ซิลวี่ ภาวิดา จากคนไม่ได้เรื่อง สู่ตำแหน่งควีนออฟมั่นใจ เลิกอบายมุขได้กราฟชีวิตพุ่งสูง

• ซิลวี่ ภาวิดา กราฟชีวิตพุ่ง ขอบคุณที่เลิกเหล้า เลิกยาได้ 
• ในวันที่ได้เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ต้องพยายามเป็นใครอีกแล้ว
• แอบกดดัน ถูกยกให้เป็นไอดอล ควีนออฟมั่นใจ 

เป็นอีกหนึ่งนักร้องสาวที่ชีวิตมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นไม่น้อย สำหรับ ซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ หรือที่หลายคนรู้จักในนาม ซิลวี่ เดอะสตาร์ และถ้าใครที่ติดตามก็จะรู้ว่าช่วงชีวิตหนึ่งของซิลวี่นั้นเคยหลงผิดใช้ยาเสพติดจนติด และกว่าจะเลิกได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน และหลังจากเลิกยา ชีวิตของซิลวี่ก็ค่อยๆ ดีขึ้น  

จนกราฟชีวิตของ ซิลวี่ ค่อยๆ พุ่งทะยาน เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะมีภาพลักษณ์ที่หลายคนเริ่มจดจำเธอได้ กับความเป็นสาวที่มั่นใจในรูปร่างและความสวยของตัวเอง เริ่มมีคนยอมรับ และคนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น 

ล่าสุด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ซิลวี่ ภาวิดา ซึ่งเราก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตของเธอที่ดูเหมือนจะเป็นปีทอง เพราะซิลวี่ลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟ จะทำอะไรก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอด ซึ่งซิลวี่ก็ได้เปิดใจเล่าให้เราฟังว่า 

...

ปีทองของซิลวี่

อย่างที่บอก หลังจากที่เลิกยาเสพติดได้ และเริ่มตั้งใจทำงาน กราฟชีวิตของซิลวี่ก็ดูจะค่อยๆ พุ่งทะยานขึ้นมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ชื่อเสียงและผลงานเพลงของซิลวี่ก็เป็นที่ยอมรับและมีคนรู้จักมากขึ้น ซึ่งซิลวี่บอกกับเราว่า 

"ถามว่าปีนี้เป็นปีทองของซิลวี่มั้ย รู้สึกว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของซิลเลย พอย้อนไปมองก็จะเป็นว่าแผนของการทำงานเราไม่เคยได้ดีขนาดนี้ก็รู้สึกดีใจ คือการวางแผนชีวิตของซิลดีกว่าเมื่อก่อน ไม่รู้ว่าคืออะไร โลกมันเปิดกว้างมากขึ้น เรากล้าเป็นตัวเองมากขึ้นในเวลาที่มันถูกและเหมาะ และผู้ใหญ่ใจดีหลายๆ คนก็ให้โอกาส ก็เลยรู้สึกว่ามันโชคดี

ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะพยายามเป็นคนที่เราไม่ใช่ พยายามอยากจะเป็นแบบที่คนแบบนี้คนอื่นๆ น่าจะชอบ บวกกับสถานการณ์สมัยก่อนเขาก็จะกดดันและบีบบังคับให้เราเป็นอย่างนั้น แต่ในวันนี้ที่มันหลากหลาย ไม่ว่าจะเรื่องเพศ เรื่องรูปร่าง มันถูกที่ถูกเวลา ไม่ต้องเหนื่อยที่จะเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองแล้ว (ยิ้ม)

แต่กว่าจะมาเป็นตัวของตัวเอง ซิลใช้เวลาในการคิดและตัดสินใจนานเหมือนกันกว่าจะยอมรับว่าจะไม่ผอมแล้ว (หัวเราะ) ก็ใช้เวลา 4-5 ปีอยู่นะ เพราะไปหลงผิดอยู่นาน อยากเป็นนู่นเป็นนี่ อยากผอม อยากอะไร แล้วพอรู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว ไม่อยากเป็นแล้ว อยากจะรักตัวเองให้เป็น ก็ค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ ตอนนั้นซิลยังเป็นศิลปินอิสระอยู่นะ แล้วก็ค่อยๆ หาทางมาเรื่อยๆ จนเจอค่ะ" 

แต่กว่าจะเป็น ซิลวี่ ภาวิดา อย่างปัจจุบัน เจ้าตัวยอมรับว่าต้องไปพึ่งหมอจิตแพทย์แบบไม่อาย เพื่อที่จะหาทางออกให้กับชีวิตที่ตัวเธอนั้นไม่สามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวเอง โดยซิลวี่เล่าว่า 

"ทุกวันนี้ซิลวี่หาหมอจิตแพทย์ค่ะ (หัวเราะ) แต่ในอดีตเรื่องการไปหาจิตแพทย์มันยังไม่เป็นที่ยอมรับ ถ้าตอนนั้นไปหาก็เหมือนเราเป็นบ้าหรือเปล่า แต่ ณ วันนี้ถ้าเรามีอะไรที่ควบคุมจิตของตัวเองไม่ได้ แล้วต้องการที่ปรึกษาก็ไปหาได้ ไปหาแล้วมันก็ดีขึ้น โล่งใจมากขึ้น แต่ซิลยังไม่ได้เป็นหนักถึงขั้นกินยา

