ตรึงกำลังเข้ม ด่านแม่สอด หวั่นพม่าลี้ภัย ทะลักเข้าไทย

ทหารไทยตรึงกำลังเข้มชายแดนแม่สอด หลังสถานการณ์การสู้รบในฝั่งเมียนมายังตึงเครียด หวั่นผู้อพยพหนีภัยสงครามจากเมียวดีแห่ทะลักเข้าไทย ขณะที่ชาวบ้านทั้ง 2 ฝั่งยังดำเนินชีวิตตามปกติ นายกฯแจงปมร้อน เครื่องบินเมียนมาลงจอดสนามบินแม่สอด ขออนุญาตถูกต้องตามขั้นตอน ยันไม่ได้ขนย้ายอาวุธหรือกำลังพล ลั่นรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชน รมช.ต่างประเทศ แจงเป็นเครื่องบินพลเรือนมาขนย้ายสิ่งของทางการทูต ไม่ได้ขนกำลังทหาร อาวุธหรือขอลี้ภัย “พิธา” จี้ถามรัฐบาลไทยช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมาหรือไม่
จากสถานการณ์การสู้รบอย่างรุนแรงในประเทศเมียนมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ล่อแหลมจังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามด่านพรมแดนถาวรแม่สอด จ.ตาก หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าจะมีผู้อพยพ หนีภัยสงครามจากฝั่งเมียนมาแห่ข้ามมาฝั่งไทย ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 8 เม.ย. หลังจากทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือเคเอ็นยู สนธิกำลังกับทหารกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือพีดีเอฟ และทหารฝ่ายต่อต้านอีกหลายกลุ่ม เข้าโจมตีค่ายทหารเมียนมาพร้อมกันหลายค่าย แต่ละค่ายเป็นระดับกองพัน ทั้งกองบังคับการฝ่ายยุทธการ และกองพันปืนใหญ่อาวุธหนัก ถูกบุกเข้ายึดได้สำเร็จหลายค่าย ล่าสุดยังเหลืออีก 1 ค่ายที่รู้จักในชื่อกองพัน 275 เป็นกองพันที่มีปืนใหญ่และอาวุธหนักประจำการ มีทหารเมียนมาติดอาวุธอยู่หลายร้อยนาย ยังคงไม่ถูกทหารฝ่ายต่อต้านบุกเข้าโจมตี
มีรายงานว่า ทหารฝ่ายต่อต้านกับทหารเมียนมาในกองพัน 275 อยู่ระหว่างการเจรจากันเพื่อลดการสูญเสีย เนื่องจากกองพัน 275 มีพื้นที่ติดกับเมืองเมียวดี ห่างจากชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เพียง 5 กม. เป็นการสุ่มเสี่ยงและอันตรายเป็นอย่างมากถ้าหากทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะเปิดศึกปะทะกันเพื่อเข้ายึดกองพัน 275 จะส่งผลกระทบทำให้มีคลื่นผู้อพยพหนีภัยสงครามทั้งเมืองเมียวดีอาจจะทะลักข้ามแนวชายแดนเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด อย่างไรก็ตามหลังจากสถานการณ์ในจังหวัดเมียวดีมีแนวโน้มใกล้ถึงจุดอันตราย ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู พร้อมทหารพราน ฉก.ทพ.ที่ 35 พร้อมอาวุธครบมือ ต้องส่งกำลังทหารเข้าไปตรึงกำลังตลอดแนวตะเข็บชายแดน จ.ตาก ทุกจุดอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันรักษาอธิปไตยของไทยตลอด 24 ชม. เนื่องจากสถานการณ์ในจังหวัดเมียวดีไม่น่าไว้วางใจ
ส่วนบรรยากาศที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอด-เมียวดี ยังเปิดตามปกติ มีประชาชนทั้ง 2 ฝั่งและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกหนาแน่นเหมือนทุกวัน ขณะที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนฝั่งไทยจัดงานเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว มีชาวบ้านออกมาสาดน้ำสงกรานต์กันสนุกสนานตามริมฝั่งแม่น้ำเมยทั้งฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา ผู้คนยังใช้ชีวิตตามปกติไม่มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ตลอดทั้งวันก็ยังไม่มีการยิงปะทะในพื้นที่จังหวัดเมียวดี แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังตรึงกำลังออกลาดตระเวนตรวจตราอย่างเข้มงวด
ก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 7 เม.ย. มีรายงานว่า กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาได้ประสานรัฐบาลไทยเพื่อขออนุญาตขนส่งทหารเมียนมาและครอบครัวจำนวน 617 คน เป็นทหาร 410 คน ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย เมื่อถึงเวลา ปรากฏว่ามีเครื่องบินของสายการบิน Myanmar National Airlines เที่ยวบินพิเศษ มาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด มีการขนย้ายเงินสด กระเป๋าเดินทางและสิ่งของสำคัญขึ้นไปกับเที่ยวบินลำดังกล่าว แต่ไม่มีรายงานว่ามีการขนย้ายทหารเมียนมาและครอบครัวไปกับเครื่องบินลำดังกล่าวแต่อย่างใด
ด้านนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล กรณีมีเครื่องบินโดยสารจากเมียนมาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ก่อนบินกลับประเทศเวลา 22.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาลงเพื่อขนสิ่งของพลเรือน ไม่ได้มีการขนกำลังทหาร หรืออาวุธ หรือการขอลี้ภัยตามที่เป็นข่าว เป็นเรื่องคำขอทางการทูตเพื่อนำเครื่องบินพลเรือนมาขนย้ายสิ่งของทางการทูต ถือเป็นเรื่องปกติ
