บันเทิง
- ตอบ
จากกรณีที่เน็ตไอดอลสาว จี กามิน อดีตคนสนิทของ แน็ก ชาลี ได้เดินทางมายังเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริง หลังจากเคยตกเป็นประเด็นดราม่าใหญ่ จนถูกวิจารณ์อย่างหนักจากโซเชียล
ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย. 2567) กามิน ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมกับทนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ณ โรงแรม Grand Four Wings Convention ศรีนครินทร์ โดยมีล่ามไทยเป็นคนช่วยแปลภาษาให้
"ดิฉันก็ไม่อยากให้มาถึงวันนี้ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้ดิฉันและครอบครัวได้รับผลกระทบ เลยต้องออกมาพูด
เข้ามาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2567 รู้สึกดีใจและรู้สึกอบอุ่นมากที่ได้รับการต้อนรับจากทุกคนอย่างล้นหลาม ตอนนั้นยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการสื่อสารกันบ้าง แต่ทุกคนก็พยายามช่วยเหลือจนสามารถเข้าใจกันได้ ซึ่งเรารู้สึกมีความสุขและสนุกสนาน โดยเฉพาะครอบครัวและทุกคนที่ทำงานด้วยกันมีความอบอุ่นเป็นกันเองมาก
ในส่วนของรายได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ได้รับการจัดสรรโอเคดีมาก ในช่วงเดือนมีนาคม ก็จะมีบ้างที่พักโรงแรมและสตูดิโอ รวมถึงพักที่บ้านของคู่กรณี ส่วนทางครอบครัวของเขาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมา แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังอยากขอบคุณ
จากข่าวที่บอกว่าเราไปพักโรงแรม ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่โรงแรมที่ได้พักเราไม่ได้เป็นคนจองเอง แต่ทางบริษัทของคู่กรณีเป็นคนจัดการให้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้เลยว่ามีใครเข้าออกโรงแรมบ้าง และทั้ง 2 ฝ่ายมีคีย์การ์ดเข้าออกโรงแรม ถ้าจะนัดพบกับคนอื่นจริงๆ คงไม่นัดที่โรงแรมนี้เพราะกามินไม่ได้เป็นคนจองเอง ซึ่งข่าวที่ออกมานั้นยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง
ส่วนข่าวที่บอกว่าเรา ‘ติดเหล้าและแอลกอฮอล์’ จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ได้ เพราะอยู่เกาหลีก็มีสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง แต่มาเมืองไทยแทบจะไม่ดื่มเลยอาจจะเดือนละ 1-2 ครั้ง ยืนยันว่าไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ในขณะทำงาน
และในเรื่องของ ‘ค่าจ้างงานต่างๆ’ เราแทบจะไม่ทราบเลยว่าทางผู้ว่าจ้างจะจ้างมาเท่าไหร่ เราจะรู้จากทางบริษัทเราเท่านั้น ส่วนตัวรู้สึกพอใจกับค่าจ้างและขอบคุณมากๆ และค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัทจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นที่เรียบร้อย และในส่วนข่าวลือค่าจ้างไลฟ์ สด ค่าตัวเรา 1 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง
ในส่วนของข่าว ‘ไฟไหม้บ้าน’ วันนั้นเราไปช้อปปิ้ง พอรู้ข่าวก็ได้กลับไปถึงที่บ้าน และมีทีมงานอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ซึ่งพอกลับมาถึงบ้านจะเริ่มได้กลิ่นไหม้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชั้น 3 แต่พอขึ้นไปไฟดับเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบ้านหลังนั้นปกติเราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับคู่กรณีอยู่แล้ว เท่าที่เห็นก็ไม่ทราบว่ามีของมีค่าอะไร เพราะมันไม่ใช่บ้านของเรา และไม่ทราบจริงๆ ว่าเหตุการณ์วันนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง คิดว่าอาจจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุ
