ก้อง ห้วยไร่ บอก แน็ก ชาลี อะไรดีสานต่อไป แต่อะไรที่ขัดใจเคลียร์ตัวเอง
ไม่ก้าวก่ายลงลึกเรื่องส่วนตัวเพื่อน ก้อง ห้วยไร่ บอก แน็ก ชาลี อะไรดีสานต่อไป แต่อะไรที่ขัดใจเคลียร์ตัวเอง เตรียมพร้อม ห้วยไร่อีหลีน่าเฟสติวัล3 ดำเนินคดีแน่สายควัน
ก้อง ห้วยไร่ เป็นหนึ่งในพี่ชายคนสนิทของ แน็ก ชาลี ที่ช่วงนี้เจอดราม่าถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง มีทั้งเรื่องขัดแย้งกับ 4 พี่สาว และ ปู อดีตผู้จัดการส่วนตัวปมเรื่องเงิน จนต้องแยกทางกัน
ล่าสุดเจอหน้า ก้อง ห้วยไร่ ที่มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ HONOR X9C 5G ณ ชั้น 1 โซน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ก็ได้พูดถึงดราม่าของน้องชายคนสนิท พร้อมเผยถึงงานห้วยไร่อีหลีน่าเฟสติวัล 3 เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในสกลนคร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11-12 มกราคม 2568 นี้ว่า
คอนเสิร์ตบัตรขายหมดเร็ว?
“ชั่วโมงนิดๆ ทีนี้ก็เลยขออนุญาตเติมอีกสัก 3,000 ใบ ตอนนั้นผมขาย 18,000 ใบ เสร็จแล้วก็ขอเติมอีก 5,000 ใบก็เลยลากยาว ไปถึง 3 ชั่วโมงหมด สถานที่ปีนี้กว้างกว่าที่เดิม 4 เท่า ขยายออก ขอเช่าที่ข้างๆ กัน เพราะเราอยากให้คนที่มาเที่ยวไม่แออัด เพราะปีที่แล้วแออัดมากเลยครับ”
เอาประสบการณ์ปีที่แล้วหรือมาปรับปรุงเพิ่มเติมยังไงบ้าง?
“ผมว่าห้วยไร่อีหลีน่าเฟสติวัลเป็นคอนเสิร์ตที่ผู้จัดและผู้มาเที่ยวนั่งคุยกันต่อหน้าเลย คือแก้ตอนนั้น เวลานั้น มันเลยกลายเป็นเสน่ห์ว่าถ้าน้ำไม่ไหล เราก็รีบแก้เลย คือเขามีที่ร้องเรียน แล้วเราร้องเรียนกับคนจัดงานเลย คุยกับผมโดยตรงเลย ถามว่าเฟอร์เฟ็กต์ เพียบพร้อมไหม เขาเรียกว่าความเนี้ยบไม่มีจริงในโลก ความสมบูรณ์แบบมันไม่มีแต่ว่าเราก็แก้ไขทันท่วงทีมันก็เลยกลายเป็นเสน่ห์”
“ส่วนห้องน้ำปีนี้ ปีที่แล้ว 100 ห้องคิดว่าเยอะ ปีนี้เพิ่มอีก 300 เป็น 400 ห้อง แล้วก็เจาะน้ำบาดาลเพิ่มอีก 6 จุด และที่สำคัญเราต่อไฟ เพราะปีที่แล้วที่มันไม่ทัน เพราะใช้ไฟเกษตร ต้องแก้ทางกรมไฟฟ้า คือเอาหม้อมาลง เพื่อให้จ่ายไฟได้อย่างเต็มที่ เพื่อที่ว่ามันดูดน้ำไม่ทัน พอดูดไม่ทันยังไงมันก็ไม่ทัน น้ำมันจะขึ้นไป แล้วก็หาถังกักเก็บน้ำ”
แล้วอย่างดีเทลในคอนเสิร์ตมีอะไรบ้าง?
