หมอก้อง ตอบใช่พระเอก ก. มั้ย ปม ‘อาร์ต’ แฉแทงข้างหลัง ปาดงานขัดแข้งขัดขา

ถือว่าเป็นกรรมที่เราสองคนต้องมาเจอ หมอก้อง พูดแล้ว ใช่พระเอก ก. มั้ย ปม ‘อาร์ต’ แฉแทงข้างหลัง ปาดงาน ขัดแข้งขัดขา ลั่นมีปัญหาอะไรอาร์ตโทรเคลียร์ได้เราเพื่อนกัน
เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกเพ่งเล็งและถูกโยงเป็น พระเอก ก. แทงข้างหลัง ขัดแข้งขัดขา ปมความในใจของ ‘อาร์ต พศุตม์’ ที่เก็บไว้มานานถึง 17 ปี สำหรับ ‘หมอก้อง นพ.สรวิชญ์ สุบุญ’ ล่าสุด วันที่ 12 ก.ย. 66 หมอก้อง มาร่วมงานแถลงข่าว เดิน-วิ่งการกุศล “ก้าวด้วยธรรม ก้าวด้วยใจ สร้างอาคารโรงพยาบาล” ครั้งที่ 7 ที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร ราชวรวิหาร บางลำพู จากนั้นจึงได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว
ขอถามถึงประเด็น ความในใจของ อาร์ต พศุตม์ คนโยงว่าเป็นเรา?
“คือได้ยินถ้านับย้อนจากวันนี้ก็เดือนนึงแล้ว ตอนแรกที่ฟังผมก็มีความรู้สึกว่าหมายถึงเราหรือเปล่า ผมก็คิดอยู่เพราะว่าเหมือนรายละเอียดที่อาร์ตให้มามันก็เดาได้ไม่กี่คน คราวนี้ผมก็คิดว่าสิ่งที่อาร์ตพูด ถ้าผมจะรู้เรื่องผมรู้อยู่เรื่องเดียวคือที่อาร์ตบอกว่าเราพูดเรื่องของเขา ณ ตอนนั้นผมยอมรับว่าพูดเรื่องของเขา ตอนที่เขามีประเด็นออกจากช่อง3 ก็คุยเรื่องที่อาร์ตออกจากช่อง ทุกคนก็รู้ แล้วเราก็ไม่ได้คุยคนเดียวคือมีคนมาเล่า วันนั้นก็มีนักแสดงอยู่เต็มไปหมดเลย ก็มีคนมาเล่าว่าอาร์ตออกไปแล้ว เราก็อ้าว! อาร์ตออกไปแล้วเหรอ ด้วยความที่ผู้จัดการคนเดียวกัน อาร์ตออกไปแล้วเราก็คุยตรงนั้น แต่คราวนี้อาร์ตจะรู้จากใครว่าเราพูดว่าอะไรผมไม่รู้ ส่วนในเรื่องอื่นๆ ของอาร์ตผมไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าตกลงใช่หรือไม่ใช่ ถ้าเกิดว่าดูจากรายละเอียดคือ ผมไม่รู้เรื่อง”
เราสนิทกันไหม?
“คือเรามาด้วยกัน มาจากการประกวดด้วยกัน ช่อง3 หานักแสดงปี 2008 ถึงวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว ปีนั้นประกวดไม่เสร็จช่องก็เอานักแสดงมาเข้าคลาส มาเรียนการแสดง มาอยู่ด้วยกัน แล้วสุดท้ายก็คัดเลือกมาเหลือพวกเราอยู่ไม่กี่คน ซึ่งปัจจุบันรุ่นเดียวกันเหลืออยู่แค่ 3 คน มันก็มีกันอยู่เท่านี้ครับ”
ยังไม่ได้มีโอกาสคุยหรือยกหูโทรหาเคลียร์กัน?
“เอาจริงๆ แล้วมันง่ายมากเลย การที่จะผิดใจอะไรนะ คือจริงๆ แล้วหมายถึงผมหรือยังไม่รู้นะ เพราะอาร์ตยังไม่บอก ถ้ามีปัญหาอะไรอาร์ตสามารถโทรหาได้เลย ถ้าสงสัย คือเราเพื่อนกันก็โทรหาได้ ถามได้ แล้วก็ไม่ต้องรอมาจนถึงวันนี้ เอาตั้งแต่วันนั้นเลย”
วันนั้นหลังจากคุยเรื่องนั้นเสร็จ ได้คุยกับอาร์ตอีกไหม?
“ไม่ได้คุยครับ อันนี้ผมยอมรับเลยว่าไม่ได้คุย เนื่องจากว่าผมว่าเป็น 10 ปี ที่หมดสัญญาไปไม่ได้คุยเลย คือ ณ ตอนนั้นจำได้ คือมันนานมาก แต่ผมจำได้ว่าเหมือนว่าอาร์ตจะไม่พอใจว่าเราไปพูดเรื่องของเขา คือเรื่องสัญญานี่แหละว่าหมดสัญญากับช่องหรือยัง ที่ไปเล่น คือตรงนั้นคนเยอะมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจาะมาที่ผมด้วย”
เขาอาจจะเข้าใจผิด?
“คืออย่างนี้ ผมว่านะมันมีบุคคลที่สาม อย่างตัวเขาเองเขาก็พูดถึงว่ามีบุคคลที่สาม ก็นั่นแหละบางทีมันจะต้องเผื่อใจคิดไว้บ้างว่า ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องของเรา 2 คน เราก็ควรจะคุยกัน 2 คน อย่าผ่านบุคคลที่สาม หรือถ้าเกิดว่าฟังบุคคลที่สามมาพูดถึงผม หรือผมฟังคนนี้แล้วพูดถึงอาร์ต เรืองมันเปลี่ยนได้หมดเลย อันนี้คือสิ่งที่มันไม่มีใครผิดทั้งเขาและเรา ถ้าเกิดมันเกิดความเข้าใจผิดเพราะบุคคลที่สามยกหูโทรหาเลย”