สำหรับข่าวที่บอกว่าเราพูดว่า ‘คนไทยหลอกง่าย’ ยืนยันว่าไม่เคยพูดคำนั้น เพราะว่าเราได้รับความรักจากคนไทยมาตลอด และไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากที่ไหน ถ้าคนพูดประโยคนั้นจริงๆ ว่าเราเป็นคนพูดว่าคนไทยเป็นคนหลอกง่ายคงต้องไปถามคนที่พูดดีกว่า เพราะสำหรับเราไม่เคยพูดแบบนั้น และไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดคำนั้นกับใคร
กับคำพูดที่มีคนว่าเรา ‘สก๊อยเกาหลี สุวรรณมาลี’ คำพูดเหล่านี้ ฟังครั้งแรกเราไม่ทราบความหมายของคำพวกนั้น เพิ่งทราบความหมายคำเหล่านั้นเมื่อช่วงเร็วๆ นี้ และเราก็ไม่เคยเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังว่าความหมายของคำนั้นแปลว่าอะไร เพราะกลัวท่านจะเสียใจ เราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงมีคำพูดรุนแรงกับเราขนาดนั้น
ในส่วนที่มีคนบอกว่า ‘เราฟอกเงิน หรือเป็นอาชญากร’ ยืนยันว่าครอบครัวของดิฉันและดิฉันไม่เคยทำอะไรเหล่านั้น และครอบครัวของดิฉันก็ไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋น และอาชญากร
แท้จริงแล้วความฝันของเรา กามินเรียนเกี่ยวกับการเต้นมาตลอดตั้งแต่สมัยมัธยม และเรียนต่อระดับอุดมศึกษาในด้านของการเต้นมาตลอด เพราะมีความฝันว่าอยากจะเป็นครูสอนเต้น และดิฉันก็เคยเดินทางไปที่กรุงโซล เพื่อเรียนเกี่ยวกับด้านการเต้นในระดับปริญญาโท อยู่ที่อยู่ที่นั่นประมาณ 5-6 ปี และทำกิจกรรมอยู่ประมาณ 1 ปี และดิฉันมีความฝันว่าอยากจะเป็นแม่คน ตั้งใจอยากมีชีวิตที่มั่นคงตั้งแต่ตอนแรก
ยืนยันว่าดิฉันไม่เคยพูดให้ร้ายใคร และไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้น แม้กระทั่งการที่ออกมาที่นี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมาพูดเพื่อว่าร้ายใคร และก็ไม่เคยมีการพูดคำหยาบอะไรแบบนั้นเลย และจากกระแสข่าวที่ออกมาทั้งหมด ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เข้มแข็ง แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เป็นคนๆ หนึ่งที่มีหัวใจ แม้กระทั่งพี่ชายต้องลาพักร้อนจากงานเพื่อมาดูแลเราตลอด 1 เดือนเต็ม
สุดท้ายเราอยากจะบอกทุกคนว่า เราอยากขอบคุณทุกคนที่ให้ความรักเขา ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับรวมถึงพี่ๆ นักข่าว จริงๆ วันนี้อยากออกมาปกป้องตัวเอง และครอบครัวตัวเอง รวมถึงการออกมาพูดความจริง เชื่อว่าคนทั่วไปอาจจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันไปบ้าง รวมถึงเรื่องของภาษาและนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เข้าใจในความแตกต่าง และอาจมีปัญหาจนทำให้เลิกกัน ยืนยันว่าการคบกันไม่ได้มีปัญหาใหญ่ อาจจะเป็นในส่วนของภาษาที่ทำให้เราไม่เข้าใจกัน ส่วนเราก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และเขาก็เห็นในสิ่งที่เราพยายามมาตลอด ยืนยันว่าความรักทั้งหมดเป็นความรักที่จริงใจ"
ด้านทนายเสริมต่อว่า "ยอมรับว่าไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เพียงเพราะคำพูดจากบุคคลบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดี ซึ่งคิดว่าทุกคนจะต้องได้รับการฟ้องร้อง เพราะเขาต้องได้รับความยุติธรรมจากเรื่องนี้ ถ้าพูดมันส์ปากก็จะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมาย ตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป และตอนนี้มีรายชื่อที่ส่งให้ทางกฏหมายแล้ว 5 คน แล้วก็จะตามมาอีกหลายๆ คน ส่วนคู่กรณีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา หากมีการก้าวล่วงกันเพิ่มก็จะอยู่ในขั้นตอนพิจารณาต่อไป"
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath