"เจฟ ซาเตอร์" ติดความสมบูรณ์แบบ 100% พร้อมเล่าเรื่องรักที่เคยเจอทุกรูปแบบ (มีคลิป)

"เจฟ วรกมล ซาเตอร์" หรือ "เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) ศิลปินและนักแสดงซีรีส์ดัง เปิดใจเล่าจุดเริ่มต้นของในฐานะศิลปิน
ที่ยังไม่มีชื่อเสียง ต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะมีอย่างวันนี้ได้ เล่าถึงสาเหตุลาออกจากค่าย Be On Cloud และความเหนื่อยล้า
ที่จะต้องทำในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น พร้อมเผยความรักครั้งแรกแบบสไตล์สายเปย์ และความสัมพันธ์ที่ทำให้เจ็บปวดที่สุด ในราย
การ “WOODY FM”
"เจฟ ซาเตอร์" ติดความสมบูรณ์แบบ 100% พร้อมเล่าเรื่องรักที่เคยเจอทุกรูปแบบ
คิดว่าทำไมถึงใช้เวลานานพอสมควร กว่าคำว่าสำเร็จมันจะเกิดขึ้น คุณใช้เวลาเกือบ 10 มองย้อนกลับไปคุณคิดว่าอะไร
คือสิ่งที่คุณได้ ?
เจฟ : ผมคิดเสมอเลยนะว่าทางเลือกทุกทางมันถูกต้อง ไม่คิดว่าทางเลือกไหนมันผิด ไม่เคยคิดว่าต้องย้อนเวลาแล้วกลับไปแก้ไข
รู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกจัดวางมาอย่างเหมาะสมที่สุด อยู่ในจุดที่เหมาะสมที่สุด เป็นเวลาที่ผมพร้อมที่สุดด้วยในเชิง การทำเพลงการ
ร้องเพลง ข้างในที่มันมั่นคงมาก ๆ มันไม่ได้สั่นไหวไปกับอะไรเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างทำให้เราได้เรียนรู้มาจากตรงนั้นตรงนี่รวมกัน
เป็น เจฟ ซาเตอร์ ที่พร้อมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าเรื่องเพลงหรือเรื่องทัศนคติ เพราะเมื่อก่อนผมไม่ได้ทำเพลงเอง กลายเป็นว่าเราอยาก
จะโชว์ว่าเราทำเพลงแบบไหนได้ ทำด้วยตัวเอง ร้องด้วยตัวเอง เขียนเนื้อด้วยตัวเอง
ขอบคุณคลิปจาก WOODY FM
รู้สึกไหมว่าตอนนี้ว่าตัวตนการพูดจา การแต่งตัว ความคิดเห็นมันคือเรา 100 % ?
เจฟ : ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็ใกล้เคียง 100% มาก ๆ เพราะว่าผมเหนื่อยกับการที่จะต้องทำในสิ่งที่คนอื่นอยากจะให้ทำแล้วมันถึง
จุด ๆ หนึ่งแล้ว เพราะรู้สึกว่าผมแก่ตัวแล้ว 27 ปี มันไม่มีเวลาไปเสียให้กับการที่เราจะต้องเป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น เพราะว่า
ชีวิตมันสั้นมาก สมมุติว่าวันหนึ่งผมคุยกับพี่วู้ดดี้แล้วผมไปแล้วด้วยอุบัติเหตุหรืออะไรก็แล้วแต่ รู้สึกว่าถ้าผมใช้โมเมนต์กับพี่วู้ดดี้ไม่
คุ้มในตอนนี้มันจะเป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุด เพราะฉะนั้นในทุกโมเมนต์ที่เข้ามาผมจะใช้ให้มันคุ้มค่าที่สุด เมื่อก่อนผมจะใช้ชีวิตที่แบบ
ไม่อยากทำให้ใครผิดหวัง อยากให้คนอื่นภูมิใจเสมอ มันกลายเป็นความสุขของผมคือจะไปอยู่ที่คนอื่นว่าเขาโอเคไหม
เหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจาก Be On Cloud ?
เจฟ : จริง ๆ ผมคุยกับพี่ปอนด์ Be On Cloud ตั้งนานแล้ว ว่าผมอยากลองทำ ในด้านของเพลงให้มันไปสุด ถามว่ามันคือการออก
ไปเลยไหม มันก็ไม่ใช่คือผมก็ยังทำงานกับทุกคนเหมือนเดิม แต่มันแค่รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป ถามว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไรถ้า
วันนี้ตายไปผมคงจะเสียใจถ้าสมมุติว่าผมไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่อยากจะทำลงไป รู้สึกว่าอยากลองดูสิ่งนี้ด้วยความเป็นตัวผมเองแบบสุด ๆ เลย ด้วยความเป็น Studio On Saturn ที่เราทำเอง พี่ปอนด์เป็นคนที่สอนอะไรผมหลาย ๆ อย่าง เขาส่งเสริมเรา
และให้คำแนะนำเรา อยากขอบคุณเขาเหมือนกัน เป็นคน ๆ หนึ่งที่มีบุญคุณที่สุดในชีวิตผม การที่เขาให้ผมออกมาตามความฝัน
ทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมอยากลองทำด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต
เป็น Perfectionist ไหมครับ ?
เจฟ : สุด ๆ เลยครับ ในด้านของการทำงานครับผม คือถ้างานชิ้นนี้มันไม่ออกมาแบบที่ผมอยากได้ 100% ก็จะไม่ปล่อย กลายเป็น
ว่าเราเสียเวลาไปกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นิดเดียว ใช้เวลาทั้งวันเลย ทุกอย่างผมต้องเป็นคน Approve ด้วย ก่อนที่จะออกไปเพราะว่าไม่งั้นผมจะรู้สึกว่าไม่ได้มันต้องมีตัวผมอยู่ในนั้น เมื่อมันเป็นงานของเรา เป็นหน้าเราออกไป มันต้องมีความเป็นตัวเราอยู่ในนั้น ผม
ขอใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปและมันควรจะต้องเป็นแบบนี้
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้เคยมีความรักไหม ความสัมพันธ์ของคุณเป็นแบบไหน ?
เจฟ : เคยครับ มีทุกแบบเลยนะ อย่างเช่นรักครั้งแรก ก็จะมีความพยายามในการมีความรักที่แบบไม่อยากให้เขาหลุดลอยไป ขนาด
ที่ว่าผมได้เงินมาอาทิตย์หนึ่งต้องบริหารเงินด้วยตัวเอง แต่ว่าเงินนี้จะต้องไปเปย์แฟน ปกติผมจะกลับแท็กซี่ทุกวันแต่ค่าแท็กซี่ค่อน
ข้างจะแพง ผมเลือกที่จะนั่งรถสองแถวไปที่หน้ามหาวิทยาลัย นั่งรถตู้ต่อไปที่หน้าบ้านและนั่งวินเข้าไปบ้าน เพื่อที่จะเก็บเงินตรงนั้น
เอามาใช้กับเขา ไม่บอกแม่ด้วยเดี๋ยวแม่ด่า (หัวเราะ) เราไม่อยากไปรบกวนคุณแม่ด้วย

