บันเทิง
- ตอบ
ปราปต์ฎล ช้ำ เหมือนถูกพิพากษาไปแล้ว สูญรายได้ เงินเก็บไม่เหลือ เตรียมหันหลังให้วงการ คงไม่เหมาะแล้ว ฝากถึง
สรยุทธ อยากรู้มาถามได้
วันที่ 7 มี.ค.2566 ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงรุ่นใหญ่ เปิดใจ เตรียมหันหลังให้วงการบันเทิง หลังถูกแจ้งข้อหาความผิดฟอก
เงินคดีแชร์ Forex 3D โดยคิดว่าวงการมันคงไม่เหมาะกับผม ผมมาจากลูกชาวไร่ชาวนา เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ก็ไม่เป็นไรที่จะกลับ
ไปเป็นเหมือนเดิม
อนนี้ก็กลับมารับงานแสดงเต็มๆ แล้ว? “จริงๆ งานนี้เป็นงานที่คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ท่านเมตตาให้ผมทำ อย่างที่ทราบกันว่า
ละครเรื่องนี้ถูกเลื่อนทุกคนก็รอคอยกันมานานมาก ถือว่าเป็นการเก็บที่เรามีอยู่แล้ว ส่วนงานที่ทำอยู่ก็มีปิดไปหลายเรื่อง”
อ่านข่าว ปราปต์ปฎล บุก ดีเอสไอ แฉ “ทนาย ฮ.” เรียกเงินหลักสิบล้าน เผยมีหลักฐาน
อ่านข่าว ทนายเฮง ออกโรง ชี้แจง โต้ปราปต์ปฎล เตรียมฟ้องกลับแล้ว

ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบไหม? “กระทบครับ กระทบเต็มๆ(ยิ้ม) (โดนแคลเซิลไปเยอะแค่ไหน?) ปกติชีวิตผมถ่ายละครประมาณ
5-6 เรื่องต่อสัปดาห์ ละครใหม่ๆ และภาพยนตร์ที่เข้ามาที่ติดต่อไว้ก็ยกเลิก ผลกระทบจากข่าวที่นำเสนอไป 2 เดือนช่วงนั้นแหละ
(ยิ้ม) เหมือนกับว่าผมถูกพิพากษาไปแล้วในโลกของโซเชียล ตัวอย่างของผมมันชัดเจนว่าเมื่อเราไม่ผิดเราก็พยายามต่อสู้เรียกร้อง
ความยุติธรรมให้กับตัวเอง”
ถ้านับการสูญเสียรายได้จะประมาณเท่าไหร่? “ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ผมโดนผลกระทบเวลา 6 เดือนได้ ซึ่งนั่นก็คือล็อตหนึ่งของละคร
ก็หลายล้านอยู่ครับ(ยิ้ม)”
กระทบถึงเรื่องบ้านและชีวิตส่วนตัว? “ภาระประจำเดือนของผมจะมีการผ่อนทุกอย่าง ไม่ได้มีธุรกิจอื่น เพราะฉะนั้นรายจ่ายประจำเดือนของผมมีรถ คอนโดฯ ตัวเอง บ้านที่ลูกๆ ผมอยู่ พ่อที่อยู่นครสวรรค์ แล้วก็ครอบครัวของคุณแม่น้องจิ๊กกี๋ที่จันทบุรีที่ผมต้องดูแลรับผิดชอบอยู่ ตอนนี้คุณพ่อผมก็ดูแลไม่ได้แล้วต้องปล่อยให้ตามมีตามเกิด คุณแม่กี๋ก็ต้องปล่อย บ้านของลูกๆ ผมก็ไม่ได้ส่งให้ 3-4 เดือน
แล้ว ตอนนี้ก็ประคับประคองชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆ ก่อนครับ”
ต้องเอาเงินเก็บมาใช้? “ไม่เหลือแล้วครับ ละครที่ทยอยปิดไปเขาจ่ายมา คือลักษณะการทำงานของละครมันจะเป็นแบ่งจ่าย 5% 10% เป็นงวดๆ ซึ่งนั่นคือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ละครเก่าปิดไปเรื่อยๆ มันเหมือนหมุนไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ไม่มีงานใหม่เข้ามาทดแทนเพราะถูกแคนเซิลไป จะนัดวันถ่ายแล้วอะไรแล้วก็ถูกยกเลิกไป โดยเฉพาะที่ผมเสียใจมากๆคือภาพยนตร์ ผมรักภาพยนตร์มาก ผมมีการติดต่อจากค่ายใหญ่ หนังน่าเล่นมากก็ตกลงเรื่องคิวถ่าย เริ่มทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว เหตุผล
หลักๆ เขาเห็นข่าวนี้เขากลัวว่าถ่ายๆ อยู่จะมีเรื่อง”
“คนไม่รู้ความจริงคืออะไร ทีนี้การนำเสนอบ้านเราเป็นระบบการกล่าวหา คือกล่าวหาไปก่อนถ้าไม่ผิดก็ไปแก้ตัวเอาเอง แต่ผมเข้าใจว่าสื่อได้รับข้อมูลมาจากหน่วยงานราชการก็เลยมั่นใจว่านั้นคือข้อมูลจริงเลยนำเสนอไป มันคือการพิพากษาผมว่าผมโดนแบบนี้ พอถูก
จ้างงานก็บอกให้ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน วันนี้เลยไปทวงถามว่าเมื่อไหร่จะจบ ชีวิตผมพังมาครึ่งปีแล้ว ถ้าเกิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะทำยังไงต่อ”
หลังจากนี้คิดว่างานจะเริ่มกลับมาไหม? “ผมคาดเดาไม่ได้เลย แม้แต่ผมไม่เคยคาดเดาว่าชีวิตผมจะเป็นแบบนี้ จากคนที่มีงานตลอด
มันยังเกิดวิกฤติแบบนี้กับผมเลย (วางแผนอะไรไว้ต่อไหมถ้างานยังไม่มี?) ไปแล้วครับ ผมก็คิดว่าวงการมันคงไม่เหมาะกับผม
(ทำไมถึงมีความคิดนี้?) ผมมาจากลูกชาวไร่ชาวนาเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ก็ไม่เป็นไรที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

