บันเทิง
- ตอบเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เปิดใจครั้งแรกโมเมนต์คืนดีกับเพื่อนรัก คริส หอวัง หลังไม่ได้คุยกันมานานกว่า 7 ปี เจ้าตัวลั่นแค่กอดกันน้ำตาก็ไหล ไม่จำเป็นเคลียร์เรื่องอดีต เป็นปลื้มลูกสาว น้องโนล่า วัย 4 ขวบ ฉายแววตามรอยแม่ เดินแบบโชว์ลีลาโพสสุดน่ารัก ทำคุณแม่เจนี่ที่เชียร์ข้างเวทียิ้มไม่หุบ ทุกประเด็นในรายการ "คุยแซ่บ Show" ทางช่อง One31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร
เมื่อวานคริสออกงานให้สัมภาษณ์ถึงเจนี่ เรียกว่าเป็นโมเมนต์ที่หลายคนรอคอยเลย?
เจนี่ : ใช่ จริงๆ อยากจะบอกว่าเหมือนโมเมนต์ยิ่งกว่าแต่งงานกับสามีอีกเพราะว่าคนกดไลค์และคนแชร์รูปเยอะมาก เหมือนคนติดตาม รอคอย แล้วก็ลุ้นด้วย เจนเองก็ลุ้นนะ
กี่ปีนะ?
เจนี่ : 7 ปี แล้วเจนจะบอกว่า 7 ปีระหว่างทางที่เราไม่ได้คุยกัน เรายังเจอกันตามงานนะ
เวลาเจอแล้วยังไง?
เจนี่ : เจนเฉยๆ ก็ยิ้มให้ แต่เราก็ไม่ได้คุยกันเหมือนเพื่อนในกลุ่มเหมือนทำตัวไม่ถูก
จริงๆ อยากคุยแต่เราก็ไม่รู้ว่าเราจะเข้าจุดไหน แต่ส่งยิ้มให้กันตลอด?
เจนี่ : ใช่ แล้วก็เหมือนไม่มีตัวเชื่อม มันแบบเขิน
อาจจะมีความเก๊กๆ กันอยู่?
เจนี่ : เก๊กมากเลยค่ะ
วันที่คืนดีกันได้คุยกันเหตุการณ์มันเป็นอย่างไรบ้าง?
เจนี่ : มันตลกมาก วันนั้นไปงานแล้วก็เดินออกมาจากงาน เจนนั่งรถไปกับนานากับเวย์ เราก็ขึ้นรถก่อน เวย์ขับรถ คุณนานา แล้วก็เจนนั่งข้างหลัง แล้วด้วยความที่รถเขาเป็นฟิล์มมืดหน่อย แล้วคุณคริสเขาก็เดินมาที่รถพอดี ไม่รู้ว่าเจนอยู่ในรถเพราะเป็นฟิล์มมืด แล้วคุณเวย์ก็เปิดหน้าต่าง แต่ไม่เห็นเจนนะเพราะเจนนั่งข้างล่าง แล้วเจนก็โผล่หน้าไปนิดนึง แล้วคริสก็บอกว่าถ่ายกับรถหน่อยๆ เหมือนทำตัวไม่ถูก แล้วคุณเวย์ก็บอกว่าดีกันได้แล้วๆ ดีกันเลยๆ โกรธกันทำไม ดีกันเถอะนะ แล้วก็จับมือคริสแล้วก็เจนี่ เจนี่ก็ยื่นมือเลยแบบพร้อม
รู้สึกว่าไม่เขินแล้วเพราะมีคนพูดให้?
เจนี่ : ใช่ เหมือนกับแค่ว่าต้องมีบุคคลที่ 3 ที่ช่วยเป็นกาวนิดนึง
ความรู้สึกที่ได้จับมือกันแล้วรู้สึกยังไงบ้าง เหมือนแฟนที่เลิกกันไปแล้วคืนดีกันมั้ย?
เจนี่ : ใช่ เหมือนแฟน แล้วเลือดข้างในมันวืดวับ
เรียกว่าปลดล็อกความรู้สึก 7 ปีมั้ย?
