ฟร้อง-คุณแม่ ลั่นแรงเหตุผลเลิก เอ้ ชุติมา เพราะหมดตัว-ไร้งาน หมุนเงินไม่ทัน

กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อทางด้าน ฟร้อง ศุภกิจ อดีตแฟนรุ่นลูก เอ้ ชุติมา ได้เดินทางร้องขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด โดยอ้างว่าหลังจากเลิกรากับนักแสดงรุ่นใหญ่ ตนได้ย้ายออกมาจากบ้าน

และฝ่ายหญิงได้ขอรถยนต์หรูและบ้านซึ่งเป็นชื่อฝ่ายชายไว้ และรับปากว่าจะทำเรื่องเปลี่ยนชื่อสัญญาให้เร็วที่สุด ต่อมาพบว่าทั้งบ้านและรถยนต์หรูที่นักแสดงรุ่นใหญ่ขอเอาไว้ ค้างผ่อนค่างวดกว่า 5 เดือน จนทำให้บ้านถูกธนาคารยึด ทำให้เสียเครดิต

ส่วนรถยนต์ทางไฟแนนซ์ได้เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน เนื่องจากฝ่ายหญิงไม่ยอมผ่อนต่อ และนำรถไปหลบซ่อน ไม่ยอมส่งมอบรถคืน

ล่าสุด วันนี้ (3 กรกฎาคม 2566) ทางด้าน เอ้ ชุติมา และ ฟร้อง ศุภกิจ พร้อมด้วยคุณแม่ ได้เดินทางมานั่งพูดคุยในรายการโหนกระแส ซึ่งต้องบอกเลยว่าเทปนี้มีคนดูไลฟ์สดทะลุแสนกันเลยทีเดียว

และหลังจบรายการ ทางด้าน ฟร้อง ศุภกิจ และคุณแม่ พร้อมกับทนาย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพื่อเปิดใจเคลียร์ว่า

-เราเคยตกลงเรื่องรถ-บ้านกันไว้แล้วก่อนหน้า เขาพูดวันนี้เหมือนหนังคนละม้วน ตนกลัวรถหายเลยไปแจ้งความ

-ตอนนี้โดนคดีทั้งเรื่องบ้าน เรื่องรถ ส่วนฟ้องล้มละลายอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้

-อยากให้เขามารับผิดชอบในส่วนที่เอาไปแล้วไม่ยอมผ่อน จะเอารถมาคืนโดยที่ยังค้างอยู่ก็ไม่ได้

-หลังจากนี้จะจัดการยังไง ขอไปปรึกษาครอบครัวและทนายก่อน

-แบ่งจ่ายคนละครึ่งไหม เราเสนอไปแล้ว แต่เขาปฏิเสธทุกอย่างเลย

-เรื่องพนันออนไลน์ ยืนยันตนไม่ได้เล่น แต่โดนโกงจริงๆ เหตุผลที่ตนยอมลงทุน เพราะมีปัญหาหลายเรื่อง

-หลังเลิกกัน เขาก็ออกจากบ้านไปเลย ติดต่อไปก็ไม่ยอมรับสาย เหมือนหนีปัญหา

-ยืนยันไม่ได้เลิกกันด้วยมือที่ 3 มีปากเสียงกันจริง เรื่องลูกบุญธรรมกับเพื่อนใส่ไฟตนเรื่องผู้หญิง ให้เขาเลือกว่าจะเลือกใคร นั้นเป็นจุดที่แตกหัก

-ต่อไปให้สังคมตัดสิน จะมองยังไงตนก็ไม่ได้กังวล อุตส่าห์รัก กู้เงินให้ รีไฟแนนซ์ ยอมติดหนี้ สุดท้ายบอกถ้าฟ้องมา ก็จะฟ้องกลับ

-ด้านคุณแม่บอก เขากลับคำพูดทุกอย่าง มันเสียความรู้สึก ส่วนเรื่องที่เขาส่งเสียเลี้ยงดู มันคือข้อตกลงที่เขาไปขอลูกเราที่บ้าน เราไม่ติด ลูกรักใครเราก็รัก

-เรื่องที่พูดว่าเขาหมดตัว เขาไม่มีเงินจริงๆ เรารู้ปัญหา เพราะเขายืมเงินเราอยู่ 5 หมื่น ลูกเราบอกว่าเขาไม่มีงาน เงินหมุนไม่ทัน.

ขอขอบคุณ แหล่งที่มา :  https://www.thairath.co.th/entertain/news/2706644