เบิ้ล ปทุมราช แจงปมเปิดบิล ดิไอคอน รับรู้จักบอสพอล ไม่คิดเอาเงินคืน
เบิ้ล ปทุมราช แจงปมเปิดบิล ดิไอคอน รับรู้จักบอสพอล ไม่คิดเอาเงินคืน เผยถูกเพจดังแฉ เจอคอมเมนต์กระทบจิตใจ แช่งให้โดนดำเนินคดี
เป็นอีกหนึ่งผู้เสียหายจากการไปลงทุนเปิดบิลและเรียนออนไลน์กับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป สำหรับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เบิ้ล ปทุมราช ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงว่ามีการเปิดบิลจริง แต่ไม่ได้ขายของต่อ เพราะต้องทำธุรกิจของตัวเอง และยอมรับว่าเคยล่องเรือกับซีอีโอดิไอคอนกรุ๊ปจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
ล่าสุด เบิ้ล ปทุมราช มาร่วมงาน Central Danim Fest “bearbeary” ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ พร้อมอัปเดตเรื่องหัวใจ
ช่วงนี้พีเคในติ๊กต็อกบ่อย เป็นยังไงบ้าง?
“สมัยก่อนผมเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องการพีเค เล่นติ๊กต็อกหรือไลฟ์สด ส่วนใหญ่จะไลฟ์เล่นๆ แล้วลง อย่างที่ผ่านมาเราเคยได้ยิน อย่างแน็ก ชาลีไลฟ์ เราก็ยังไม่ได้เข้ามาเลย มันมีช่วงนึงที่น้ำท่วม ก็ได้มีโอกาสไปรวบรวมสิ่งของที่แฟนๆ บริจาค และมีโอกาสได้รู้จักกับน้องๆ ที่เป็นคนเกาหลีเขามาที่ไทย รู้จักกับพี่ก้อง ห้วยไร่ ก็มีโอกาสมารวมตัวกันแล้วก็ไลฟ์พีเคกันเล่นๆ”
“รู้สึกว่ามีความสุขมันได้รอยยิ้มมันได้แลกเปลี่ยนพฤติกรรมกับน้องๆ ที่อยู่ในติ๊กต็อก คราวนี้มันเป็นการไลฟ์ๆ หยุดๆ เพราะว่าเรามีคอนเสิร์ตด้วย ไม่สามารถแบ่งเวลาได้ มันมีข้อความที่ส่งมาในติ๊กต็อกในทางเฟซบุ๊กประมาณเกือบร้อยสองร้อยข้อความ เขาบอกว่า การดูไลฟ์ของเบิ้ลในช่วงนั้น มันทำให้เขาหายเป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงขั้นคิดอยากจะฆ่าตัวตาย แล้วพอได้ดู เห็นรอยยิ้ม”
“ผมว่ามันอาจจะไม่ทำให้เขารู้สึกว่าหายขาดในโรคของพวกเขา แต่มันเติมเต็มและลดลงมาบ้าง แล้วก็มีเอฟซีบางกลุ่มเขาตามมาทีหลังเวที เขาบอกว่าขอบคุณนะครับพี่ที่อวยพรให้ลูกผมในไลฟ์ติ๊กต๊อก ขอบคุณที่ทำให้ลูกผมกลับมายิ้ม ก็ฮีลใจดีนะ คือผมไม่ได้หวังว่าไลฟ์แล้วต้องได้ตังค์เยอะ”
เราคิดไหมว่าการเป็นตัวเองของเราจะสร้างอิมแพ็กมากขนาดนี้?
“ผมว่ามันก็มีความเสี่ยงบางอย่างของการเป็นตัวเอง ด้วยไลฟ์สด ถ้ามันมีคำที่หยาบหรือคำที่ตลก ผมรู้สึกว่ามันก็จะตลกกึ่งบูลลี่ บางทีคนไทยตัดในช่วงที่ดราม่าไปลงก็จะกลายเป็นบูลลี่ ก็รู้สึกกังวล”
เรามีการสกรีนบ้าง?