“ผมว่าอยากให้คนที่ไปเที่ยวได้เห็น เพราะว่าเคยได้ยินป๋าเต็ด ยุทธนา แกพูดว่าการจัดงานคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งแค่ทำเรื่องประทับใจแค่ 3 ช็อต แค่นั้นก็ถือว่าสร้างความประทับใจในทั้งงาน แต่ว่าเราเตรียมไว้เยอะมาก การต้อนรับ การดูแล การเอาใจใส่แฟนๆ ที่มา อยากให้ไปสัมผัสและงานศิลปะชิ้นนี้จัดเต็มมากใช้งบเยอะกว่าปีที่แล้วเท่านึงเลย ส่วนต้องเต ธิติ ดูแลเรื่องงานอาร์ต”
“ในส่วนของพี่ปาล์มมี่ห่วงสุขภาพของคนใกล้ชิด ตอนนี้พี่มี่ก็เลยขอพักเบรกคอนเสิร์ตไว้ก่อน แต่ว่าพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ก็ไปกันครบแก๊ง ไม่ว่าจะเป็นพี่สิงโต นำโชค , พี่โอม Cocktail ก็ไปให้กำลังใจ เพราะว่า Cocktail ปีนี้ไม่ได้มีคอนเสิร์ตกับงานจ้างแล้ว เป็นคอนเสิร์ตที่พี่ๆ เขาไปทัวร์กันเอง”
ความคาดหวังของแฟนๆ เป็นยังไง?
“ตามสโลแกนตั้งแต่ครั้งแรก ความสนุกเรามีให้ ความสบายไม่มีเลย ให้เตรียมใจตั้งแต่ออกจากบ้านเลย มันกลางทุ่งนาจริงๆ การเดินทางก็คือต้องลงเครื่อง จากสกลนครเดินทางไปอีกชั่วโมงกว่าๆ 100 กว่ากิโลเมตรกว่าจะถึงงาน พี่ๆ เขาก็ไปและส่วนมากคนที่ไปเที่ยวงานไม่ใช่คนในพื้นที่อันดับ 1 ในการซื้อตั๋วคือคนในกรุงเทพฯ ที่ตั้งใจไป อันดับ 2.จังหวัดเชียงใหม่ 3.จังหวัดภูเก็ต 4.จังหวัดโคราช 5.จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะมันจะมีสถิติการซื้อตั๋วแต่ละสถานที่”
เราทำการบ้านมาหมดเลย?
“ใช่ ต้องทำสถิติ เพราะว่าทุกวันนี้งาน เฟสติวัลปีที่แล้วมีอยู่ 408 งานทั่วประเทศ แล้วเราเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสู้ว่าเราจะมีข้อดีข้อเสียอะไรที่จะไปสู้กับพี่ๆ น้องๆ เพราะว่าเรามีข้อเสียเยอะมาก เพราะว่ามันอยู่ไกลมาก ห้องนงห้องน้ำ ฝุ่น ขนาดเราชวนเพื่อนไปเรายังเขิน (ยิ้ม) กลัวเพื่อนลำบาก”
คนก็เลยดราม่าเรื่องร้าน?