ซิลไปเพื่อปรึกษา และค่อยๆ เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในหัว ค่อยๆ หาตัวเองเจอ พอไปหาหมอก็เลยทำให้ซิลมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย เรื่องยาเรื่องเหล้าหายไปจากชีวิตเยอะพอสมควร และก็จับจุดโฟกัสเรื่องการทำงาน

คือซิลทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ มันก็จะมีความสับสนในชีวิตเยอะพอสมควร (ยิ้ม) บางวันก็รู้สึกแย่จังเลยที่เราหาทางออกไม่ได้ พอมีปัญหาก็ไปพบจิตแพทย์นิดหนึ่ง เพราะเราต้องการความช่วยเหลือ และทุกครั้งที่หาทางออกไม่เจอก็จะเลือกไปพบจิตแพทย์"

จากคนไม่เอาไหน ถูกยกให้เป็นไอดอล 

อย่างที่บอก ณ ตอนนี้ ซิลวี่ เดอะสตาร์ ถูกหลายๆ คนยกให้เธอนั้นเป็นไอดอลทั้งเรื่องของความมั่นใจในรูปร่าง ความสวย ซิลวี่รู้สึกอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ซิลวี่ก็เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ได้เรื่อง ซึ่งซิลวี่ก็ได้เล่าให้เราฟังว่า 

"บอกตามตรงที่ถูกยกเป็นไอดอล ซิลรู้สึกกดดันค่ะ (หัวเราะ) มันแอบกดดันนิดหนึ่ง แต่ก็จะพยายามโฟกัสว่ามันคือความภูมิใจนะ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะสติแตกอีก เพราะถามัวแต่ไปคิดว่าเราจะทำได้มั้ย พอคิดมากก็จะสติแตก ก็บอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจนะ รู้สึกดีกับมันไว้ อะไรดีๆ ก็โอบอุ้มไว้ เราภูมิใจกับมันได้

...

และในวันที่เรารู้สึกแย่ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลย ก็บอกตัวเองว่าเราไม่มั่นใจได้ยังไง เราคือควีนออฟมั่นใจนะ (หัวเราะ) ซึ่งยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ซิลสับสน แต่ก็เริ่มเรียนรู้และรู้ว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์

และทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ก็จะบอกว่า ดีใจที่ได้เป็นควีนออฟมั่นใจ หรือได้ดึงหลายๆ คนให้กล้ามั่นใจในตัวเอง และมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ทุกครั้งที่นอยด์ก็จัดการกับมันได้เก่งขึ้น แม้จะรู้สึกแย่ แต่ก็จะทำต่อ เป็นตัวของตัวเองต่อ แล้วจะเอาชนะมันต่อได้เรื่อยๆ (ยิ้ม)"

ลักกี้อินเกม-ลักกี้อินเลิฟ

และต้องยอมรับว่าชีวิตด้านการทำงานของซิลวี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้านความรักก็ดีมากด้วยเช่นกัน หลังจากที่ออกมาเปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับนักแสดงสาวรุ่นพี่อย่าง มิ้น มิณฑิตา ซึ่งตอนที่พูดถึงเรื่องความรัก นักร้องสาวก็ยิ้มไปด้วย ตอบคำถามไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขสุดๆ ว่า 

"ซิลรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น (ยิ้ม) เป็นความรักที่เฮลตี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ แล้วมาเจอคนนี้มันเฮลตี้นะ แต่เป็นเพราะเราทั้งคู่พยายามที่จะให้มันเฮลตี้ ซิลรู้สึกโตขึ้นมาก เพราะคบกับคนโตแล้วด้วย ต่างจากความสัมพันธ์อื่นๆ มันมีความอึดอัดบ้าง แต่เป็นเพราะว่าเรากำลังก้าวออกจากเซฟโซน แล้วมันเฮลตี้ก็เดิน"

...

ซึ่ง ซิลวี่ ภาวิดา เผยว่า ในตอนแรกยอมรับว่ากลัวความรักครั้งนี้จะไม่สมหวัง แต่ตอนนี้ไม่มีความกลัวสำหรับความรักครั้งนี้แล้ว โดยเจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่า 

"ถามว่ายังกลัวความรักครั้งนี้อยู่มั้ย ความกลัวน่าจะไม่มี แต่บางวันก็มีความประสาทเสียเกิดขึ้นมา (หัวเราะ) มันเอาแน่เอานอนไม่ได้สำหรับจิตใจมนุษย์ (หัวเราะ) ซิลก็พยายามมองโลกในแง่บวก แต่บางวันที่เราอ่อนแอมันก็มี วันที่คิดมากมันก็มี แต่เราก็ยังอยู่ข้างๆ กัน (ยิ้ม)"

