ดารารุ่นใหญ่ วิทย์ ภูธฤทธิ์ ศัลยกรรมครั้งแรก จริงมั้ยเห็นหน้าใหม่แล้วถูกปลดจากละคร ทำผู้จัดหนักใจ

ดารารุ่นใหญ่ วิทย์ ภูธฤทธิ์ ตัดสินใจพึ่งหมอ ลงมีดศัลยกรรมครั้งแรก จริงมั้ยเห็นหน้าใหม่แล้วถูกปลดจากละคร ทำผู้จัดหนักใจ

เป็นอีกหนึ่งคนที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมเป็นครั้งแรก ในวัย 54 ปี สำหรับนักแสดงหนุ่มใหญ่เจ้าบทบาท วิทย์ ภูธฤทธิ์ กับภาพจำของแฟนๆ ในคาแร็กเตอร์บทบาท “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” ที่ตัดสินใจเข้าพึ่งหมอศัลยกรรม หลังตัดสินใจอยู่นาน

ล่าสุด วิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล พร้อมด้วย คุณปิ่น พิศพรรณ ศรีไชยยันต์ ผู้บริหารโรงพยาบาลเลอลักษณ์ เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงสาเหตุที่มาทำศัลยกรรม

วิทย์ : “หน้าใหม่ก็แฮปปี้มาก ขอบคุณที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับผม หลังจากที่ดูหน้าตัวเองมานานพอสมควร ถามว่าคิดนานไหมก็คิดมานานเหมือนกัน ว่าเอายังไงดี

พอได้ปรึกษาแล้วก็เอาวะ ตั้งแต่แรกไม่เคยมีความคิดที่จะทำศัลยกรรมเลย มันเหมือนอาจจะยังไม่ถึงเวลา ไม่ว่าจะโบท็อกซ์หรืออะไรไม่เคยทำเลย มีแต่ทาครีม.

แต่พอดูหน้าตัวเองนานๆ เข้า มันก็มีริ้วรอย ก็บ่งบอกถึงวัยที่เริ่มหย่อนยาน คือตอนแรกที่บอกว่าไม่อยากทำศัลยกรรม เพราะมันไม่เคยอยู่ในหัวเรา เราเป็นผู้ชาย และไม่คิดว่ามันจะต้องทำอะไร

แต่ว่าตาของเราที่มันมีถุงไขมันใต้ตา มันก็ทำให้เวลาถ่ายรูปหรือออกมาหน้าจอ มันดูมีอายุ ซึ่งพอเราไปดูเพื่อนๆ หลายๆ คนในวันเดียว เขาดูดีกว่าเราเยอะ มันก็เลยเริ่มมีความคิดนิดหนึ่ง

ว่าถ้าเราทำมันจะดีขึ้นไหม สุดท้ายก็มาเจอพี่ปิ่น ก็พูดคุยกันกับสักพัก ทำให้เรารู้สึกว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ก็เลยลองทำดู เสร็จแล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้”

ปิ่น : “เราปรึกษาเฉพาะปัญหาที่มีจริงๆ คือเขายังดูดีอยู่ ก็จะมีปัญหาแค่ตาล่างกับตาบน ที่หนังตามันตกและไม่เท่ากัน แล้วคิ้วกับชั้นตาก็ใกล้กัน

ก็เลยให้คุณหมอตัดถุงไขมันใต้ตาและยกคิ้ว เพื่อให้พื้นที่คิ้วกับชั้นตามันมีระยะห่างกัน จะได้มีความสดใสมากขึ้น ชั้นตาก็จะกลับมาด้วย โดยไม่ต้องกรีดหนังตาบน และไม่ได้มีการดึงหน้า

เราแค่ปรับปรุงในส่วนที่ร่วงโรย แค่ฟื้นฟูขึ้นไปเฉยๆ ก็ใช้เวลาสำหรับตาก็ 3 ชั่วโมงแล้ว รวมทุกสเต็ป ก็ทำประมาณ 6 ชั่วโมง เพราะทำหลายพาร์ตอยู่ คุณหมอละเอียดมาก”

ก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมกังวลเรื่องอะไรบ้าง?
“เรากังวลว่าจะทำที่ไหน ทำกับใครมากกว่า เพราะเดี๋ยวนี้มันมีเยอะ ไม่รู้จะทำที่ไหน ก็มีถามน้องๆ หลายคนในวงการ ก็บอกให้มาคุยกันพี่ปิ่นดู ก็มาคุย

และคุณหมอที่นี่เขาก็แนะนำว่าควรแก้ไขในสิ่งที่เราอยากแก้ไข ในส่วนของตาก็แนะว่าทำแล้วจะเป็นอย่างนี้ๆ เลยตัดสินใจทำ (กลัวการผ่าตัดไหม?) ก็ไม่ได้กลัวมาก

