“อเล็กซ์” เริ่มมองอนาคตสร้างครอบครัว เห็นภาพตัวเองเป็นแฟมิลี่แมน

เพิ่งครบรอบวันเกิด เติบโตขึ้นอีกปีเจอ หนุ่ม “อเล็กซ์ เรนเดลล์” ที่เติบโตตั้งแต่เด็กในสายการแสดง ร่วมงาน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดตัวบัตรเครดิตยูโอบี คริสฟลายเออร์ (UOB Krisflyer) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลยได้อัปเดตชีวิต
ล่าสุดเพิ่งครบรอบวันเกิด?
“ครับ 34 ปีแล้ว”
ตัวเลขนี้เขินมั้ย?
ไม่เท่าไหร่ จริงๆ ชอบทุกๆปีจะรู้สึกว่าเออ 34 ปีที่แล้ว 33 ก็เป็นไปตามวัย ไม่ได้พยายามจะทำตัวให้เด็กลงหรือทำตัวให้อายุมากกว่าความเป็นจริง ธรรมชาติเนอะเราอายุเท่าไหร่ก็อายุเท่านั้นไปเรื่อยๆสะสมประสบการณ์ ไปเรื่อยๆ”
วันเกิดที่ผ่านมาจัดใหญ่มั้ย?
“เอาจริงๆ ผมเกือบจะลืมวันเกิดของตัวเองด้วยซ้ำ ด้วยความที่เราทำงานหรือ เอ๊ะวันไหนนะ อ๋อกำลังจะถึงแล้ว ก็มีเบิร์ธเดย์กับที่บ้าน และวันนั้นบังเอิญเขียนเข้าไปในกรุ๊ปหาเพื่อนๆ ที่สนิทกัน ก็รวมตัวกันแค่นั้นเลย ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ แล้วยิ่งโตเบิร์ธเดย์มันก็ไม่ได้อะไรมาก เรียบง่าย เค้กก็น่ารักมากครับ พี่ๆที่เราทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ช่อง 3 สปอนเซอร์ต่างๆที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ก็ส่งมา คอมเมนต์จากคนที่ไม่ได้คุยกันหลายปี ก็รู้สึกอบอุ่นมากครับ”
อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย?
“34 ปี อยากได้สุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น อยากจะได้เพราะว่า ปี สองปีที่ผ่านมาผมทำงานหนัก และสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปีนี้ก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ”
จะเบางานลงมั้ย?
“ไม่เชิงเบางานลง แค่ให้คุ้มขึ้น ใช้หัวมากขึ้นไม่ใช่ใช้แรงอย่างเดียว”
มีหายไปรักษาสุขภาพด้วยใช่มั้ย ที่ทำแต่เบื้องหลัง?
“ใช่ครับ ผมมีปัญหานิดๆหน่อยๆ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น แต่ใช้เวลาครับ มีเรื่องกล้ามเนื้อนิดหน่อย เรื่องเอ็นฉีก ประมาณนี้ครับ”
กังวลมั้ย?
“รู้สึกว่าเราทำงานหนักประสบความสำเร็จแต่ถ้าร่างกายไม่ดีสุดท้ายก็เท่านั้นครับ ก็รู้สึกว่ามันคุ้มมั้ย เราเป็นคนที่ทำทุกอย่างแล้วพยายามทำเอง ก็ทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ฝืนร่างกายไปเรื่อยๆ พอมันเกิดเจ็บขึ้นมาก็กลับมาคิดว่าต้องวางแผนดีกว่านี้ ก็ให้ร่างกายลำดับความสำคัญมากกว่านี้ ก็ปรับเยอะครับ เสาร์อาทิตย์ไปกับเพื่อนก็น้อยลง พยายามนอน 5 ทุ่ม ตื่น 6 โมงทุกวัน ตื่นมาจะได้สดใส จะได้มีแรงทำงานมากขึ้น ก็เล็กๆน้อยๆครับ”
ตอนนี้เรื่องต้นสังกัดสัญญาเป็นยังไงบ้าง?
“ก็ยังเซ็นกับช่อง 3 อยู่ครับ ก็ยังไม่ได้หมดเร็วๆนี้ แล้วเอาเข้าจริงๆ โดยส่วนตัวก็เป็นบ้านของเราเนอะ เราอยู่มาตั้งแต่ 8 ขวบ (ยิ้ม) คงยากที่จะไปไหน แต่ในเวลาเดียวกันเราก็เลือกงานมากขึ้นแล้วก็ดูจังหวะที่เหมาะสมมากขึ้น คืออยากแสดงต่อไป อยากแสดงอะไรที่มันรู้สึกว่ามันใหม่ๆ มันท้าทายมากขึ้น อย่างละครตอนนี้ก็ไม่ได้มี ถ้าจะเล่นละครอีกก็น่าจะต้องเป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าเฮ้ย มันใช่ เราอยากที่จะลองไปลุย บทมันโดน สภาพแวดล้อมมันมีความสุขในการทำงานเพราะมันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราทำทั้งองค์กร 2 องค์กรที่เราบริหารของเราเองเพราะฉะนั้นถ้าเราจะมีสิทธิที่สามคือการเล่นละครควบคู่กันไปเราต้องแน่ใจว่าจังหวะอะไรหลายๆ อย่างมันลงตัวครับ”
ติดต่อเรื่องละครมาเยอะมั้ย?