“ก็สกรีนครับ สกรีนตัวเอง ผมจะไม่พูดว่าโอเคกับแค่คนที่เขาอยากดูเรา ในเมื่อเรามาเล่นติ๊กต็อกแล้วโซเชียลมันกว้าง เราจะพูดแบบนี้ไม่ได้ เราต้องทำให้เขารู้สึกว่า เขาต้องดูและได้อะไรจากเราและเราให้อะไรกับเขาได้บ้าง ถ้ามันเป็นผลประโยชน์ต่อสังคม และเขาให้เด็กดูแล้วเขารู้สึกมีความสุข เราก็ต้องลดคำหยาบลงมาบ้าง ลดคำที่อันตราย รุนแรงในติ๊กต็อก”
เราชื่นใจไหมมีแฟนทั้งที่ไทยและฐานต่างประเทศ?
“ดีใจครับ ผมแปลกใจมาก สมัยก่อนอินสตาแกรม หรือติ๊กต็อกต่างๆ ผมจะไม่ค่อยมีเอฟซีที่เป็นชาวต่างชาติ ด้วยความที่ผมเองก็เป็นนักร้องอีสาน เราไม่รู้ว่าพื้นฐานนักร้องอีสาน จะไปหาเอฟซีต่างชาติมาจากไหน แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นช่วงที่ผมเล่นซีรีส์ด้วย แล้วก็เล่นติ๊กต็อก พีเคทั้งฝรั่ง เกาหลี และจีน เลยกลายเป็นว่าเขาก็มาดู”
ช่วงนี้จะไปตามแบบโซนเกาหลีบ้างไหม?
“ที่จริงผมหน้าตาเกาหลีมานานแล้วนะ ทุกคนแค่คิดว่าผมหน้าตาเกาหลีแค่ช่วงมีเพื่อนเกาหลี ผมอยากบอกว่าหน้าตาพ่อแม่ให้มา 30 อีก 70 คือคลินิกให้มาเป็นเกาหลีประมาณ 2-3 ปี ช่วงโกอินเตอร์”
ตีตลาดเกาหลี?
“ช่วงนี้ตีตลาดเลียบด่วนก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งคิดไกลเลย”
เรื่องดิไอคอนก่อนหน้านี้?
“เบิ้ลรู้จักเจ้าของจริงครับ ผมเคยไปร่วมงานในช่วงที่ผมมีโอกาสเปิดบิล จริงๆ ผมเป็นกลางนะ เป็นกลางในที่นี้หมายถึงไม่ได้เข้าข้างทั้งผู้ใหญ่หรือทุกคนที่กำลังมีข่าวมากๆ จริงๆ เบิ้ลก็เป็นคนที่ว่าโพสต์อะไรลงไปแล้วมันอันตรายมากๆ ด้วยความที่ภาษาในการพิมพ์ เราไม่ได้เรียนกฎหมาย ไม่ได้เรียนความถูกต้องของภาษาเขียน เพราะฉะนั้นผมเลยบอกผู้ใหญ่ว่าไม่เป็นไรครับ ผมสามารถให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ได้ และสามารถพูดความจริงทุกอย่างได้”
เรามีการลงบันทึกประจำวันไหม?
“ไม่ได้ลงเลย ผมรู้สึกว่าไม่ต้องการคืน และไม่อยากสร้างกระแส หรือไปปั่นอะไรตรงนั้น”
ย้อนกลับไปตรงนั้นถูกชักชวนได้ยังไง?
“มันเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยดีกว่า แต่จริงๆ พี่เขาก็มีความหวังดี ถ้ามันขายได้ มันได้กำไร ถ้ามันดี เราก็รู้สึกว่ามันอาจจะไม่มีข่าวแบบนี้ เพราะเราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง”
ตกใจไหม?
“ตกใจครับ เพราะพรรคพวก พี่ๆ ทุกคนก็เป็นคนที่ผมรู้จักมา เพราะโดยส่วนตัวพี่ๆ ทุกคนนิสัยดี”
ยืนยันไหมว่าเปิดบิลไปแล้วไม่ได้ขายอะไรต่อ?
“จริงๆ ของพี่ๆ เขาดีมากๆ อร่อยด้วย แต่ว่าไม่ได้ขาย ปัจจุบันเอาเก็บไว้ที่บ้าน”
ตอนนั้นเปิดบิล 250,000 บาท?
“ใช่ครับ ราคาปกติ”
ทำไมเรารู้สึกว่าไม่อยากได้ความยุติธรรมคืน?
“ค่าเสียหายตอนนี้ผมรู้สึกว่า มีคนที่ลำบากกว่าผมที่อยากได้ตรงนั้นเยอะมาก เรายังสามารถไปหาจากคอนเสิร์ตจากงานต่างๆ ได้ แต่ถ้าเราอยากจะไปฟ้องร้องไปโพสต์อะไรต่อ ดำเนินคดีนู่นนี่นั่น ผมว่ามันเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนมากกว่า ให้มันมีข่าวปั่นเราเกิดขึ้นอีกรอบ”
ที่มีการแฉของเพจๆ นึง?
