาน งานนึงที่ผมก็จะพยายามตั้งใจกับงาน คือผมก็ไม่รู้หรอกว่าในอนาคตจะส่งผลยังไง แต่ทุกคนรอบตัวคือตื่นเต้นกับผมมากๆ เขาเห็นภาพแทนผมว่านี่มันมันโปรเจกต์ที่จะมีพระเอกแถวหน้าในอนาคต ผมก็ยังไม่เห็นภาพ พอได้สัมผัสกับโปรเจกต์นี้ขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เลยเห็นภาพตามที่ทุกคนพูดจริงๆ"
หลังจากได้ทำงานกับพีพี-ปุญญ์ปรีดี เป็นยังไงบ้าง อยากจะฝากอะไรถึงน้องเค้ามั้ย?
“น้องพีพีเป็นคนที่น่ารัก แล้วเป็นคนนิสัยดีเท่าที่ผมสัมผัสเอง น้องเป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว เป็นคนที่ตั้งใจอยู่แล้ว ก็อยากให้น้องประสบความสำเร็จ ผมเห็นน้องตั้งแต่วันแรกๆ ผมเห็นความตั้งใจในการทำงาน ในการตั้งใจทำทุกสิ่งทุกอย่าง น้องเป็นคนที่เวลาตั้งใจทำอะไรแล้วแบบทำจริงมากๆ ก็อยากให้น้องประสบความสำเร็จตามความตั้งใจที่น้องตั้งใจไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ อีกหนึ่งแรงผลักดันให้นะครับ ทุกอย่างตอนนี้สำหรับน้องมันดีอยู่แล้ว อยากให้น้องรักษาความดีของน้องไว้ แล้วทุกอย่างในอนาคตก็จะได้อย่างที่น้องตั้งใจไว้”
เก้าอยู่ในวงการมานาน มีมุมมองในการใช้ชีวิตในวงการยังไงบ้าง?
“ในเรื่องของการทำงาน สิ่งหนึ่งที่ผมได้เลยคือความพร้อม มันมีหลายครั้งมากๆ ของส่วนตัวผมเอง เพราะ หลายครั้งที่ผมทำงานในวงการและผมมีโอกาสแล้วแบบว่า เรายังไม่เคยทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ พอเราใช้เวลาในการเตรียมความพร้อม อย่างเรื่องพรชีวันเองอะครับ ผมได้โอกาสแค่ไม่กี่เดือนละมาเริ่มถ่ายเลยครับ”
ความพร้อมของเรานี่คืออะไร?
“มันคือทุกอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นสกิลในการแสดงถ้าเราไม่พร้อมแล้วมาเริ่มในระยะเวลาอันสั้นมันทำให้รู้สึกว่าผลงานที่ออกมามันไม่เต็มที่”
เคยคิดมั้ยคะว่า ถ้าเราทำผลงานได้ออกมาไม่ดีเราจะเป็นตัวถ่วงในกองรึเปล่า?
“คิดตลอดครับ แรกๆเกร็งมาก ไม่กล้าพูดผิด ไม่กล้าอะไรเลย บางทีก่อนจะออกกองอีกวัน ทั้งคืนผมจะอ่านบท ผมว่าแม่นมาก แต่พอถึงตอนเช้าเข้ากอง บทมันวิ่งอยู่ในหัว พยายามท่องแล้วท่องอีก”
ละครจบแล้วอยากขอบคุณใครบ้าง?
“ก็อยากขอบคุณแฟนๆ ของโปรเจกต์ดวงใจเทวพรหม แฟนๆนิยาย แฟนๆละคร แฟนๆของน้องทั้ง 10 คน เพราะผมได้เห็นมิตรภาพของแฟนคลับตั้งแต่แรกๆ เลย ที่แบบตั้งแต่โปรเจกต์เปิดตัวและแฟนคลับของทุกคนทุกบ้านที่คอยส่งกำลังใจมาให้พวกเรา คอยเชียร์ คอยสนับสนุน ตั้งแต่วันแรกๆ ไม่ว่าบางทีน้องคนนั้นคนนี้มีงาน คอยตามไปให้กำลังใจ ผมเห็นได้จริงๆ ว่าพี่ๆแฟนคลับของทุกๆบ้านเขาอยากผลักดันให้น้องๆ ทั้ง 10 คน ประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจริงๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ น่ารักกับพวกผมทั้ง 10 คน มากๆ แล้วก็เก่งมากๆที่ส่งผมมาได้ขนาดนี้”
อัปเดตผลงานเรื่องต่อไปหน่อย จบเรื่องนี้แล้วมีเรื่องไหนอีก?
“ผลงานต่อไปก็เป็นหนังของผมกับน้องพีพี เล่นคู่กันเรื่อง Fallow เดี๋ยวเรารอขั้นตอนการโปรโมต ทุกคนก็จะได้เห็นกันอย่างแน่นอน เร็วๆนี้ครับ”
มีแต่หนังเหรอ ละครมีมั้ย?
“ละครก็จะมีเรื่องสิ้นแสงตะวัน ก็เล่นคู่กับจีน่า ยังถ่ายทำอยู่ ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานในการถ่าย แล้วก็ฝากบทบาทนี้ด้วย เป็นบทบาทที่รู้สึกว่าท้าทายความสามารถผมเหมือนกัน”
คือบทบาทที่เราได้รับมันยากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ?
“มากขึ้นเรื่อยๆครับ แล้วยิ่งภาพยนตร์ผมไม่เคยเล่นกับ CG เลยครับ มันท้าทายผมมากจริงๆ หนักมาก แล้วเรื่องฟอลโลมันแบ่งช่วงปัจจุบันกับอดีตด้วยอยากให้ดู”
กับความรักบ้าง หลายๆคนอยากรู้เรื่องสเปกของเก้าต้องเป็นคนแบบไหน?
“ผมพูดหลายรอบมากเลย (ยิ้ม) ไม่มีตายตัวเลยครับ แต่ขอนิสัยเป็นคนที่จิตใจดี แล้วก็เข้ากับผมได้ง่ายครับ อยู่ที่ได้สัมผัสตัวจริง อยู่ที่ว่าจะเร็วมากแค่ไหน เรื่องของนิสัย ชอบอะไรไม่ชอบอะไรครับ”.
ความคิดเห็น