11 ปีที่รอคอย! วู้ดดี้ ปลื้มใจสื่อจากอังกฤษเผยข่าวไทยรับรองสมรสเท่าเทียม
ชัยชนะของการสมรสเท่าเทียม! ซึ่งเดือนมกราคมนี้ในประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในเอเชียที่ยอมรับความเท่าเทียมทางเพศ เป็นประเทศแรกในอาเซียน และประเทศที่ 2 ในเอเชียที่ผ่านร่างกฎหมายสมรสของเพศเดียวกัน ทำให้ทั่วโลกต่างจับตามอง และสื่อยักษ์ใหญ่จากประเทศอังกฤษอย่าง The Sunday Times ก็เช่นกัน
โดยวันที่ 12 ม.ค. 2025 หนังสือพิมพ์ The Sunday Times ได้เผยข่าวใหญ่ว่า วู้ดดี้ วุฒิธร เตรียมจูงมือคู่ชีวิตเข้าสู่พิธีวิวาห์อย่างเป็นทางการ หลังไทยเตรียมประกาศกฎหมายสมรสเท่าเทียม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังของไทยและคู่ชีวิต โอ๊ต อัครพล ได้จัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ บนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะภูเก็ต โดยเชิญเฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญ
ซึ่งวู้ดดี้เป็นหนึ่งในพิธีกรที่มีชื่อเสียงที่สุดของไทย เป็นที่รู้จักจากการสัมภาษณ์บุคคลระดับโลกมากมาย หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมานาน 8 ปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานเพื่อเฉลิมฉลองความรักของพวกเขา อย่างไรก็ตามงานแต่งครั้งนั้นถูกจัดขึ้นเป็นการส่วนตัว เนื่องจากยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
จากนั้น 11 ปีต่อมา วู้ดดี้และโอ๊ตกำลังเตรียมตัวจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ เนื่องจากในวันที่ 23 มกราคม 2025 ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่สองในเอเชียต่อจากไต้หวัน ที่ให้การรับรองกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ
ด้าน วู้ดดี้ วุฒิธร ได้เผยความในใจผ่านทางอินสตาแกรม @woodytalk ว่า "กฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้วครับ! วด. ได้อ่านหนังสือพิมพ์ The Times จากอังกฤษ ซึ่งเป็นสื่อระดับโลก เขาหยิบยกเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยขึ้นมา พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวของวู้ดดี้และโอ๊ต นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ วด. รู้สึกปลื้มใจและภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยครับ
กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ 11 ปีก่อนเราสองคนต้องจัดงานแต่งงานกันแบบหลบซ่อน แต่ 23 มกราคมนี้ กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
ซึ่ง วด. อยากบอกว่ากฎหมายนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเรา แต่มันคือชัยชนะของความเท่าเทียมของทุกคน วด. ดีใจมากที่พี่น้องชาวไทยได้รับสิทธิ์นี้ และหวังว่าการที่ The Times นำเสนอเรื่องนี้ไปสู่สายตาชาวโลก จะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายประเทศที่ยังรอคอยความเปลี่ยนแปลง ได้เห็นตัวอย่าง และเดินหน้าสู่ความเท่าเทียมไปพร้อมกับเราครับ"
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath
ความคิดเห็น