“เป๊ก ผลิตโชค” หลงใหลในค่ำคืนช่วงเวลาสร้างแรงใจ ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยเห็น

ถ่ายทอดความหลงใหลในค่ำคืน ผ่านเพลง “Night Bird” ซิงเกิลล่าสุดที่เป็นตัวตนของศิลปินหนุ่มฮอต “เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร” ค่าย White Music สังกัด GMM MUSIC กับความชื่นชอบใช้ชีวิตช่วงกลางคืนแบบที่ต้องการ ได้โบยบิน ปลดปล่อยอารมณ์เติมพลัง สร้างแรงใจให้ตัวเอง ซึ่ง “เป๊ก” เผยความในใจแบบตรงไปตรงมาถึงความใช่ตัวตนสุดๆของเพลงนี้ รวมทั้งมุมมอง ณ ตอนนี้ของหนุ่มรักความเป็นส่วนตัวที่ยอม “เปิด” ตัวเองสู่ประตูบานใหม่ในโลกโซเชียล ไปพร้อมๆกับการ “ปิด” เพื่อใช้เวลาโฟกัสกับเรื่องสำคัญ เริ่มจาก...
เล่าการทำงานเพลง “Night Bird” ที่เป็นสีสันใหม่ของเป๊ก? “อยากทำเพลงออกมาเป็นสไตล์ไม่ต้องไทยมากๆ ผมมีโอกาสได้แต่งเมโลดี้ก็เลยแต่งแบบยากไปเลย พอเอาเนื้อภาษาไทยมาใส่ก็ไม่ได้เลย (ยิ้ม) ก็โล่งอกที่มันออกมาได้โปรดิวเซอร์คือน้องเอ้ BOTCASH มาดูเรื่องดนตรีและพี่แอ้ม-อัจฉริยา ดูแลเนื้อเพลง ทำแล้วสนุก”
ที่บอกว่าคอนเซปต์แรกมาจากเป๊กมันเริ่มต้นยังไง? “ก็ต้องยอมรับว่าผมเป็นคนนอนดึก ตอนดึกๆ มันเงียบสงบ ผมชอบบรรยากาศกลางคืน คิดว่ามันน่าจะปลดปล่อยความเป็นตัวเองได้ ทำงานอะไรได้แบบไม่เครียด ทั้งวันเราเจอคนเยอะๆมาเราก็ได้ปลดปล่อยตรงนั้น”
หลายคนอยากรู้ว่าสำหรับเป๊ก อย่างเนื้อเพลง “Turn off the lights” แล้วเป็นยังไงต่อ? “ก็เหมือนเป็นเพลงให้เป็นตัวเองมากที่สุดช่วงที่เรารู้สึกสบายที่สุด ซึ่งของผมก็เป็นช่วงกลางคืน “Night Bird” ก็เหมือนนกกลางคืน ชอบทำอะไรกลางคืน” เป็นคนนอนยาก? “นอนยากมากครับ แต่ก็มีกิจกรรมต่างๆ ผมชอบฟังเพลงก็จะเปิดไปเรื่อยๆบางทีเพื่อนๆก็มาแฮงเอาต์ที่บ้านมาทำอาหารกัน ก็ได้เจอเพื่อนๆหลังเลิกงาน”
ช่วงค่ำคืนเป็นช่วงสร้างแรงบันดาลใจยังไง? “ก่อนอื่นก็คือได้ผ่อนคลาย สบายๆ วันไหนที่ไม่เหนื่อยก็ชวนเพื่อนมา เพื่อนก็สายเดียวกัน ชอบนั่งคุยกัน ประชุมกัน เพราะช่วงนี้ก็ทำช่อง YouTube ของตัวเอง ชื่อ Peckpalit ถึงไม่ได้พูดเรื่องงานแค่อยู่กับเพื่อนๆมันก็ได้แรงใจ”

ได้ท่องโลกโซเชียลตอนกลางคืนด้วยมั้ย? “ปกติผมเป็นคนไม่เล่นโทรศัพท์มือถือตอนกลางวันเวลาทำงานไม่พก และช่วงนี้เป็นช่วง Social Detox ด้วย บางทีก็ต้องพักบ้างเพราะอะไรมันตึงเครียดมาเยอะแล้ว เปลี่ยนจากเอาเวลาที่เรามาคิดว่าทำไมเค้าต้องพูดแบบนี้กับเรา เอามาจำเนื้อเพลงดีกว่า และช่วงนี้ทำงานเยอะนิดนึงมีหลายคอนเสิร์ต