อันนี้เป็นแบบรักครั้งแรก แล้วมีแบบอื่นด้วยไหม ?
เจฟ : มีความรักที่เรารู้สึกว่าเป็นรักข้างเดียว เพลงผมก็จะเขียนมาจากชีวิตผม ชื่อว่า วันนี้คือพรุ่งนี้ของเมื่อวาน มาจากประสบการณ์
ที่เรารักคน ๆ หนึ่ง แอบรักเขาแล้วเราไม่กล้าบอกเขาจนผ่านไป 2-3 ปียังไม่ได้บอกเลยก็เลยกลายเป็นเพลงนี้
ทำไมถึงรอ 2 ปี ?
เจฟ : เพราะเรายังไม่พร้อมที่จะรับความผิดหวัง เพราะผมรู้ว่ามันน่าจะไม่สมหวัง สุดท้ายแล้วก็ผิดหวังจริง ๆ (หัวเราะ)
แล้วมีแล้วความสัมพันธ์ระยะยาว (Long Term) บ้างไหม ?
เจฟ : มีครับ แล้วก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดี สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เพลงส่วนใหญ่ผมก็แต่งจากประสบการณ์แต่เพลงรัก
จะน้อยหน่อยเพลงเศร้าจะเยอะ เพราะจริง ๆ แล้วความเจ็บปวดมันอยู่นานกว่าความสุข ภาพมันชัดกว่า
เรื่องไหนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดที่สุด ?
เจฟ : ผมว่าการที่เราจากลาเขาไป โดยที่เราไม่ได้มีการร่ำลากัน การที่เรายังต้องเผชิญกับที่ ๆ เขาเคยอยู่ ผมว่ามันเจ็บปวดมาก ๆ
นะในวันที่เรายังไม่พร้อมที่จะไป
พี่ประทับใจความน่ารักของ บาร์โค้ด มาก ๆ และเขาเด็กมาก ?
เจฟ : ผมเห็นแล้วครับพี่วู้ดดี้ (หัวเราะ) ผมเห็นตัวเองในตัวน้องมาก ๆ เลย แพชชั่นในตอนที่อายุ 17-18 แต่เขาเก่งกว่าผมใน
อายุ 18 เขาพร้อมกว่าผมในอายุ 18 ไม่ว่าจะเรื่องเต้น เรื่องร้อง ออร่าเขามันพร้อมแล้วที่จะเป็นศิลปิน เพราะฉะนั้นผมเป็นทั้งเพื่อน
เป็นทั้งพี่ที่ให้คำแนะนำเขาว่าผมเจออะไรเพื่อให้เขาหลีกเลี่ยงการไปเจอกับชะตากรรมที่เราเคยเจอมา ความสัมพันธ์มันเหมือนเป็น
เซฟโซนที่ดีมาก เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์มาก ๆ (หัวเราะ) พออยู่ด้วยกันมากๆเข้า ผมก็รักเขาในฐานะที่เขาเป็นน้องคนหนึ่งที่เรา
อยากให้เขาเติบโตไปเป็นศิลปินที่ดี เป็นคนที่ดี เราพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ความฝันที่ใหญ่ที่สุดของคุณในตอนนี้คือ ?
เจฟ : กำลังจะเป็นก้าวต่อไปถึงความฝันแล้ว จริง ๆ ผมเคยตอบคำถามเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วว่าอยากร้องเพลงหน้าทำเนียบขาว (หัวเราะ) อยากไปในทุกที่ทั่วโลก เพราะฉะนั้นความฝันสูงสุดคือการไปเวิลด์ทัวร์
สามารถติดตาม "WOODY FM" ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM, Facebook : WOODY, Youtube : WOODY ทุกวันพุธ
เวลา 19.00 น.



ขอขอบคุณ แหล่งที่มา : https://entertainment.trueid.net/detail/wp5Z34J1GOYl
บันเทิง










.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)




ความคิดเห็น