เจนี่ : ยิ่งกว่า คนเราเป็นแฟนกันเลิกกันไปยังไงก็คือคนอื่น แต่การเป็นเพื่อนถึงแม้เราจะมีเรื่องอะไร เรากลับมาเราก็คือเพื่อนกัน แล้วมันคือสนิทใจเหมือนเดิม แล้ว 7 ปีคือยาวนานมากนะ
ความรู้สึกตอนนั้นที่เราตัดสินใจยื่นมือเข้าไปเลยทันที จำความรู้สึกได้มั้ยโมเมนต์นั้นคิดอะไรอยู่?
เจนี่ : น้ำตาจะไหล คือพอเราผ่านอะไรมาเยอะ ต่างคนต่างไปมีชีวิตด้วย เจนเองก็ไปมีครอบครัว ความคิดถึงเพื่อน 7 ปีที่ผ่านมาเรื่องราวมันเยอะมาก เพราะเวลาคนอื่นจะไปเจอคริสเขาก็จะแบบ เฮ้ย เจนโอเคมั้ย เจนบอกเจนโอเคแบบโอเคมาก เจนไม่โกรธเลย มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจน มันเป็นแค่เรื่องของเจนกับคริส เจนก็เลยบอกเพื่อนทุกคนว่าไม่ต้องมาเกรงใจเจนนะ พวกเราเหมือนเด็กผู้ชาย มีอะไรพูดกันตรงๆ ไม่หยุมหยิมเลย มันเป็นกฎของพวกเราแต่แรกว่ามีอะไรให้พูดตรงๆ นึกออกใช่มั้ยว่าผู้หญิง 7 คนมาอยู่ด้วยกันมันจะมีความผู้หญิงที่แบบจุ๊กจิ๊กที่บอกไม่ถูก
แต่การพูด ตรงๆก็จะเป็นเส้นบางๆ เราตรงออกไปแล้วเราตรงด้วยความจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่บางครั้งอีกฝั่งจะรู้สึกยังไง?
เจนี่ : 20 ปีที่ผ่านมากับการอยู่กับเพื่อนๆ เราผ่านอะไรมาทั้งหวาน ทั้งพูดไม่ตรงๆ ทั้งอ้อมๆ ก็แล้วอะไรก็แล้ว พวกเราสังเกตว่าพวกเราพูดตรงดีที่สุดค่ะ
ถ้าโกรธกันก็โกรธกันตรงนั้น?
เจนี่ : ใช่ ให้เคลียร์กันตรงนั้นเลย แล้วถ้ามีปัญหาอะไรอย่ากลับไปบ้านแล้วนอนหลับคืนนั้นมันจะไม่ผ่านพ้นไป แต่ถ้าพวกเราคุยกันให้รู้เรื่อง คุยกันแบบจับมือกัน เพื่อนฉันมีอะไรจะบอกมันเป็นอย่างนี้นะ เพื่อนคิดยังไง เราเป็นผู้ใหญ่แล้วการที่เราจะคุยกับใครสักคนมันมีวิธีหลายอย่างที่เราจะบอกเล่าเรื่องราวกับเพื่อน
หลังจากที่เจอแล้วจับมือวันนั้นเห็นว่านานานัดเพื่อนทานข้าวด้วยกันเลย?
เจนี่ : ใช่ค่ะ แล้ววุ้นก็แจกการ์ดด้วย
เหมือนเป็นวันเกิดเจนกับวันเกิดคริสในเดือนเดียวกัน?
เจนี่ : วันเกิดคริสกับเจนสุดา
ตอนที่เราจับมือกันตอนนั้นเหมือนเรายังไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกัน?
เจนี่ : เราไม่ต้องคุยรายละเอียดเลยมันเหมือนกับแค่มองตาน้ำตาก็ไหลเลย เจนกับคริสก็คือไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวในช่วงเวลาในขณะที่เหมือนตอนนั้นที่มีปัญหา แล้วเราก็ไม่อยากเคลียร์ แล้วเราก็เข้าใจกันและกัน มันเลยจุดที่ต้องมานั่งอธิบายแล้ว
เห็นว่าเจนร้องไห้เลย?