ก่อนหน้านี้ก็เป็นคอนเสิร์ต GRAMMY X RS : 2K Celebration, คอนเสิร์ตเป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ และเดี๋ยวมีไปเป็นแขกรับเชิญให้กับศิลปินอีกท่านหนึ่ง ต้องจำเนื้อเพลงและคิวเยอะมาก ตารางงานแน่นมาก คือช่วงที่ว่างก็ว่างมาก ช่วงนี้เลยยอมรับว่าอาจจะมีความงงๆว่าจะทำอะไรก่อนดี วางลำดับไม่ค่อยถูกเลยคิดว่าอะไรตัดไปก่อนได้ก็คือตัดไปเลย”
อีกมุม สังคมโซเชียลก็เป็นพลังใจสำหรับแฟนๆที่อยากสนับ สนุนส่งกำลังใจให้เรา? “ใช่เลยครับ ก็อยากขอโอกาสบอกผ่านคนดังนั่งคุยตรงนี้เลยครับว่าไม่ได้ลืม ไม่ได้ไม่คิดถึงนะครับ อยากได้กำลังใจเหมือนเดิมแต่อาจจะมีหายๆไปหน่อย เพราะช่วงนี้ทำงานเยอะ โทรศัพท์มือถือคือปิดเลย เอาซิมออก”
ถ้าใครต้องติดต่อเราล่ะ? “เพื่อนๆจะรู้ว่าตอนนั้นเราอยู่กับใคร ถ้าอยู่บ้านโทร.หาพี่ที่ดูแลบ้าน หรือถ้าทำงานอยู่ก็โทร.หาคนดูแล” เหมือนว่าถ้าเราเข้าไปในโซเชียลแล้วเราอาจจะอิน? “จริงๆไม่ได้อิน ไม่ได้ติด แค่อยากรู้ว่าวันนี้เราไปทำงานมา ฟีดแบ็กเราเป็นยังไง หน้าตาเราเป็นยังไง ในทวิตเตอร์ก็มีทั้งดีบ้างและไม่ดีบ้าง ผมก็พยายามดูแต่ที่ดีๆ แต่พอมีสิ่งที่ไม่ดีสอดแทรกเข้ามาแล้วเราดันไปเห็นก็จิตตกครับ เลยไม่เล่นช่วงนี้ สมัยก่อนจิตตกเคยบอกทีมงานตอนที่ทำคอนเสิร์ต The Final Odyssey ที่อิมแพ็ค อารีน่า ว่าขอเลื่อนได้มั้ย กลัวคนไม่มา กลัวไปหมด ตอนนั้นคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นอิมแพ็คแล้วทุกอย่างมันเยอะมาก แต่มันก็ออกมาดีมาก ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ เลยคิดว่าถ้าเป็นช่วงที่เราต้องทำอะไรเยอะๆยังไม่เข้าไปดีกว่า”
เปิดโลกความเป็นหนุ่มโซเชียล ขึ้นแท่นยูทูบเบอร์ ติ๊กต่อกเกอร์ หน้าใหม่? “ใช่ครับ ก็เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ดำเนินรายการคนเดียว พูดคนเดียวไม่มีสคริปต์ จริงๆมีเพื่อนๆมาช่วยด้วยแต่มันก็ยากมากเพราะเพื่อนชอบบอกว่ามันยังไม่สนุกเพราะเราไม่พูด นี่ก็คือพูดมากที่สุดแล้ว โอเคจะพูดให้มากกว่านี้ ก็ต้องปรับตัวพยายามอยู่ตอนนี้ก็เพิ่งลงไปไม่เยอะ จะลงทุกวันเสาร์ จะพยายามให้เป็นไลฟ์สไตล์ของผม ถ้าไม่ทำงานก็ไปเที่ยว มันมีหลายโมเมนต์เรียลๆ อย่างมีที่ไปเล่นขับ ATV ที่เขาใหญ่ ที่ไปล้มกระดูกหัก แล้วรถคว่ำมาทับ ก็มีในนั้นให้รอติดตาม”
