เปิดภาพ ออฟฟี่ ยังจำอะไรไม่ได้ ลูกสาวไลฟ์หาเงินค่ารักษา วอนจ้างงาน เคยดังมากโลกออนไลน์

ยังจำอะไรไม่ได้ เหมือนเด็กแรกเกิด เปิดภาพ ออฟฟี่ แม็กซิม หลังผ่าตัดสมอง2ครั้ง ลูกสาวไลฟ์หาเงินค่ารักษากว่า 7 หลัก วอนคนเคยซัพพอร์ตแม่ ผู้เคยโด่งดังมากโลกออนไลน์ วอนจ้างงานลูก

จากกรณีเน็ตไอดอลดัง “ออฟฟี่ แม็กซิม” หรือ “อรพรรณ ด่านศิริวัฒนกุล” เข้ารับการผ่าตัดสมอง 2 ครั้ง สมองซีกซ้ายมีเลือดออก พบมีเส้นเลือดโป่งพองทำให้เลือดออก ต้องผ่าตัดสมองเร่งด่วน

โดยคนใกล้ชิดเผยอาการล่าสุดด้วยว่า “วันนี้ออฟถูกส่งตัวออกจากห้อง ICU แล้วครับเพื่อมาพักฟื้น คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจและสายยางต่างๆออกวันแรกยังเหลือที่คอ ออฟยังพูดไม่ได้และยังจำอะไรไม่ค่อยได้

เป็นผลมาจากต้องผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง ร่างกายซีกขวายังไม่มีแรงไม่สามารถใช้งานได้ คุณหมอบอกต้องทำกายภาพไปอีกระยะ

ความทรงจำกับร่างกายถึงจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง คุณหมอเก่งมากครับ ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับผม
พระคุ้มครองนะครับคุณอรพรรณ หายวันหายคืนนะครับต่อจากนี้ ”

โดย เฟิร์น วรรณภา อีกหนึ่งคนใกล้ชิดก็โพสต์คลิปไปเยี่ยม ออฟฟี่ มีการพูดคุย ออฟฟี่พอจะพูดโต้ตอบได้ บ้าง แต่ยังพูดไม่ค่อยชัด จำชื่อใครไม่ได้ เฟิร์น ก็บอกไม่ต้องห่วงแตงโม

ขณะที่ น้องแตงโม ลูกสาวคนโตของ ออฟฟี่ ออกมาไลฟ์สดคู่กับ เฟิร์น วรรณภา นอกจากมาเล่าถึงอาการล่าสุดของคุณแม่ หลังจากมีอาการปวดหัวมาก ก็ยังคิดว่าแม่ปวดหัวเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย

จากนั้นพาแม่ไปหาหมอ แต่หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดทนไม่ไหว เขาบอกบอกหมอว่าไม่อยากอยู่แล้ว ให้เขาไปเลยได้ไหม

ผ่าตัดรอบแรกไม่ดีขึ้น จนผ่าตัดรอบที่สอง เฝ้าดูอาการ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เหมือนหนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มดีขึ้นช่วงนี้ แต่ก็ยังพูดไม่ค่อยได้ จำอะไรไม่ได้

เฟิร์น บอกด้วยว่า ออฟฟี่ เหมือนเด็กแรกเกิด ไม่รู้แม้อันนี้สีอะไร ไม่รู้ใครชื่ออะไร จำได้แต่หน้า ก็วอนขอให้ทุกคนช่วยซัพพอร์ต น้องแตงโม เพราะค่าผ่าตัดแพง ค่ารักษากว่า 7 หลัก ไม่มีประกัน ค่าใช้จ่ายเต็มๆ จ้างงานน้องได้เลย ช่องติ๊กต๊อก @tangmumumae ที่มีผู้ติดตาม กว่า 90k

โดย แตงโม วัย 13 ปี บอกด้วยว่า ตอนนี้ตัวเองต้องมาเป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อหาค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ วอนผู้ใหญ่ใจดี ที่เคยซัพพอร์ตแม่ ว่าครั้งหนึ่งอยากให้จดจำผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีอิทธิพลในโลกออนไลน์มากๆ ช่วยซัพพอร์ตตนเองหรือจ้างงานได้ โดยไม่ขอรับเงินบริจาค

ออฟฟี่ แตงโม

... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : khaosod