“ผมก็ปรึกษาทุกคนปรึกษาพี่ๆ น้องๆ ที่เป็นทนาย หรือว่าตำรวจก็ปรึกษา เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเบิ้ลเงียบๆ ไว้ดีกว่า บางทีภาษาพิมพ์เราอาจจะไม่ได้ถูกต้องทุกอย่าง บางทีอาจจะมีคอมเมนต์ที่มากระแทกผมอยู่แล้ว ที่เรียกว่าการสาปแช่งทางอ้อมอาจจะมาคอมเมนต์ เดี๋ยวก็โดนแน่ๆ”
“มันก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งเราไปเป็นข่าว ทำให้เราไปอ่านคอมเมนต์ที่มันกระทบจิตใจ ผมว่าเราเงียบๆ ดีกว่า ถ้าวันหนึ่งมันถูกดำเนินคดีในทางที่มันผิดจริงๆ เราพร้อมอยู่แล้ว แต่เราไม่มีอะไรตรงนั้น”
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้?
“ถ้ามองในโลกของความยุติธรรมของคนทั่วไปกับคนที่เขาลงทุนเขาก็อยากร่ำอยากรวย ส่วนผู้บริหารที่เขาทำตรงนั้นมา เขาก็หวังว่าเขาต้องทำให้ธุรกิจมันเติบโตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมว่าเราต้องวิเคราะห์มากขึ้นทั้งผู้ทำธุรกิจและผู้ที่ลงทุน จริงๆ ผมน่ะเป็นกลางนะในฐานะที่เราก็เป็นนักธุรกิจ ผมก็ทำหนัง ทำอะไรต่างๆ ผมก็มองว่าใจเขาใจเรา แต่สุดท้ายอยู่ที่ความถูกต้องวิเคราะห์และมีสมาธิในการลงทุน เงินแต่ละบาท เพราะยุคสมัยนี้เงินมันหายากมากๆ”
ในการรับงานเราสแกนยังไง?
“ถ้าใครเป็นเอฟซีผม จะรู้ว่าผมจะไม่ค่อยรับงานรีวิว จริงๆ ถ้าเห็นเบิ้ลในงานจะมีแค่พรีเซ็นเตอร์ ส่วนใหญ่จะไม่รับรีวิวหรือไปรับจ๊อบไลฟ์สดทั่วไปอยู่แล้ว”
ล่าสุดไปหาธัญญ่า อาร์สยาม ไปเลี้ยงหลานเป็นยังไงบ้าง”?
“ก็ดีใจนะครับที่ผู้คนรอบข้างเขาเติบโตขึ้น อย่างธัญญ่า เหมือนเราเพิ่งออกงานคู่กันเมื่อวาน แล้วอยู่ดีๆ วันนี้มีลูกแล้ว มันก็ดูว้าว แต่มันอาจจะไม่ได้ตกใจอะไรมาก เพราะโดยส่วนตัวก็เลี้ยงหลานอยู่แล้วด้วย”
เขาบอกว่าไม่มีความเป็นคุณพ่อเลย รู้สึกยังไง?
“ดูอุ้มลูกเขา แล้วกลัวคอหัก (หัวเราะ) จนอาโล่ (สามีธัญญ่า) ต้องเอาหมอนมาให้ จริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยอุ้มเท่าไหร่ อย่างที่บ้าน ของหลานก็จะเป็นฝ่ายแม่เขาเลี้ยง แล้วเราไปหยอกมากกว่า”
พอได้เลี้ยงหลาน มองภาพตัวเองเป็นคุณพ่อบ้างไหม?
“ถ้าเป็นแต่ก่อนอาจจะคิด แต่ว่าพอโสดแล้วยังไม่มีแพลน เพราะที่ผ่านมาเหมือนเอาอนาคตมาใช้หมดแล้ว (หัวเราะ)”
โสดไหมตอนนี้?
“โสดสนิท”
กับซออาล่ะ?