“(หัวเราะ) ปีที่แล้วเขาตั้งใจมาก เพราะคิดว่าคนเยอะ โอเคคนเยอะจริง แต่ร้านที่มาขายคือบางทีเราก็ไม่ได้มีเงินเยอะไปซื้อ อาหารราคาแพง ร้านที่เขามาขายเขาก็ตั้งราคาแพงหน่อยให้มันเหมาะกับงานที่เขาตั้งใจมา เขาขายไม่ได้ พอขายไม่ได้ เขาก็ใส่ผมยับเลย เหมือนผมไปทำร้ายอะไรเขา เหมือนหลอกเขามา ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า เราขอจัดการเองดีกว่าเพื่อที่จะสบายใจเราด้วย เพราะเราเครียดสุดไม่ใช่การบริหารจัดการแฟนเพลง บริหารจัดการหลังเวที เพื่อนร่วมอาชีพนี้แหละ (หัวเราะ) มันไปเมาอยู่หลังเวที มันก็เลยไม่มีเวลามาซัพพอร์ตพี่ๆ หน้าเวที ก็เลยตัดสินใจว่าถ้างั้นร้านค้าให้พวกผมขายกันเองดีกว่า เจ๊งก็เจ๊งกันเอง ถ้าได้ตังค์ก็คงไม่เท่าไหร่หรอก คนไปเที่ยวเขาคงไม่ได้กินอะไรขนาดนั้น คือ สไตล์ของคนมาเที่ยวงานเฟสติวัล คือฉันกินแค่อิ่ม แต่ฉันยังต้องสวย ต้องหล่อ เพราะฉันมาขายของ จะมากินอาหารเลอะเทอะ”
“หรือกับข้าวที่มันจริงๆจังๆ มันไม่ได้ อย่างเช่นคนเข้าใจผิดว่าไปเที่ยวอีสานทั้งทีต้องกินลาบก้อย จ้ำจุ๊ ไม่เลยร้านลาบก้อย จ้ำจุ๊ เจ๊งบ๊งเลยครับ เนื้อที่ห้อยไว้ขายไม่ได้ ลองคิดว่าจะให้คนมาเที่ยวงานเฟส กินเพี้ยวัวเหม็นๆ แล้วไปหาเพื่อนใหม่เหรอ มันก็เป็นไปไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นว่าอาหารพวกนี้ขายไม่ได้ พอเขาเจ๊งปั๊บเขาก็เลยมีฟีดแบ็กกับเราไม่ดี ว่าไหนว่าอีสานแท้ ทำไมอาหารอีสานขายไม่ออกเลย ขายออกกลับกลายว่าเป็นลูกชิ้นย่างกับย่างปลาหมึกแห้ง”
แล้วพอมาเป็นของเราเอง เราดูแลง่ายมากขึ้น เรารีเควสต์เองว่าจะมีร้านอะไรบ้างที่เราเลือกมา?
“เราเลือกมาก็เป็นอาหารที่กินง่าย เราบอกเลยว่าส้มตำตัดออกไปเลย เพราะส้มตำเป็นบ่อเกิดที่ทำให้ห้องน้ำมันเต็ม (ยิ้ม) คือใครอยากกินส้มตำไปกินงานอื่น งานก้องห้วยไร่ อย่าไปเลย เพราะส้มตำนี่แหละที่ทำให้ห้องน้ำผมไม่พอ ก็เลยตัดส้มตำออก อะไรที่กินยาก กลับกลายเป็นว่าขายพวกลูกชิ้น ไม่ต้องตัวเลือกเยอะ จิ้มน้ำจิ้มแล้วก็กิน ไม่ต้องเสียเวลารออาหาร กว่าจะทำเสร็จ ลูกชิ้นย่างๆ เสร็จแล้วใส่น้ำจิ้มแล้วแยกย้าย เลือกอาหารที่กินง่ายราคาถูก”
“และทุกอย่างห้ามเลยครับในพื้นที่คอนเสิร์ต แต่ต้องบอกแฟนๆ ให้ช่วยเป็นหู เป็นตา เพราะว่า 25,000 คน มันอาจจะดูไม่ครบ แต่กติกาของเราคือเรามีการ์ด ที่ไม่ตักเตือนแล้วนะ ก่อนขายก็บอกแล้ว ขายก็บอกแล้ว ปีที่แล้วยังมีแบบว่ามาประกาศช้า หลังจากที่ขายเสร็จได้คืนเงิน แต่ปีนี้ คือถ้าไปแอบสูบไม่ว่าจะในห้องน้ำ หรือแอบเข้ามาในงาน ดูดบุหรี่ทุกอย่าง กัญชงกัญชา อะไรที่มีควันและรบกวนชาวบ้าน เราจะเชิญออกแล้วตัดสายข้อมือให้ไปพักผ่อนและดำเนินคดี”
ดำเนินคดีด้วย?