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ แล้ว เป็นไปตามที่นายจักรพงษ์ชี้แจง เป็นการขนย้ายพลเรือนตามปกติ ไม่ได้มีการขนส่งทางการทหาร และมีการขออนุมัติถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง เมื่อถามย้ำว่ากระทรวงกลาโหมมีการประสานกันอย่างถูกต้องตามขั้นตอนแล้วใช่หรือไม่ นายกฯยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาลในที่ 9 เม.ย. เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ส่วนเรื่องใหญ่คือเรื่องภายในเมียนมา ได้เชิญนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ รมช.ต่างประเทศ ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. รวมทั้งที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเตรียมความพร้อมรองรับหากมีประชาชนหนีภัยการสู้รบจากฝั่งเมียนมาทะลักเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ นายเศรษฐายอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ ชายแดนไทย-เมียนมา มีเขตติดต่อกันประมาณ 2,000 กม. เมียนมามีประชากรเกือบ 70 ล้านคนเท่ากับไทย ความประสงค์ของรัฐบาลไทยมีความชัดเจนว่า อยากให้เมียนมาเกิดความสงบ เป็นหนึ่งเดียวกัน และเจริญเติบโตก้าวหน้าไปตามศักยภาพที่มี อยากให้เกิดสันติภาพ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามย้ำว่าหากมีการทะลักเข้ามาแผน
รองรับของไทยคืออะไร นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการทะลักเข้ามา ที่ได้รับรายงานยังไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามต่อว่าที่ผ่านมาไทยถูกมองเรื่องของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการส่งกลับผู้อพยพ มีแผนเตรียมการไว้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาเพราะยังไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญกับเรื่องความสงบ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ประเด็นแรก ผู้ลี้ภัยจากสงครามเมียนมาที่หลบหนีเข้ามาฝั่งไทย ทางกองทัพภาคที่ 3 มีการเตรียมการตั้งแต่ปีที่ 2566 เนื่องจากมีสถานการณ์สู้รบฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด จ.ตาก มีการสู้รบในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ตลอด 1 ปีที่ผ่านมามีผู้อพยพเข้ามายังค่ายผู้อพยพที่ อ.แม่สอด และ อ.แม่สะเรียง ทางกองทัพดูแลให้ความเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย. รัฐบาลเมียนมาที่ จ.เมียวดี สูญเสียฐานที่มั่น กองทัพไทยให้รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศเจรจากันในเรื่องของความช่วยเหลือ ทั้งการนำเครื่องบินพาณิชย์มารับข้าราชการ และครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดเมียวดี จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องพูดคุยกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงกระแสข่าวทหารเมียนมาขอใช้สนามบินแม่สอด จ.ตาก เป็นสถานที่อพยพพลเรือนว่า ประชาชนกำลังรอคำตอบจากรัฐบาลและกองทัพ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สนามบินจังหวัดตาก การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามต้องเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น การขนทรัพย์สิน อาวุธ ทำให้ถูกตีความได้ว่าเป็นการช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมา ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องออกมาชี้แจงรายละเอียดให้โปร่งใส
วันเดียวกัน สื่อท้องถิ่นเสียงประชาธิปไตยแห่งเมียนมา (DVB) รายงานความคืบหน้ากรณีกองพันทหารราบสังกัดกองทัพเมียนมา ที่ดูแลเมืองเมียวดีตัดสินใจวางอาวุธยอมจำนนแก่กองกำลังชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเคเอ็นยูในรัฐกะยินว่า กองทัพเมียนมาได้ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ใส่กองพันยุทธการที่ 6 ของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ในพื้นที่เมืองตินกานญีนอง ฐานที่มั่นของกองทัพเมียนมาที่กะเหรี่ยงเพิ่งยึดครองไปได้ อยู่ห่างจากเมืองเมียวดีไปทางตะวันตกราว 10 กม. รวมถึงพื้นที่เมืองก่อกะเรก ห่างจากเมืองเมียวดีไปทางตะวันตกเกือบ 50 กม. กองทัพเมียนมาใช้ทั้งปืนใหญ่และเครื่องบินรบทิ้งระเบิดขนาด 500 ปอนด์ ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ไป 3 ระลอก มีนักรบกะเหรี่ยงเสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ บาดเจ็บกว่า 40 คน การสู้รบยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานอ้างนายฟิล โรเบิร์ตสัน รอง ผอ.กลุ่มเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯ ฮิวแมน ไรท์ วอตช์ สาขาเอเชีย ระบุว่า เมืองเมียวดีถือเป็นด่านข้ามพรมแดนเมียนมา-ไทยที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด มีมูลค่าการค้าขายข้ามพรมแดนระหว่างช่วงเดือน เม.ย.66 ถึงเดือน มี.ค.67 สูงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 36,000 ล้านบาท ดังนั้น การที่รัฐบาลเมียนมาสูญเสียเมืองดังกล่าวให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
บันเทิง















ความคิดเห็น