เจนี่ : เจนเป็นคนเซนซิทีฟค่ะ ถ้าเรื่องเพื่อนนะเป็นคนเซนซิทีฟมาก เจนเป็นคนรักใครไม่ใช่ร้อย เจนให้มากกว่าร้อย แล้วยิ่งเป็นเพื่อนๆ ที่เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เจนจะรู้สึกว่าโมเมนต์มันยากมากกับการที่เราจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างให้มันมีค่าและให้มันน่าจดจำเป็นเหมือนพิกเจอร์ เฟรม ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตจริงๆ
วันรุ่งขึ้นที่นานานัดเลย วันนั้นมีโมเมนต์อะไรซึ้งๆ ให้พวกเราได้ยิ้มที่รอคอย 7 ปี?
เจนี่ : เหมือนแกล้งทำเป็นอ้อมก่อน ทุกอย่างไม่ใช่ประเด็นเลย ประเด็นคือเพื่อนพยายามจะจัดให้นั่งข้างคริส ตอนแรกนั่งตรงข้ามกัน จะเดินไปถ่ายรูปรวมให้เค้กก็ไปนั่งข้างคริส แล้วนานานั่นแหละ คุณนานาก็ชงเก่ง เพื่อนกอดกันๆ แค่กอดกันน้ำตาก็แบบ
แล้วได้พูดมั้ย?
เจนี่ : ไม่ทันได้พูด เจนแค่จะกอดน้ำตาเจนก็มาแล้ว
แล้วคริสล่ะ?
เจนี่ : ไม่พูดอะไรเลย พอเขาเห็นเจนน้ำตามา เขาก็บอกอย่าร้องนะ แต่ก็ร้องฮือเป็นเด็กเลย
พอแก๊งนางฟ้ามารวมตัวกันจนครบ 7 คน เห็นว่าพอลล่าก็ย้ายกลับมาที่เมืองไทย?
เจนี่ : ใช่ ดีใจมาก เราเป็นเพื่อนจนเป็นครอบครัวไปแล้ว
โนล่าอายุเท่าไหร่แล้ว ล่าสุดไปเดินแบบ?
เจนี่ : จะ 5 ขวบแล้วค่ะ คุณลูกสาวไม่ชอบงานบันเทิงเลย เขาชอบงานบันเทิงแค่เวลาเขาอยู่บ้าน ชอบเต้น คุณนานาก็จะโทรมา โนล่าไปเดินแบบให้นานาหน่อยนะ หนูไม่เดินค่ะ หนูไม่ชอบ ไม่ชอบแต่คือสับขาเลยนะ
แล้วทำยังไงให้ขึ้นไปเดินได้?