“มีดำเนินคดีครับ มีตำรวจมาตั้งเลย เรามาสร้างบรรยากาศใหม่กันเถอะครับ เมื่อก่อนเราถูกปลูกฝังว่าการไปเที่ยวคอนเสิร์ต การดูดบุหรี่ ผมโดนฟีดแบ็กมาว่า คุณทำอาชีพนี้ ดูดบุหรี่ไม่ได้ก็นอนอยู่บ้าน จำเป็นเหรอคนที่มาทำร้ายคนอื่นนั่นแหละนอนอยู่บ้าน แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจเขา เพราะว่าดูดบุหรี่ไม่ใช่เรื่องผิดแต่คุณควรทำในพื้นที่ส่วนตัว อย่าทำในพื้นที่สาธารณะ”
คอนเสิร์ตจัดขึ้นวันไหน?
“11-12 มกราคมที่จะถึงนี้ ตอนนี้เราจัดเต็มมาก และก็ให้เตรียมเรื่องการแต่งตัวเพราะหนาวสุดขีดมาก เห็นว่าจะมีตัวเลขตัวเดียวเลยในช่วงหน้าหนาว ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณที่ไปเที่ยวบ้านผม ทำให้เศรษฐกิจบ้านผม ทำให้ชาวบ้านบ้านผมเขาได้อยู่ ได้กิน มีเงินลงทำนา เงินทำปุ๋ย คือชาวบ้านธรรมดาให้คนไปนอนในบ้านโฮมสเตย์ ชาวบ้านไม่รู้ว่าโฮมสเตย์คืออะไร แต่เขาได้คืนละ 2,500 บาท 2 คืนได้เงิน 5,000 บาท ชาวบ้านเขาบอกว่าขายข้าวตั้งหลายกระสอบกว่าจะได้เงิน 5,000 บาท แต่จัดงานมันไม่ได้นอน 2 คืน ส่วนมากคนจะไปนอน 4-5 คืน ก่อนและหลัง 2 วันก่อนเดินทาง ก็ขอบคุณจริงๆ ที่ให้ความสนใจในงานของเรา”
ปีนี้แน็ก ชาลีไปไหม?
“แน็กไปครับ”
ให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“ผมบอกว่าความเป็นพี่เป็นน้องเรารักกันนะ แต่อะไรที่น้องทำ ที่มันดีน้องต้องสานต่อไป แต่อะไรที่มันไปขัดใจ หรือทำอะไรอื่นๆ เคลียร์ตัวเอง ทุกคนเกิดมาทุกคนมีเพื่อน มีฝูง แต่เพื่อนฝูงนั้นต้องอยู่ในตำแหน่งที่มันพอดี ซึ่งก็ให้กำลังใจน้อง ให้น้องไปเคลียร์ตัวเองในเรื่องที่น้องทำ เราไม่ยุ่ง แต่จะให้เราเกลียด อย่ามากินข้าวบ้านกูนะ อย่าไปร้องเพลงบ้านกูนะ มันทำไม่ได้หรอกครับเป็นเพื่อนกัน ถึงเพื่อนเราจะทำผิดมหันต์เราก็ได้แค่มอง ให้กฎหมายทำกันไป ไม่ใช่แบบว่า เห็นไม่ดีแล้วเลิกคบกัน มันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่อาจไม่แสดงออกชัดเจนเกินไป
ที่ผ่านมาทัวร์ลงเราบ้างไหมกับเรื่องแน็ก?