อุบัติเหตุนั้นทำให้ซี่โครงหัก 4 ซี่ ร้าว 1 ซี่ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว? “ดีขึ้นมากแต่ยังไม่หาย 100% ครับ” ตอนคอนเสิร์ต 2kเราสู้มาก? “สู้มากครับ ซ้อมเพลงเกรงใจไว้ ตอนซ้อมยังไม่หัก เค้าบอกเปลี่ยนเพลงมั้ย แต่เราไม่อยากให้ลำบาก แล้วท่ามันโยกกร๊อบๆ หลังจากนั้นคือเข้า รพ.เลย ตอนนั้นสู้มากเพราะแฟนๆของทุกคนเค้ารออยู่ จริงๆคุณหมอบอกให้พักอยู่เฉยๆสักเดือน แต่ไม่มีช่วงเวลานั้นเลย ช่วงแรกหายใจก็เจ็บ พูดก็เจ็บ ผู้จัดการก็แจ้งกับแฟนๆทีหลังว่าเจ็บ แต่พอเค้าเห็นคลิปซนๆ จากนั้นก็คิดว่าไม่เป็นไร”
ที่ผ่านมาคนไม่ค่อยเห็นว่าเป๊กทำอะไรบ้างเวลาที่ไม่ได้ทำงาน? “ใช่ครับ เพราะบางทีเราก็หวงความเป็นส่วนตัวของเรา เราก็ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรตลอดเวลาว่าเรากำลังทานอันนี้ เราอยู่ที่นี่ แต่บางทีก็ไม่ไหว บางทีก็ต้องไลฟ์เพราะอยากคุยกับแฟนๆ เพราะคิดว่าเค้าก็อยากคุยกับเรา รอเราเหมือนกัน” มือใหม่ Tiktok ด้วย? “ใช่ครับ ผมก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องว่ามันต้องเล่นยังไง ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถโปรโมตเพลงได้รึเปล่า คนชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติตลกๆรึเปล่า แต่ก่อนผมก็ลงแต่ซ้อมเต้น เต้นให้ดู ร้องเพลงให้ฟัง ก็ยังจับจุดไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ก็ต้องค่อยๆปรับไป แต่ผมชอบไลฟ์ในติ๊กต่อกครับ”

เปลี่ยนตัวเองยังไงที่ต้องก้าวมาเป็นหนุ่มโซเชียล? “เอาจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตพูดว่าไม่เชี่ยวชาญ ไม่ได้รู้เกี่ยวกับโลกโซเชียลดีเท่าไหร่ แต่ผมมองว่าเราทำงานอยู่ตรงนี้ถ้าเราไม่ได้โชว์ของ เค้าก็คงไม่ทราบว่าเราทำอะไรอยู่ อาจจะมีบ้างที่ต้องโชว์ ต้องขี้อวดหน่อย (ยิ้ม) ต้องปรับตัวครับ ตอนนี้ก็มี Twitter Facebook IG TikTok YouTube เราเลือกมาแบบนี้ก็ต้องไปต่อ อะไรที่เค้าทำแล้วสนุกก็ต้องลองทำ”
เปิดโลกใบใหม่เลย “ก็ต้องยอมรับก่อนว่าเราต้องเผยความเป็นตัวเรา เผยชีวิตประจำวันให้คนเห็น อย่างเปิดบ้านหรือเปิดห้องเมื่อก่อนก็ไม่เคยเลย แต่ตอนนี้โอเคแล้วครับ เพราะทุกคนก็ไลฟ์ที่บ้าน สนุกดี ก็ต้องทำความเคยชินกับมัน จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเพราะมันก็เป็นผลดีต่อเรา แค่เราไม่เคยทำมาก่อน ก็เรียนรู้ไป เป็นก้าวที่ใหม่มากกับ TikTok YouTube เวลาว่างๆก็ทำ vlog หาคอนเทนต์ทำ เช่น ไปหลังเวทีดูการเตรียมตัวก่อนขึ้นโชว์ ถ้าว่างๆก็ไปกินอาหารอร่อยๆริมแม่น้ำ มีเวลาก็ไปทะเล กินหมูกระทะ เราก็มีชีวิตที่ปกติไม่ได้ต้องใส่เสื้อผ้าดีๆแพงๆตลอดเวลา เราก็คือคน ตลาดนัดเราก็ไป รองเท้าแตะก็ใส่เหมือนทุกคน ใส่เสื้อแขนกุดขนรักแร้โผล่ เห็นมุมสบายๆ เป็น vlog ที่อยากให้ทุกคนเห็นอีกมุมที่ไม่ได้อยู่บนเวที”