เจนี่ : เจนเป็นคนที่ไม่ฝืนใคร ไม่เดินไม่เป็นไรลูก แต่บังเอิญว่าลูกน้องสาวนีน่าไปเดิน แล้วตอนที่ไปตื่นมาตอนเช้า คำแรกที่พูด หม่ามี้ วันนี้หนูไม่เดินแบบนะคะ จำได้เลย ไปร่วมงานแต่ไม่เดินนะคะ ได้ค่ะลูกหนูไม่เดินก็ได้ค่ะ แต่แม่มีวิธีพูด พอไปถึงจูงนีน่าลูกน้องสาวไปแต่งหน้า แล้วเป็นงานเด็กก็จะมีแต่เด็กนั่งแต่งหน้าก็จะน่ารัก โนล่าเริ่มนั่งสักพักเริ่มทนไม่ไหว หม่ามี้ หนูอยากปัดแก้มสีชมพู เหรอลูก ถ้าหนูปัดแก้มสีชมพู หนูต้องเปลี่ยนเสื้อนะ นั่งคิดอยู่แป๊บนึง ก็ได้ค่ะ
พอเดินไปปัดแก้มพอปัดเสร็จปุ๊บ หม่ามี้ หนูอยากทำผม ไม่ได้นะลูก มีค่าใช้จ่าย หนูต้องเดินนะลูก ถ้าหนูจะไปทำผมเพราะว่าถ้ามาร่วมงานเฉยๆ หนูไม่ต้องทำ ก็คิดแป๊บนึง แล้วคุณยายไปด้วย ให้คุณยายทำได้มั้ย ได้ลูก ก็วิ่งหาหวีหาอะไรแล้วก็นั่ง หม่ามี้ แต่หม่ามี้ต้องเดินด้วยนะคะ หม่ามี้ต้องเดินจูงออกไป แต่ตอบไปก่อนว่าได้ค่ะลูก ตอนที่แต่งหน้าเสร็จ แต่งตัวเสร็จแล้ว ไม่ได้ซ้อมอะไรเลย ไม่เห็นเวที เพราะเขาไม่เดิน
พอไปหลังเวทีก็บอกเขาว่าเดี๋ยวพอหนูเดินออกไปหนูก็โพสตรงกลางนะคะ แล้วก็ไปสุดเวที แล้วหนูก็เดินกลับมาโพสแล้วหนูก็เข้ามาได้เลยค่ะ หม่ามี้เดินด้วยไม่ใช่เหรอคะ ใช่ค่ะลูก พอกำลังจะออก เจนก็ลุ้นในใจ ขอพรยิ่งกว่าขอให้ตัวเองอีก ปู่ช่วยด้วยขอให้ลูกฟัง ขอให้โนล่าเดินออกไป เขาก็จูงนีน่าแล้วเจนก็ลองปล่อยเขา เขาก็เดินออกไปเองเลย ไม่หันมามอง แล้วก็เดินอย่างมั่นใจไปหน้าเวทีแล้วก็โพส แล้วตลกมาก ตอนที่เดินกลับมามันต้องมีเดินฟินาเล่ เจนไม่คาดหวังใดๆ อีกแล้ว แค่นี้มันก็สุดของเราแล้ว นีน่าเขาก็เริ่มงอแง แล้วเขาก็ไปกินข้าวต่อ เราก็บอกป่ะ โนล่า เราไปกัน ไม่ค่ะหม่ามี้ หนูต้องเดินฟินาเล่
ภูมิใจแค่ไหน?
เจนี่ : ดีใจ จริงๆ แล้วไม่ได้ดีใจที่เขาเดินแบบได้นะ แต่ดีใจที่เขาเริ่มโตขึ้น เขาคิดแล้วก็จัดการอะไรหลายๆ อย่างในตัวเขาเอง แล้วก็ภูมิใจในตัวแม่ด้วยที่ใช้จิตวิทยาได้ดีมาก เจนว่ามันสำคัญมากกับการที่คุณจะพูดกับลูกบังคับไม่ได้เลย การที่เราพูดชี้นำทาง เขาไม่ได้คิดเหมือนเรา แต่ถ้าเราฟังเขาแล้วลองประเมินแล้วค่อยพูดออกไปว่าเราจะทำยังไงดี เจนว่าอันนี้สำคัญกว่า
มันมีหลายโมเมนต์ที่เจนเครียดแล้วก็คาดไม่ถึง นึกไม่ถึง ลูกอายุเท่านี้ทำไมถึงรู้มากกว่าอายุขนาดนี้ เจนก็แก้ปัญหาเดี๋ยวนั้นเลยนับ 1-10 แล้วก็คิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเจนจะใช้ความนิ่งก่อน เจนเป็นคนที่ไม่ดุลูกเลย ไม่ขึ้นเสียงกับลูก ไม่ตีลูกเลย ต่อให้เจนจะไมเกรนขึ้นผมขนาดไหน เจนก็จะใช้ความใจเย็นแล้วก็เงียบนิ่ง
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แม่เงียบเป็นน้ำเย็นที่สุด โนล่าจะร้องไห้แล้วเดินเข้ามาไหว้ เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าหม่ามี้โกรธมาก แต่ต้องใจเย็นเป็นน้ำเลยนะ แทบจะต้องใส่เอียปลั๊กที่อยู่บนเครื่องบิน แล้วก็พยายามแบบไม่มีอะไรนะๆ เหมือนเป็นการฝึกสมาธิอย่างนึง เราเย็นๆ ถ้าเราร้อนไปตามสิ่งที่เขาเปล่งออกมา พูดเลยเหมือนกาเจอน้ำเดือดปุดๆ แล้วราดลงเนื้อ มันจะเละไปหมดเลย
อัปเดตเรื่ององค์พญานาค ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเจนี่เป็นคนที่นับถือมากๆ ทราบมาว่าเชิญปู่เข้าบ้าน 3 องค์?