“ซออาเป็นพรรคพวกที่น่ารัก ผมเชื่อว่าเวลาที่คนเห็นคู่จิ้น หรือการที่อยู่ด้วยกันแล้วเป็นโลกที่อบอุ่น มันน่ารัก ด้วยความที่เบิ้ลเองไม่เคยผ่านการที่อยู่กับกระแสคู่จิ้น หรือด้อมจิ้นอะไรมาก ผมก็จะพยายามประคอง พยายามบอก แต่เราก็นัดกินข้าวกัน เจอกันได้ปกติให้ทุกคนมีความฟิน”
กับนุ่น สุทธิภาล่ะ?
“กับนุ่นผมไม่เคยเจอหน้าเขาเลย ไม่เคยเจอตัวจริงเลย แต่เขาน่ารัก มีการไดเร็กต์ไอจีไปเล่นกับเขาอยู่ ที่จริงเขามีความห้าวและเท่ ผมรู้สึกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนกัน และเราก็ไม่ชอบเวลาที่คนไปคอมเมนต์ฝั่งเขาประมาณว่าเบิ้ลรู้เรื่องยัง เบิ้ลไม่ชอบหรอก ผมรู้สึกว่ามันไม่น่ารัก”
“จริงๆ นุ่นเขาอาจจะไม่พูด แต่ในรายการนิกกี้ ณฉัตร ปั่นหรือเปล่า แล้วก็ทักไปหา ไปกวนกัน สุดท้ายผมคิดว่าน่าจะสนิทสนมนะในเรื่องของโซเชียล แต่ตัวจริงยังไม่เคยเจอ”
เป็นเพื่อนก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปเป็นอย่างอื่นไหม?
“ยังไม่ได้แพลนการพัฒนา หยุดจับคู่”
ยังหวงความเป็นความโสดอยู่หรือเปล่า ทำให้ยังไม่เปิดใจ?
“ยังไม่ใช้คำว่าหวงการเป็นความโสดขนาดนั้น เพียงแต่ว่าตัวเองอยากใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ยังไม่อยากมีเจ้าของ ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าแปปนึงมีแฟนแล้วเลิก”
แผลใจยังไม่หายดี?
“แผลใจมันก็หาย แต่ถามว่ามันจะสนิทขนาดปุ๊บปั๊บแล้วลืมเลย มันไม่มีหรอก เป็นแฟนกันมาหลายปีก็มีความรู้สึกบ้าง”
ให้เวลาตัวเองนานไหมกับความโสดนี้?
“อยู่ที่จังหวะชีวิตครับ อยู่ที่การประสบพบเจอแล้วมันรู้สึกโอเค น่าจะใช่แล้ว แต่ ณ ตอนนี้คิดว่าให้นานอยู่ เพราะยังต้องเป็นหัวเรือของทีมงานนักดนตรี ผมก็บอกทีมงานผมตลอดว่าอยากเป็นหัวเรือ อยากเป็นหัวหน้าครอบครัว อยากพาทำธุรกิจ อยากเห็นทุกคนมีรายได้ตั้งตัว”
“อย่างเราไม่ได้ทำงาน เราก็รู้สึกว่าพอมีตังค์ที่จะอยู่ได้ แต่กับทีมงาน ครอบครัว พี่น้องที่เรากำลังสอนทำธุรกิจ สอนทำเรื่องราวที่มันสามารถสร้างรายได้ อยากเห็นเขาอยู่รอดด้วยตัวเองได้ แล้ววันหนึ่งเราจะมีเวลาพักมากขึ้น ไปเที่ยวที่ๆ อยากไป แต่ตอนนี้ยังอยากจะทำงานอยากพาทุกคนเดินทางสู่ความสำเร็จอยู่”
ถ้ามีความรักอีกทีคือคิดแต่งงานมีลูกไหม?
“ณ ตอนนี้คิดว่าไม่มีอะไรแน่นอนเลยสำหรับผม เพราะด้วยโลกที่มันเปลี่ยนไปหลายอย่างรู้สึกว่าการแต่งงานยังสำคัญกับผมเหมือนเดิม เพราะมันเป็นหน้าเป็นตา เป็นเรื่องของประเพณี แต่ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราเจอคนที่คลิกแล้วอยู่ด้วยกันได้ยาวๆ ยังไม่ได้นึกภาพการแต่งงานหรือมีลูกเลย ผมก็อยากจะเรียนรู้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ใช้ชีวิตเป็นสองตายายแก่ก็ได้”
ญาติผู้ใหญ่ไม่ได้เร่งใช่ไหม?
“ยังครับ จริงๆ คุณพ่อก็อยากจะอุ้มหลาน ก็มีเปรยๆ เล่นๆ ขำๆ แต่น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod
ความคิดเห็น