ชีวิตดีขึ้นเพราะเลิกเหล้า

ก่อนจะบอกว่า มิ้น แฟนสาวรุ่นพี่นั้นทำให้ ซิลวี่ พยายามทำตัวให้ดีขึ้นในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ด้าน ซึ่งซิลวี่เล่าให้ฟังว่าตัวเองนั้นได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเลิกดื่มเหล้า

"นี่ซิลก็เลิกดื่มเหล้ามาเป็นปีแล้วค่ะ จะบอกว่าเขาคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราต้องเลิกดื่มแล้วแหละ และก็ให้เครดิตตัวเองที่ทำได้ขนาดนี้ด้วย เพราะซิลเปลี่ยนความคิด บอกตัวเองว่าเราต้องหยุดแล้ว อยากโตแล้ว

และเราคบกับคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่อยากเป็นภาระเขา (ยิ้ม) อยากทำให้มันดี อยากให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ดี แล้วพอทำได้ทุกอย่างในชีวิตมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ช่วงแรกที่เลิกยากมากค่ะ ช่วงแรกๆ รู้สึกอยากดื่ม เพราะซิลหักดิบเลย คือไม่ดื่มเลย แล้วก็เข้ารับการบำบัดสุราออนไลน์ แต่เข้ากับต่างชาตินะคะ ไม่เข้ากับของไทย เพราะวันแรกๆ รู้สึกว่าไม่อยากบอกใคร กลัวโดนจำได้ ก็เลยเข้ากับฝรั่ง

แต่ ณ วันนี้ซิลวี่กับพวกเครื่องดื่ม และอบายมุขทั้งหลายออกมาจากกันได้ไกลแล้ว ก็เลยกล้าที่จะออกมาพูด เพราะตอนแรกก็กลัวว่าจะทำไม่ได้ เลยไม่กล้าพูด รอให้ครบปีก่อน (หัวเราะ) แต่ ณ วันนี้ที่ออกมาพูดก็กลัวนะว่าจะกลับไปอีก แต่ก็พยายามไม่นึกถึงเรื่องนั้น

แต่ละวันที่ผ่านมันมาได้โดยไม่ยุ่งไม่ดื่ม รู้สึกสงสารตัวเองมาก ในวันแรกๆ นะคะ แล้วมีคำถามกับตัวเองตลอดว่าทำไมเราถึงกินไม่ได้ ในเรื่องของการเสพติดมันเป็นเรื่องที่แต่ละคนรู้สึกไม่เหมือนกัน จะอธิบายไปก็อาจจะไม่เข้าใจถ้าไม่เจอด้วยตัวเอง

ยอมรับว่าในวันแรกๆ มันยากมาก คนอยู่ข้างๆ ที่ซัพพอร์ตกัน วันที่เลิกยามาได้ก็เพราะแม่อยู่ข้างๆ ณ วันนี้เลิกเหล้าก็มีทั้งแม่และพี่มิ้นอยู่ข้างๆ และบวกกับตัวเราเองที่มีแรงใจหักห้ามตัวเองได้ พอมันทำได้ก็บอกว่าตัวเองว่าเก่งนะ

ในวันแรกๆ ที่เลิกดื่ม ไปนั่งร้านเหล้าดูเพื่อนดื่มแล้วรู้สึกอิจฉาเพื่อนมาก เป็นหนักขนาดนั้นเลย แต่ทุกวันนี้ไปเที่ยวค่ะ แต่กินน้ำเปล่า (ยิ้ม) แต่ก็ยอมรับว่าการเลิกแอลกอฮอล์มันเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกับตัวเอง คุยกับตัวเอง

ถ้าคุยได้มันก็ง่ายนิดเดียว ต้องหาเหตุผลเยอะๆ ว่าทำไมเราถึงอยากจะเลิก เลิกเพื่ออะไร สิ่งที่จะได้จากการเลิกเหล้าคืออะไร สิ่งที่ได้จากการกินเหล้าคืออะไร ข้อเสียต่างๆ คิดได้แป๊บเดียวใครๆ ก็ทำได้ และตอนนั้นซิลก็คุยกับตัวเองเยอะอยู่เหมือนกัน

ส่วนเรื่องการเงินก็ใช้เงินเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น และตอนนี้ก็ใช้เงินแต่กับของกิน (หัวเราะ) เมื่อก่อนอาจจะใช้ไปกับการเที่ยว การปาร์ตี้ พอไม่มีเรื่องนั้นก็ประหยัดขึ้น เงินเก็บก็มีมากขึ้น มีก็ดีนะ เป็นผลพลอยได้จากการเลิกเหล้า

ตอนนี้ก็เปย์ตัวเองด้วยการกิน การเที่ยวต่างจังหวัด เปย์คุณแม่ ให้เงินคุณแม่ ก็ผ่อนบ้าน และเปย์คุณพี่มิ้นบ้างบางคราว คือเรา 2 คนไม่ชอบให้อีกฝ่ายเปย์ เพราะเราเป็นผู้หญิงสายสตรอง ส่วนมากจะชอบหารกัน นานๆ ทีจะเลี้ยงกันที".

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya

ขอขอบคุณ แหล่งที่มา :  https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2705409