ถามถึงการได้กลับมาร่วมงานในคอนเสิร์ต เป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ ได้ความรู้สึกอะไรกลับมาบ้าง? “15 ปี มันเร็วมาก เราต่างคนต่างมีเวย์ของตัวเอง ตอนแรกผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เราเป็นเพื่อนกันก็จริงแต่ไม่ได้เจอกันแฮงเอาต์กันบ่อย พอเจอกันก็คือเหมือนเดิม ไม่ต้องจูน ต่อติดเลย ดีใจที่ได้กลับมาร่วมงานกับเพื่อนๆอีกครั้ง ใกล้เข้ามาแล้ว ฝากเพลงใหม่ด้วยครับ ปล่อยออกมาก่อนคอนเสิร์ต เรียกว่าอลังการ สไตล์เป๊กอ๊อฟไอซ์เป็นพาร์ตที่โตขึ้น ยากมากครับ แต่ละคนไม่ยอมกัน กลับมาเจอรอบนี้เข้าห้องอัดกัน เค้าไม่เคยมีการลดศักยภาพเลยมีแต่พัฒนา ได้เห็นเพื่อนร้องดีขึ้นเยอะมากแต่ทุกคนก็มีอายุแล้วไม่รู้ตอนเต้นจะเป็นยังไง (ยิ้ม)”
แพลนการทำเพลงตอนนี้? “ต้องเร่งทำอัลบั้มให้เสร็จภายในต้นปีหน้าที่จะปล่อย กระบวนการมันก็มีขั้นตอนเยอะ ช่วงปลายปีนี้อาจจะค่อนข้างต้องมีสมาธิ 6 เพลง ออกไปแล้ว 2 เพลง อย่าง Night Bird คิดว่าคนก็ไม่เคยเห็น มันก็สนุกดีที่ได้ออกเพลงแนวใหม่ๆแบบนี้ เป็นอัลบั้มที่มีสีสัน ช่วงนี้ต้องมาเต็ม ใจเต็ม รวบรวมใจให้มากที่สุด แล้วผมเป็นคนที่สมาธิไม่ได้มีเยอะ ให้จำอะไรเยอะๆคงต้องใช้เวลา ก็คงเป็นปีที่ยุ่งและโหดในช่วงสิ้นปีแต่ก็จะทำให้ดีที่สุด”
เป๊กดูบุคลิกมาดนิ่งแต่หลายๆครั้งก็เผยมุมเฮฮา เป็นคนมุกแพรวพราวมั้ย? “ไม่ครับ จริงๆเป็นคนไม่เล่นมุก ไม่ทันมุกว่าเค้าเล่นอะไร แต่ได้รับอิทธิพลมาจากคุณโอ๊ต-ปราโมทย์ คุณป๊อบ-ปองกูล ที่สอน แต่ก็ทำไม่ได้เลย โดนแกล้งตลอด จริงๆเป็นคนชอบฟังมากกว่าพูด เป็นคนไม่ตลก แต่เค้าบอกว่าไม่ตลกนี่ล่ะตลก”
ที่ผ่านมาเราโพสต์อะไรก็ทำให้แฟนๆ อารมณ์ดี ดูขี้เล่น? “คือเราก็อยากให้เค้าอ่านแต่สิ่งที่ดีเหมือนที่เราอยากอ่านแต่สิ่งที่ดีๆ ผมก็ไม่ได้อยากตั้งใจที่จะเป็นคนตลกแต่อะไรที่มันอ่านแล้วงงๆขำๆก็เขียนไป พิมพ์ไปเถอะ อย่างผมก็โพสต์หน้าตัวเอง บอกว่าวันนี้หน้าไม่ค่อยดี มีเบอร์หมอมั้ย ถ้าชอบก็คือชอบเลย ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ชอบเล่นหัวเราะกับเพื่อนแต่ไม่ใช่คนปล่อยมุก”
ชอบทำให้คนอื่นมีความสุข? “ถ้าทำได้ก็อยากทำครับ ไม่ได้เป็นคนเล่นมุกตลก แต่คือถ้าเราไปไหน นั่งทานข้าวที่ไหน หรืออยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนมาบ้านเป็น 10 คน เราจะมองทุกคนว่ากินอะไรหรือยัง เอานี่มั้ย จนบางทีลืมเอนเตอร์เทนตัวเอง ลืมกิน ลืมว่าเหนื่อย ขอขึ้นไปนอนก่อน (ยิ้ม)”