“ก็ดีครับ เพราะผมถึกทนคุ้มอยู่แล้ว จริงๆเรื่องราวเหล่านี้ผมมองว่ามัน 100% แหละ มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด มีคนไม่ชอบ อยู่กับมันให้ได้ อยู่กับมันให้เป็นแค่นั้นเอง”
มีเตือนกันไหม เพราะว่าเรื่องมันค่อนข้างหนักหน่วงขึ้นทุกวัน?
“ผมว่าเขาโตแล้วให้เขาคิดเองเถอะ เต็มที่ก็แค่วันนี้กินข้าวหรือยัง หรือคำถามหลังไมค์ก็เป็นไง ดีขึ้นยัง แล้วก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องลึกๆ เลย ปล่อยเขา เพราะไม่ใช่เรื่องเรา เราเอาไว้แค่เรื่องความเป็นเพื่อนพี่น้องกัน”
เป็นห่วงเขามากไหม?
“ผมว่าด้วยความเป็นผมเพื่อนคนไหนก็ตามเราเป็นห่วงเขามากแหละ ความเป็นห่วงของเรา มันไม่สามารถไปทำให้ใครดีขึ้นได้หรอก เพราะสุดท้ายแล้วกรรมใครกรรมมันใครก่อก็ต้องรับไว้เอง ผมก็ต้องรับเอง ใครทำผิดก็รับผิดชอบตัวเองไปแค่นั้นเอง”
อย่างคนที่ไม่ชอบเขา เขาถามก้องว่าทำไมยังคบกับคนนี้อยู่?
“ผมว่าชอบใครชอบมัน งูไม่มีคนชอบทุกคน คนเกลียดก็มี แต่คนชอบก็มี เพราะฉะนั้นใครที่ไม่ชอบงู ก็อย่าไปยุ่งกับงูเลย ให้งูมันเลื้อยไปเถอะ ส่วนใครที่ชอบงูก็ให้อยู่ในที่ของงู อย่าไปบอกว่าทำไมงูมันไม่ดีแล้วมึงยังไปชอบ อย่าไปก้าวก่ายกันเท่านั้นเอง”
แสดงว่าในพาร์ตที่เราสนิทกับเขา เราก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง?
“เรารู้ตัว เขาก็รู้ เราเป็นคนยังไง พี่ๆ ก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง พี่ๆ ก็รู้ว่าผมรู้ว่าผมเป็นคนยังไง หน้าสื่อเป็นยังไง หลังสื่อเป็นยังไง หรือใช้ชีวิตยังไง พี่ๆ รู้ มันโกหกกันไม่ได้หรอกครับ”
แสดงว่าที่เขาจะมาคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็คือม่วนจอย?
“ม่วนจอย คนละต่างกรรมต่างวาระ เรื่องของมึงก็เรื่องของมึงไป แต่บนเวทีมึงต้องสนุก เพราะเขามาเอาสนุก เขาไม่ได้มาสนใจดราม่าหรอก เขามาเต้นเขามามีความสุข”
แน็กเตรียมโชว์ไปยังไง?
“เขาโทรมาบอกผมว่า เขาอยากร้องเพลงอะไร แล้วดนตรีผมก็ซ้อมไว้ แต่ผมก็คาดหวังว่าเขาจะแต่งตัวดีๆ หน่อย เพราะปีที่แล้วเขาใส่กางเกงบ๊อกเซอร์แล้วก็เสื้อไม่รู้ว่าเก็บมาจากที่ไหนแล้วก็รองเท้าแตะ แน็กเหนือการควบคุมกว่าเบิ้ล ปทุมราช อีกครับ ก็เลยปล่อยมันเถอะ แล้วแต่มันแล้วกัน แค่ว่าปิดจู๋ขึ้นเวทีก็แล้วกัน กลัวตำรวจจับ กลัวอนาจาร แต่ถ้าอยากจะทำก็แล้วแต่นะ โตๆแล้ว อารมณ์นั้นครับ”
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น