บันเทิง
- ตอบบอส ณวัฒน์ เล่าวีรกรรมนางงาม เจ้าชู้ หนีเที่ยว ไม่ไปทำงาน ติดผู้ชาย เจอมาทุกรูปแบบ ตามจิกตามเฝ้าถึงคอนโด ทำมาหมดแล้ว!
เป็นเวทีนางงาม ที่หลายคนตั้งฉายา ว่าเป็นเวทีแห่งความดราม่า เมื่อได้มีโอกาศนั่งคุย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ บอสณวัฒน์ ถึงเส้นทางการทำเวทีมิสแกรนด์ พร้อมทั้งเรื่องที่หลายคนมองว่าเป็นเวทีที่เป็นข่าวดราม่าตลอดเวลาว่า เป็นเวทีที่ทุกคนจับจ้องตลอด จนได้ฉายาว่าเป็นเวทีแห่งความดราม่า
“มากคนก็มากความอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ เวทีเราเป็นเวทีเรียล เราไม่ได้เป็นเวทีที่ประดิษฐ์ตัวเองเป็นผ้าพับไว้ คนที่ประดิษฐ์ตัวเอง จะไม่ยอมมีข่าวลบ ไม่ยอมให้เห็นภาพจริง มีแต่ภาพงดงาม ภาพเรียบร้อย ภาพกิจกรรมเพื่อสังคม แต่นางงามของผมเป็นได้ทุกอย่าง ใช้ชีวิตคนปกติ ได้หมด ผมอยากอยู่กับความเป็นจริงของมนุษย์ ชีวิตความเป็นจริงของมนุษย์มันต้องมีดราม่าบ้าง ถ้าคุณอยากปกปิดดราม่าคนจะเห็นภาพคุณภาพเดียวคือภาพที่คุณอยากให้เห็น
ถ้าใครมาจริงมิสแกรนด์คุณจะได้เห็นทุกภาพ นางงามไลฟ์กันเอง ทำมาหากิน เล่นโซเซียลฯ นางงามผมเดี๋ยวนี้เพี้ยนไปหมดแล้ว เช่น เดินๆ แล้วดึงวิกออก โยนให้ชาวบ้าน ทุกวันนี้ ทุกคนเกิดได้เพราะเล่นกับโซเซียลฯ เป็น ศิลปินของเราทั้งหมดเล่นโซเซียลฯเป็น ถ้าอิงฟ้าไม่เล่นโซเซียลฯ ก็ไม่ขนาดนี้ เขาต้อง แต่งหน้าทำผม โคฟเวอร์ รู้ว่าจะปล่อยเวลาไหน.
ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันคือการอยู่เป็นกับโซเซียลฯ ซึ่งนางงามเราโคตรอยู่เป็น มันจึงกลายเป็นเวทีดราม่า ถามว่าชอบมั้ยก็ไม่ได้รังเกียจ แต่บางทีดราม่าทุเรศๆ ก็ไม่ชอบ ผมก็ไม่ตอบโต้นะ บางคนมาด่าจนมีเรื่องเป็นคดีความผมก็ไม่ตอบโต้ ผมไม่แตะ เพราะการแตะเขาคือการให้แสง คดียังไม่จบ ยังไม่พิพากษา
ตั้งแต่ทำนางงามมาสิ่งหนึ่งที่หนักที่สุดที่เจอคือการดูถูก มันเป็นจุดดำที่ผมรู้สึกได้ เรื่องอื่น เช่น นางงามตื่นสาย นางงามทิ้งงาน นางงามปลอมๆ นางงามแอบมีแฟนเยอะๆ นางงามเจ้าชู้ นางงามกะล่อน หนีเที่ยว มีหมด
ต้องไปตามจิกกันกลับมาก็มี บางคนต้องไปเฝ้าใต้ถุนคอนโด เพราะถึงคิวละครแล้วก็ไม่ไป เขานัด 9 โมง แต่สี่โมงเย็นแล้วยังไม่เจอตัว ก็ต้องไปนั่งเฝ้าใต้ถุนคอนโดทองหล่อ นิติไม่ให้ขึ้น ผมต้องอาศัยดาราที่อยู่คอนโดเดียวกันช่วยผม ต้องจับเขาใส่รถไปส่งที่กองถ่ายตอน 5 โมงเย็น ทำมาแล้ว ดาราดังด้วย ของมิสแกรนด์