“จริงๆไม่เยอะมากขนาดนั้น แต่ก็มีถามๆมาผมก็ค่อนข้างชัดเจนว่าช่วงนี้ด้วยองค์กรที่เราทำก็ไปได้ด้วยดี แล้วเรามาทำยูทูบของเราด้วย ยูทูบก็เห็นหนทางอะไรหลายๆอย่าง เราก็เป็นผู้จัดเป็นคนดูเอง ถ่ายทำที่บ้านเรา ออฟฟิศก็อยู่ติดบ้านเรา เราเหมือนมีโลกของเราอยู่ ถ้าใครจะดึงเราออกจากโลกนี้มันต้องรู้สึกว่ามันคุ้มค่าจริงๆ”
บทแบบไหนที่อยากเล่น?
“ผมแค่รู้สึกว่าอยากเล่นอะไรที่มันเรียลลิสติก แอ็กติ้งมากขึ้นเราดูซีรีส์ต่างประเทศแล้วเราเห็นว่าสมัยนี้การแสดงมันไปถึงไหนอะไรแล้ว รู้สึกด้วยวัยมัน คือดราม่าไหวได้แต่ว่าอยากให้มันเป็นอะไรที่ธรรมชาติครับ”
อย่างเรื่องเป้าหมายการสร้างครอบครัวล่ะ?
“ตอนนี้ก็คิดๆแล้วแต่ว่ายังมีหลายๆ ด่านที่รู้สึกว่าต้องเซตให้ดีก่อน”
แต่ความสัมพันธ์ก็ไปได้ด้วยดี?
“ไปได้ด้วยดีครับ”
มีการพูดคุยกันบ้างหรือยัง?
“ก็มี เค้าก็เห็นตรงกัน”
ด่านที่บอกคือด่านอะไรบ้าง?
“ด่านตัวเราเองนี่แหละหลายๆด่าน ด่านงาน ด่านความพร้อม คือการแต่งงานมันไม่ใช่แค่คนสองคน แต่งไปก็จบมันก็จะต้องคิดถึงถ้ามีลูกเราจะสามารถส่งเค้าเรียนได้มั้ย เราพร้อมกับสิ่งที่ตัวเองมีแล้วหรือยัง พร้อมที่จะมอบแรงของเราให้อีกคนได้จริงๆหรือเปล่า รู้สึกว่ามันก็ใกล้ที่จะถึงตรงนั้นแล้วแหละเพียงแต่ว่ายังอยากจะจัดการเรื่องงานอีกสักนิดนึง ส่วนเค้าเองก็ทำงานค่อนข้างที่จะหนักเหมือนกัน คือผมน่าจะบ้างานกว่า แต่ผมริเริ่มอะไรมาเยอะ แล้วผมก็อยากจะทำมันให้ไปถึงจุดที่ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้ห่วง เราเริ่มมาเป็น 10 ปีแล้ว เราอยากให้มันเสร็จมากกว่านี้อีกซักนิดนึงแล้วค่อยดูครับ (ยิ้ม)”
คิดเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แสดงว่าก็มีเคมีที่ไปด้วยกันได้ยาวๆใช่มั้ย?
“เราก็ไม่อยากจะพูดหวานแหววอะไรมากมาย (หัวเราะ) คือรู้สึกว่าความหวานเราเก็บไว้เป็นของเราสองคนได้ แต่ในแง่คืออายุก็เท่ากัน วัย 34 แล้ว เราก็เห็นทำค่ายเห็นเด็กเห็นอะไร พี่ชายเราก็มีลูก เรารู้สึกว่าเราก็เป็นแฟมิลี่แมนคนนึงแหละที่เรามองว่าวันข้างหน้าเราก็จะมีลูก 3-4 คน 2 คน แล้วก็มีหลานมีลูกไปเที่ยวกันเยอะๆอีก 10-20 ปีข้างหน้า ก็อยากจะมีภาพแบบนี้ แต่ถ้าเราตัดสินใจด้วยความที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน ภาพตรงนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบและเป็นไปตามมารยาทของทั้งครอบครัวเราในหลายๆอย่างด้วยครับ”.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
บันเทิง















ความคิดเห็น