เจนี่ : 3 องค์ที่อยู่ ณ ขณะนี้มาเหมือนกับท่านรอที่จะมา
แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าท่านรอที่จะมาอยู่กับเรา ความรู้สึกเป็นยังไง?
เจนี่ : บางทีเราสื่อออกมาไม่ได้ บางทีเราเห็นแล้วเจนก็จะบอกว่าองค์นี้แหละใช่ สององค์ล่าสุดพี่คิวให้มาเหมือนห่อใส่กล่องสวยๆ เป็นของขวัญแล้วก็ถือมาให้เจนใส่ถุงมา พอเจนจับถุง เจนก็บอกพญานาคใช่มั้ย เขาบอกพี่เจนรู้ได้ไง รู้สิ เพราะว่าจับพลังงานได้เลย
จะอัญเชิญให้ปู่อยู่ในบ้านด้วย?
เจนี่ : น่าจะมาอีกค่ะ น่าจะมีองค์ปู่มาที่บ้านอีก องค์สีขาวอยู่ที่ออฟฟิศ เพชรกับทองอยู่ที่บ้านโนล่าอยู่ตอนนี้ บ้านใหม่ที่กำลังทำอยู่น่าจะมีอีก
เห็นว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับพญานาคด้วยเหรอ?
เจนี่ : จริงๆ หลายครั้งเลย แต่ว่าบางทีเราถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เรื่องบางเรื่องไม่รู้ว่าสามารถเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ก็มาได้ด้วยแรงบางสิ่งบางอย่าง อันนี้ก็อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบุคคลด้วย
เจนสัมผัสกับท่านแล้วได้รับพรจากท่านเรื่องอะไรถึงรู้สึกว่าเชื่อในเรื่องนั้น?
เจนี่ : เรื่องงานค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับงาน พวกเราทำมาหากินใช่มั้ย ท่านก็ชอบ ท่านชอบคนทำงาน แรงศรัทธาที่เวลาเจนนั่งสมาธิสวดมนต์แผ่เมตตา เป็นสิ่งที่เราทำประจำอยู่แล้ว มันก็เหมือนมีพลังงานคลื่นบางอย่างอาจจะสื่อถึงกัน
แสดงว่าเทคนิคในการขอพรของเจนจะทำตอนที่สวดมนต์แล้วนั่งสมาธิอยู่นิ่งๆ คลื่นนั้นถึงจะถูกคอนเน็กถูกป่ะ?
เจนี่ : ใช่ค่ะ แต่ว่าเจนไม่ได้ขอ คือจริงๆ แทบไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำด้วยค่ะ มันเหมือนกับจิตสื่อจิต เวลาเจนขอเจนไม่ได้ขอเงินท่านนะคะ เจนแค่เหมือนกับว่าขอให้ลูกมีกำลังใจ มีพลังหัวใจในการที่จะทำอันนี้ หรือว่าเรารู้ว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไร เจนแค่รู้สึกว่าเจนแค่นั่งสมาธิสวดมนต์ก็คือเราแผ่เมตตาให้ท่าน แผ่เมตตาให้ตัวเราด้วย เราก็แค่บอกท่านว่าวันนี้ลูกจะมาทำงาน ขอกำลังใจจากท่านแค่นั้นเอง.