เป๊กเป็นคนละเอียดอ่อนกับคนรอบตัว อีกด้านหนึ่งอาจจะทำให้มีอะไรมากระทบจิตใจได้ง่าย? “จริงๆมันก็ค่อนข้างยากที่เราจะต้องแบ่งบางส่วนหรือทั้งหมดไปให้ทุกคนต้องรู้ แต่ก็ไม่ได้หวงขนาดนั้น แต่ก็ต้องปรับตัว สมมติกลับมาที่บ้านโลกมันก็เปลี่ยน ตอนกลางวันเราอยู่ในที่คนเยอะต้องทำนู่นทำนี่ อย่างเวลาขึ้นคอนเสิร์ต กลับบ้านก็จะรู้สึกว่าคนยังเพิ่งกรี๊ดเพิ่งให้กำลังใจ แต่พอกลับบ้านมาเราก็อยู่คนเดียวมันเป็นโหมดนี้สวิตช์บ่อยๆ เราก็คิดว่าแล้วจะทำยังไงให้มันชินก็ต้องหาอะไรทำ อยู่กับเพื่อน ฟังเพลง อยู่ตอนกลางคืน ใจลึกๆก็นั่งคิด นั่งอมยิ้มบ้างว่าเมื่อกี้เราทำอะไรลงไป น่าจะดี เอ๊ะ หรือไม่ดี เรากลับบ้าน ทุกอย่างต้องมาเริ่มใหม่ตั้งแต่เปิดไฟเอง”
เราต้องปรับใจตัวเองมากน้อยแค่ไหนหลายคนมองว่าเราก็อยู่ในเส้นทางนี้มานานน่าจะรับมือได้ดีขึ้น แกร่งขึ้น? “น่าจะเข้าใจมากขึ้นแต่ไม่ได้แกร่งขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีอะไรกระทบจิตใจ หรือใครมาบอกเรา เราก็มีจิตตก มันคงจะไม่ใช่ว่าไม่เป็นไรหรอกใครก็โดน แต่พอมันเจอ มันก็รู้สึก แล้วก็เสียความเป็นตัวเองไปอีกนิดนึง บางอย่างมันก็เฮิร์ตมากจริงๆไม่สามารถไปต่อได้ แบบอึ้กเลย อยู่ที่เราจะจัดการและลืมมันไปให้เร็วที่สุด เวลาทำคอนเสิร์ตเราก็เต็มที่ จุดบาลานซ์ไม่มี ก็เต็มที่ไปก่อน รับฟังแต่เรื่องดีๆจะได้ใจฟู ตั้งใจทำงาน”
การได้รับความรักรอบตัว ฮีลหัวใจเราแค่ไหน? “แน่นอนอยู่แล้วครับก็อยากเป็นที่รักของทุกคนอยู่แล้ว เรารักใคร อยากให้ใครทำอะไรที่ดี เราอาจจะต้องทำให้เค้าก่อน เราให้ไปเราก็น่าจะได้รับอะไรที่ดีที่เป็นบวกกลับมา สำหรับผมทุกคนมีความสำคัญกับผม ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตก็ช่วยฮีลผมในเวย์ของเค้า ครอบครัว เพื่อน หรือพี่แม่บ้าน ผมก็รักมาก ผมกอดเค้าทุกวัน เพราะเค้าช่วยให้เราออกไปทำงานได้อย่างสบายขึ้น ช่วยดูแลเรา ทุกคนเลยมีความสำคัญกับผมจริงๆ”
ภูมิใจในเป๊ก–ผลิตโชค ตอนนี้แค่ไหน? “คล้ายๆจะชมตัวเองนิดนึงนะครับ (ยิ้ม) คือกว่าที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้มันยากมากและต้องเข้มแข็งต้องสตรองมากด้วย มันมีอุปสรรคเยอะแยะมากมายที่มันเกิดขึ้นมาแต่เราก็ผ่านมาได้ อยากบอกว่า “ยูก็ผ่านมันมาได้นะ” (ยิ้ม)”.
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2731002
บันเทิง










.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)




ความคิดเห็น