เรื่องพวกนี้ไม่ใหญ่ ผมสบายมาก บางคนละทิ้งงาน นางงามบางคนมาพูดใส่หน้าว่า “จะรับงานถามหนูหน่อยนะว่าหนูอยากทำหรือไม่อยากทำ” เอ๊ะเดี๋ยวน้อง น้องอยู่ในสังกัดพี่ พี่เอาน้องไปเซ็นต์สัญญากับช่องด้วย น้องได้เงินจากช่อง น้องอยู่ภายใต้สัญญาพี่ น้องจะใหญ่กว่าพี่? คุยกันไม่รู้เรื่องไปให้พ่อมานั่งในออฟฟิศมาด่าเราอีก ไม่อยากเล่นละครแล้ว ทั้งๆ ที่ ตอนแรกอยากเล่นละคร
แต่เพียงแต่เพราะเธอมีแฟนกระทันหัน แล้วแฟนเธออยากจะพาเธอไปโน่นนี้ เธอเลยบอกไม่อยากเล่นแล้ว ยังไงก็จะไม่เล่น ละครถ่ายไปค่อนเรื่องแล้ว ไม่เล่นได้ยังไง ขอให้ถ่ายให้เสร็จ ก็อยากจะไปเดี๋ยวนี้ ต้องบอกว่าไม่ได้คิวเขาเป็นตามนี้ เธอใหญ่มาจากไหน ผมจึงต้องไปบอกช่องว่าน้องอยากจะไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ดูสิ ทุเรศมั้ย ก็ถ่ายให้จบ 2 เรื่องที่รับไว้ แต่ต้องขอร้อง ต้องขู่บังคับกัน ประคองกับแทบตาย ยังอยู่ในสัญญาแล้วก็หายจากเราไป แล้วปัจจุบัน น้องก็พยายามฟื้นกลับคืนชีพมาได้แล้วนะ แล้วทำไมตอนนี้อยากเป็นนักแสดงอีกแล้วละ มีผลงานอยู่แต่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
สิ่งเหล่านี้ผมไม่ได้รู้สึกว่าหนักเกิดความสามารถ แต่สิ่งที่หนักคือคำเหยียดหยาบ คำสบประมาทของคน ผมเอาคำเหล่านี้มาทำให้เวทีแกรนด์เกิดชัยชนะด้วยวิธีอะไร อันนี้สำคัญ โจทย์ยากสุดก็ตามมา เช่นจะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ ทุกวันนี้ก็เข้าได้แล้ว บริษัทเรามั่นคง คนบอกว่าบริษัทมูลค่า 5 – 6 พันร้อยล้าน คุณณวัฒน์รวยเป็นอันดับ 6 ในวงการบันเทิง ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับความรวย ผมตื่นเต้นกับการที่เราได้แก้ปมที่บอกว่าเราโคตรถูก แต่ความตื่นเต้นผมยังไม่จบ ต้องค่อยติดตามตอนต่อไป”
ระหว่างประกวดเป็นอย่างไร? “สงครามนางงามมันไม่มีจริงหรอก เขาไปเขียนบทให้ สิ่งที่มีคือเขาไม่ตีกันเองหรอก แต่ที่มีคือปลอม บอกว่านิสัยเป็นอย่างนี้ แต่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ เช่นนิสัยเป็นคนเจ้าอารมณ์ แต่ทำตัวเป็นคนใจเย็น หรือบอกว่าโสดแต่จริงๆ มีแฟนอยู่บ้าน เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราถึงต้องเก็บตัวนาน ต้องอยู่กับเรา 24 ชม. เราลงทุนสูง
กว่าจะรู้ว่าเธอเป็นคนที่สุ่มเสี่ยงมั้ย ควรจะปั้นเธอมั้ย ถ้าไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ กลับมาใหม่ได้ ของเราแม้กระทั่งรอง 1 ก็กลับมาได้ ถ้ายังไม่ได้ที่สุด สามารถกลับมาได้ เราเชื่อว่านักกีฬายังวิ่งได้ตั้งหลายสนาม ถ้าไม่ได้เหรียญทองก็วิ่งได้ใหม่ ถ้าอายุยังไม่เกินก็ทำอีก บางคนมาแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นก็จบ บางคนมาใหม่แล้วชนะก็มี เช่น อุ้ม ทวีพร”
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod