“ท็อป-จรณ” อัปเดตหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แฟนสาวคอยให้กำลังใจ

บาดเจ็บยาวนานเรื้อรังจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทำเอานักแสดงหนุ่ม ท็อป จรณ โสรัตน์ ต้องรักษาตัวกว่า 1 ปีครึ่ง และผ่านเรื่องราวหลายความรู้สึก พอได้เจอ ท็อป เจ้าตัวเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม “Innovation Thailand Run 2023” ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
อัปเดตอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท?
“จริงๆดีขึ้นเยอะมากแล้ว เป็นมา 1 ปี กับอีกเกือบ 6 เดือน ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ผมพักออกกำลังกายไป 3 เดือน เพื่อรักษาแบบจริงๆ (หัวเราะ) ที่ผ่านมาก็รักษาแบบจริงๆ แต่ว่าการรักษาแต่ละคุณหมอไม่เหมือนกัน ผมเองมีความคาดหวังว่าอยากจะกลับมาเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เลยมีวินัยค่อนข้างสูง งานนี้เป็นงานแรกเลยหลังจากที่บาดเจ็บมาที่จะได้กลับมาวิ่งอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นเป้าหมายที่ทดสอบดูว่าเรากลับมาไหวมั้ย ทำกิจกรรมเหมือนเดิมได้มั้ย เป็นเป้าหมายให้ผมเริ่มกลับมาซ้อมและดูแลตัวเอง ซ้อมหนักมากก็ไม่ได้แล้วต้องปรึกษากับแพทย์และนักกายภาพด้วยว่าตอนนี้เรามีอาการแบบนี้เราซ้อม เรามีเจ็บแบบนี้เราต้องทำยังไง ก็เป็นหนึ่งกำลังใจให้คนที่มีการบาดเจ็บไม่ว่าจะประเภทไหนได้มีกำลังใจกลับมาฟิตและออกกำลังกายได้อีกครั้งหนึ่งครับ”
กลับมากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว?
“ความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าน่าจะ 90 กว่า เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่บางครั้งต้องใช้เป็นบางจังหวะ เพราะอาจจะไปกระทบกระเทือนแล้วเจ็บ อาการคือชาครับ ชาลงแขน คอจะปวด จะตึงอยู่ คุณหมอจะบอกเลยว่ากิจกรรมไหนที่ทำได้ อันไหนหนักเกินไป ถ้ามันกระทบข้อต่อมากๆจนเรารู้สึกว่ามันมีอาการแปล๊บ หรือมีอาการตึง ก็ให้เราหยุด และประคบน้ำแข็งไว้เบื้องต้น แล้วดูว่าหลังจากประคบแล้วจะมีอาการอย่างไร ดีขึ้นมั้ย ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็ต้องมากายภาพดูครับ”
นอกจากกายภาพทำอะไรไม่ได้เลย?
“ใช่ครับกายภาพ แต่จะผ่าตัดก็ได้ แต่ก็ไม่การันตีว่าถ้าผ่าแล้วเราจะหายเหมือนเดิม เพราะผมเลือกกายภาพ กายภาพเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นดีกว่า”

ส่วนตัวเราชอบออกกำลังกายชอบเล่นกีฬาด้วย?
“มากๆ มีช่วงหนึ่งผมซึมเศร้าเลยนะ เพราะว่าตื่นเช้ามาเราเคยเข้ายิมเลย หรือเย็นเข้ายิม แล้วอยู่ๆมามันทำไม่ได้ ต้องหยุดพักไปอยู่เฉยๆ มันนอยด์ อยู่แต่ในห้องไม่อยากไปไหน งานก็ทำได้ไม่เต็มที่ บางอย่างต้องพักไป เล่นแอ็กชันก็เล่นไม่ได้”
ถึงขั้นต้องไปหาหมอรักษาซึมเศร้า?
“ยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่แค่ความรู้สึกเรามันเฟล ไม่ถึงขั้นไปหาหมอ แค่รู้สึกว่าทำไมเราเหงาจังเลย ทำไมเรากลับไปทำอะไรเหมือนเดิมไม่ได้ แล้วจะทำได้อีกมั้ย เราเคยมีเอนเนอร์จีการไปทำงาน แล้วมันสดใส กับเราไปแล้วหงอยๆ มันคนละเรื่องกัน”
ฮีลตัวเองยังไง?
“ทำ หมดทุกอย่าง หมอไหนว่าดีไปทำหมด ทั้งฝังเข็ม กายภาพก็มีหลากหลาย แล้วแต่หมอแต่ละท่านก็วินิจฉัยโรคไม่เหมือนกัน วิธีการรักษาก็ไม่เหมือนกัน”
เสียน้ำตาเลยมั้ย?
“น้ำตาตกใน จริงๆมันเหมือนว่าเราไปที่สวน เราเดินได้นะ แต่พอเห็นคนวิ่งผ่านไป เราก็อยากทำนะ 1 ชั่วโมงเก็บได้เป็น 10 กิโลนะ แต่เราทำได้แค่เดินหงอยๆ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปหมด”
หมดค่ารักษาไปเท่าไหร่?
“เยอะมากนะ ทั้งค่ากายภาพ ทั้งค่า MRI ค่าตรวจแพทย์ ค่าเอกซเรย์ มันต้องรักษาคงต่อเนื่องด้วย เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาครับ”
ตอนนี้ลองวิ่งดูแล้วใช่มั้ย?
“ลองครับ จริงๆวิ่งได้ 3-4 กิโล แต่ไม่ได้วิ่งตลอด วิ่ง 300 เมตร เดินพัก 100 เมตร บางครั้งเราคิดว่าเราแข็งแรง คิดว่าอายุยังน้อย แต่พอบาดเจ็บขึ้นมาแล้ว บางครั้งมันไม่คุ้มเลย เรายังต้องมีสิ่งที่รับผิดชอบ มีคนข้างหลังที่ต้องดูแล เพราะฉะนั้นมันก็ต้องคิดเยอะขึ้นครับ ส่วนครอบครัวให้กำลังใจอยู่แล้ว แต่มีเตือนว่าอย่าหักโหม ซึ่งผมจะระวังมากๆ ไม่อยากให้มันรุนแรงเท่าตอนแรก ตอนแรกขยับแขนไม่ได้”
อย่างหวานใจ ตอนนี้มีใครดูแลมั้ย?
“มีคนให้กำลังใจครับ คือเค้ารู้ว่าเราเป็นคนชอบออกกำลังกาย แต่ก็จะคอยห้ามว่าอย่าหักโหมนะ”
ตอนนี้ไม่ค่อยอยากเปิดเรื่องความรัก?
“กำลังคุยกันอยู่ครับ ค่อยๆคุยกันไป จริงๆเขาชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า”
คนนี้คุยกันนานหรือยัง?
“คุยกันสักพักหนึ่งครับ เป็นเพื่อนๆกันนี่แหละครับ”.
ขอขอบคุณ แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2707178
บันเทิง















ความคิดเห็น