ณ ตอนนั้นเราพูดถึง “อาร์ต” ในเจตนาไหน?
“ณ ตอนนั้นก็มีการถามกันนี่แหละ ว่าหมดสัญญาแล้วเหรอที่ไปเล่นละคร (ไม่ได้พูดถึงเรื่องใส่ร้าย?) ผมจะใส่ร้ายอะไร จะใส่ร้ายว่าอะไร มันคือข้อเท็จจริงว่าสัญญา คือตอนนั้นผมก็จะหมดสัญญาก็มีการถามว่ายังไงอะ แล้วไปเล่นได้เหรอ ต้องรอหมดสัญญาก่อนไหม คือเราเองก็จะหมดสัญญา ด้วยความที่มาพร้อมกันสัญญาก็จะหมดพร้อมๆ กัน แต่ผมต่อสัญญากับช่องไม่ได้ออกมา”
แสดงว่าเราไม่คิดว่าเขาจะเคือง?
“ณ ตอนนั้นมีคนมาบอกว่ามีน้องอีกคนนึงอยากให้พูด เพราะมันมีการไปพูดแบบนั้นแบบนี้ ผมก็อ้าว ผมไม่ได้พูดแบบนั้นหนิ”
บุคคลที่3 เป็นดารา?
“ช่างเขาครับ ไม่อยากจะให้พาดพิงกันเยอะ คือเรื่องนี้มันผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ”
คิดไหมทำไมเรื่องมันถูกจุดขึ้นมาอีก?
“งงไหมละ (โกรธไหม?) “เอาจริงๆเลยนะ อาร์ตกับผม เราอาจจะเป็นเหยื่อด้วยกันทั้งคู่ก็ได้นะอาร์ต คือถ้าอาร์ตรู้ว่าคนๆนี้ หรือว่าผมโดนอะไรมาบ้างจากคนนี้ อาร์ตอาจจะเห็นใจเราบ้างก็ได้นะ คือเราไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นแหละ ถามว่าโกรธไหม คือไม่ได้โกรธที่ออกมาพูดเลย เพราะว่าในเมื่อผมไม่รู้เรื่องจริงๆผมจะโกรธทำไม ถ้าถามว่าเดือดร้อนไหม ก็เดือดร้อนไหมล่ะแบบนี้ มันก็มี แต่เราก็เข้าใจได้ว่าถ้าเขาเข้าใจว่าเราทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้”

ถ้ามีโอกาสได้เจอกันจะเคลียร์ไหม?
“ถามว่าเขาจะเคลียร์กับผมไหม ผมไม่มีอะไร อาร์ตบอกว่าผมอาจแทงข้างหลังหรือปาดงาน ผมเนี่ยนะจะปาดใครได้(หัวเราะ) ผมก็ไม่เข้าใจ”
เรื่องการต่อสัญญาหรือเปล่า?
“กับทางช่อง 3 ไม่เกี่ยวเลย ช่อง3 ไม่มีไม่ต่อสัญญาใครอยู่แล้วพอถึงเวลา ด้วยความที่เราคือลูกหม้อที่มากับช่อง แล้วช่องดูแลนักแสดงทุกคนดีมากนะ จริงๆ”
หมอก้องไม่ได้ติดใจอาร์ต แต่ติดใจบุคคลที่ 3 ที่เอาไปพูดต่อ?
“คือตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ที่ผมไม่ออกมาพูดผมมีความรู้สึกว่าในเมื่อเขาไม่ได้อยู่แล้วเราก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขาไหม คิดว่าก็ปล่อยให้มันเงียบไปเถอะ แล้วถ้าวันหนึ่ง คือวงการจะบอกว่ากว้างก็กว้าง จะบอกว่าแคบก็แคบ ถ้าวันหนึ่งถ้าได้มาเจอกัน มันก็อาจจะคุยกันได้ เราเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือน ที่อยู่กันถึงทุกวันนี้ในรุ่นนั้นก็เหลือกัน 3 คน ก็มีกันอยู่แค่นี้ (ให้จบดีกว่าเนอะ?) ก็จบเถอะ จบคืออย่าคิดมาก จริงๆ”
พอได้พูดแล้วสบายใจขึ้น?
“มันคือความเข้าใจผิด คือ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ในสิ่งที่เขาบอกมาในหลายๆอย่าง ถ้าเป็นคนทั่วไปเขาอาจจะบอกว่าเขาไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเลยไหม อย่างเรื่องติดต่องาน ใครติดต่อมา เราต้องรู้เรื่องไหมว่าเขาติดต่อใครมาก่อน เราต้องรู้ไหม มันก็ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ แต่ฝั่งนั้นเขาได้ยินอะไรมาบ้างผมก็ไม่รู้ จะไปโกรธเขาก็ไม่ถูก ก็ถือเสียว่าเป็นกรรมที่เราสองคนต้องมาเจอ(หัวเราะ)”
เจอกันก็ยังคุยกันได้?
“ก็เพื่อนกัน ผมว่าถ้ามันจะเคืองใจกันมันก็อาจจะมีงอนๆนิดนึง แต่สุดท้ายมันก็คือเพื่อนกัน”
จะมียกหูเคลียร์?
“โห…มันผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว จะยกทำไมไม่ยกตั้งแต่ตอนนั้น”
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7863521
บันเทิง















ความคิดเห็น