เพราะเคยมีประสบการณ์ตรงนั้น เคยไปส่องกล้องดูลำไส้ มันไม่รู้สึกอะไร ตื่นมาก็จบ พอมาทำตรงนี้เข้าไปก็หลับ ตื่นมาก็จบ ไม่รู้สึกอะไรเลย”

ทำนานหรือยัง?
“ตอนนี้ก็ทำมาครบ 1 เดือนแล้ว อันดับแรกคือริ้วรอยและถุงใต้ตามันหายไปหมดเลย ตาก็มีชั้นขึ้น จากที่เมื่อก่อนมันตกไปข้างหนึ่ง ก็แฮปปี้ครับ แต่มันน่าจะโอเคมากกว่านี้ตอนเข้าที่อีก 4-5 เดือน”

หน้าหวานขึ้นมาก จะมีผลกับการรับงานละครไหม?
“จากเข้มๆ ดุๆ ตอนนี้มันหวานใช่ไหม (หัวเราะ) ก็คิดว่ามันคงต้องเปลี่ยน ผู้จัดก็คงต้องเปลี่ยนให้เราไปเล่นเป็นพระเอกแทน (หัวเราะ) (จริงไหมที่ผู้จัดเห็นหน้าใหม่แล้วยกเลิกบท?) มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะหนวดยังมีอยู่ แต่ถ้าโกนหนวดก็ไม่แน่ (หัวเราะ)

กลัวคนจำคาแร็กเตอร์ไม่ได้มั้ย?
“เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนมาก แค่ตามันชัดขึ้น แต่พอผ่านไปสัก 4-5 เดือน มันจะชินตาไปเอง ละครเก่าๆ ก็ถ่ายจบไปหมดแล้ว ถ้าจะเริ่มใหม่ก็เริ่มด้วยหน้านี้เลย

ไม่ได้กังวลอะไรเลยครับ เพราะคาแร็กเตอร์มาจากอินเนอร์ข้างใน (ไม่ใช่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์แล้ว?) ต้องเป็นพี่โสมแล้ว (หัวเราะ)”

คิดจะทำส่วนไหนเพิ่มอีกไหม?
“พี่ปิ่นบอกว่าอย่าเพิ่งเลยเอาแค่นี้ก่อน คุณหมอก็บอกว่าเอาปัญหาที่อยากจะแก้ก่อน ในอนาคตค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะมันยังไม่มีร่องลึก(ชี้ร่องแก้ม)อะไรมาก แต่อีก 4-5 ปีข้างหน้าก็ไม่แน่ ความคิดมันอาจจะเปลี่ยนไป หรืออาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ (หัวเราะ)”

กังวลไหมว่าคนจะวิจารณ์หน้าเก่าดีกว่าหน้าใหม่?
“หน้าเก่าหน่ะดี แต่หน้าใหม่ดีกว่า (หัวเราะ) เรื่องคนวิจารณ์มันเป็นสิ่งที่พูดยาก มันแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน แต่เรารู้ว่าเราต้องการอะไร ซึ่งมันคุยกับตัวเองมานานแล้ว ว่าสมควรที่จะทำ

อย่างน้อยๆ หน้าเรามันยังต้องใช้ไปอีกหลายปี หน้าเก่ามันเห็นถึงความร่วงโรยของวัย เขาอาจจะไม่ชินตา แต่ถ้าผ่านไปสักครึ่งปี เดี๋ยวเขาก็ชินเอง เราก็ไม่ได้ซีเรียสกับแรงกระแทกตรงนี้

เราทำเพราะมีปัญหา มันเป็นการแก้ไข ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนให้เป็นอีกหน้าหนึ่ง ซึ่งการแก้ไขตรงนี้มันก็ทำให้เราดูดีขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือถุงไขมันใต้ตา”

หลังจากทำไปแล้ว ฟีดแบ็กคนรอบข้างเป็นยังไงบ้าง?
“ส่วนมากจะมาถามว่าขอดูหน้าหน่อย มันเปลี่ยนไปไหม ก็อยากฝากถึงคนที่คิดอยากทำศัลยกรรม ตัวเราๆจะรู้ว่าเราอยากทำอะไร เมื่อวัยมันพร้อม มันไม่ได้เดือดร้อนใคร

ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วสบายใจ ก็ทำเถอะครับ เพียงแต่ว่าพยายามปรึกษา หาสถานที่ หาหมอที่น่าเชื่อถือ แล้วทำเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก

ขอบคุณแหล่งที่มา :  khaosod