จะให้เวลาตัวเองถึงเมื่อไหร่? “เดี๋ยวคำตอบมันจะมาเอง เมื่อมันได้คำตอบจากสิ่งที่เราประสบอยู่ ทุกอย่างมันจะบอกเองว่าควรไปได้
หรือยัง (แสดงว่ามีโอกาสหันหลังให้วงการ?) ผมมีความรู้สึกว่าก็ตรงนี้เขามองว่าผมไม่ใช่ความสุขของที่นี่ ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่ง
ของที่นี่แล้ว เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปพิพากษาผมแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันโหดร้ายจัง 30 กว่าปีแสดงว่าความดีงามที่เราทำมา
ตลอดมันปกป้องเราไม่ได้ เราก็ต้องไปอยู่ในมุมที่…ไม่ต้องไปอยู่ในสังคมกว้างๆ ก็ได้ ไปอยู่ที่แคบๆก็ได้”
คิดว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนานไหม? “ผมไม่แน่ใจ คือคนที่กำหนดว่านานไม่นานได้ คือคนที่มีอำนาจในมือครับ เพราะเขาเป็นคน
กล่าวหาผม และก็มีคนส่งข้อความให้ผมทั้งๆ ที่วันนี้ผมเพิ่งคุยไปนะครับ จริงๆ มันมีการชี้แจงมาอย่างชัดเจนตลอดเวลาอยู่แล้ว”

“เรื่องรถยนต์ผมฝากไปถึงพี่สรยุทธนะครับ ที่บอกว่ารถคันนี้อยู่ในการครอบครองของปราปต์ปฎลเนี่ย ผิดนะครับพี่ ผมไม่เคยครอบ
ครองรถคันนี้ รถคันนี้ ไม่ใช่รถผมนะครับ ไปทำความเข้าใจใหม่นะครับ พี่พูดออกไปแล้วมันทำให้ผมรู้สึกว่าเนี่ยมันเกิดประเด็นอีกแล้ว เพราะคนที่พูดเนี่ยน่าเชื่อถือไง
เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า เช็กดีๆ ครับถ้าพี่อยากรู้ส่วนตัวกับผม พี่เรียกหาผมได้ตลอด ผมทำงานอยู่ช่อง3 มากี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นผม
เหมือนน้องที่เจอกันตลอดอยู่แล้ว ใครไม่เข้าใจผม หรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวผม
จริงๆ ผมเบื่อจะพูดเรื่องนี้แล้ว คนอย่างผมคือถ้าไม่สาหัสจริงๆ ผมไม่ค่อยพูด ผมเป็นคนนิ่งๆ ผมรู้ว่าผมเหมาะกับอะไรมากกว่าผม
เหมาะกับการอยู่นิ่งๆ และทำงานไป ผมเหมาะกับการที่จะแอบทำงานที่ผมทำมาตลอด 30 กว่าปี ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมทำอะไรผม
ไม่เหมาะกับการที่จะต้องมาเป็นกระแส มาเป็นข่าว ผมไม่ถนัดครับ”
ขอขอบคุณ แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7547115