บันเทิง
- ตอบ
‘หนุ่ม กรรชัย’ ยันลุยดำเนินคดียกทีม ‘น้องไนซ์’ ชี้ให้เด็กมาด่า-ดูหมิ่น พ่อแม่นั่งข้าง วอนดึงสติ เด็กจะอยู่ในสังคมลำบาก ลั่นไม่ยอมความ
หนุ่ม กรรชัย เปิดใจถึงประเด็นร้อน รวมพลชาวพุทธ เอาผิด “น้องไนซ์ เชื่อมจิต” และพ่อแม่ รวมถึงทีมกฎหมายของฝ่ายน้องไนซ์ พร้อมเผยสาเหตุที่ต้องจัดการเรื่องดังกล่าว
จุดไหนที่ทำให้เราทนไม่ไหว?
“จริงๆ เรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกเลย สำหรับตัวเราเอง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ที่ทำรายการโหนกระแส วันนั้นเชิญฝั่งของประธานไวยาวัจกรมา แล้วมีการมาพูดคุยเรื่องราวของน้องคนหนึ่ง แล้วเราไม่ได้เอ่ยชื่อเขาด้วยนะ บอกว่าเป็นเด็ก 8 ขวบ”
“ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นในวันนั้นเลย มันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันมีหลายคนที่พยายามเล่นเรื่องนี้กัน มีหลายคนพยายามร้องเรียนเรื่องนี้ แล้วมีหลายคนบอกว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า เพราะมันจะมีภาพบางภาพ ที่เห็นตัวเด็กนั่งอยู่ แล้วมีนาคปรกคลุมข้างหลัง”
“พอพุทธศาสนิกชนเห็น ก็จะเข้าใจได้เลยว่านั่นคือองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนเข้าใจว่า อ๋อ เด็กคนนี้คือพระพุทธเจ้ามาเกิดหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ในมุมฝั่งครอบครัวเขา ก็บอกว่าจริงๆ มันคือรูปขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้านะ”
“พอเรามาพาดหัวว่า ดราม่าเกิด เด็ก 8 ขวบตั้งตัวเป็นพระพุทธเจ้า เขาก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ในมุมของเรา รู้สึกว่าในเมื่อก่อนหน้านี้ มันก็มีสื่ออื่นที่เขาลงอยู่แล้ว แล้วในเนื้อรายการ เราก็บอกว่าเราไม่เหยียบความเชื่อใคร แล้วก็บอกว่ามีคนพยายามบอกว่าตัวน้องเป็นแบบนี้ๆ”
“สุดท้ายได้มีโอกาสสัมผัสคุณแม่ คุณแม่ก็ยินดี เพราะตอนแรกจะเชิญมา แต่เขาบอกขอเป็นวิดีโอคอลได้ไหม เราก็ยินดี สุดท้ายก็ไม่เข้าใจ ผ่านไป 4 เดือน แล้วก็กลับมามีปัญหาเรื่องนี้ มาต่อว่าเรา เราก็ยินดีนะ ไม่เป็นไร แต่หลังๆ เรารู้สึกว่ามันล้ำเส้นไปนิดหนึ่ง”
“มาด่าเราว่าไอ้กรรชัยเจ้าชู้ หิวเงิน หาเงินกับการทะเลาะของคนอื่น คือเราไม่ติดใจเลย ถ้าเป็นผู้ใหญ่ด่าเอง แต่นี่คือให้เด็กมาพูด แล้วเด็ก 8 ขวบ อายุเท่าลูกสาวเรา เราเลยรู้สึกว่า เฮ้ย เด็กคนนี้จะรู้ได้ไงว่ากูเจ้าชู้มาก่อนวะ เพราะตอนนั้นยังไม่เกิดเลย แล้วอยู่ดีๆ มาใช้คำพูดคำนี้ หิวเงิน อยากได้เรตติ้ง เราว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะพูด คิดทันทีเลยว่ามันต้องมีอะไรอยู่ข้างหลังแน่ๆ
น้องไนซ์ เชื่อมจิต
หนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า เรารู้สึกว่าเราสงสารน้อง อยากให้น้องได้ใช้ของในวัยเด็กจริงๆ แล้วที่สำคัญที่สุด มันแบ่งเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกเรามองว่าตัวน้องเองเป็นเด็ก ต้องจะมีเพื่อนอยู่ที่โรงเรียน ถ้าเกิดไปโรงเรียนแล้วพ่อแม่เพื่อนเล่าให้ฟังว่านี่ไม่ใช่ของจริงนะ น้องจะถูกบูลลี่จากเพื่อน จะเข้ากับใครไม่ได้ หรือต่อให้ทุกคนบอกว่าเขาเป็นผู้วิเศษจริงๆ เราถามว่าเด็กที่ไหนจะกล้าเข้าไปคุยกับผู้วิเศษ”
“เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้จะถูกเว้นระยะห่างจากเพื่อน เราอาจจะคิดไปเองก็ได้นะ แต่เราประเมินจากการที่เรามีลูก แล้วคุยกับหมอจิตเวชเด็กบ่อยมากๆ เลยรู้สึกว่าอันนี้เราอยากช่วยเขา แต่เขาจะมองมุมกลับยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่สำหรับเรา เราว่าทำแบบนี้ไม่ได้”
หนุ่ม กรรชัย กล่าวอีกว่า อันที่ 2 อันนี้สำคัญมาก คือเรื่องราวของพระพุทธศาสนา เราเป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ อย่างน้อยๆ ทุกคนต้องรู้ ว่าเรื่องราวทั้งหมดตามหลักศาสนามาจากพระไตรปิฏก แต่วันหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาบิดเบือนว่ามันเป็นแบบนี้ๆ นะ แล้วต่อไปในอนาคตจะทำยังไง มันก็เหมือนกับประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน ซึ่งเรายอมไม่ได้ไง ไม่ใช่เพราะเป็นคนดีหรืออะไรนะ แต่เราจะไม่ยอมให้ลูกเรา ต้องมามีศาสนาที่เป็นศาสนาพุทธเหมือนกัน แต่เป็นการบิดเบือนออกไปเรื่อยๆ แล้วไม่มีใครทำอะไรเลย อย่างนี้มันไม่แฟร์
หลังจากที่มีคนมาร่วมด้วยเป็นยังไง?
“คนที่นับถือศาสนาพุทธ เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องราวแบบนี้ เขาอาจจะคิดเหมือนเรา ว่าพุทธศาสนาจะถูกบิดเบือนแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นการปนเปื้อน”
ตอนนี้ฝั่งโน้นได้ดำเนินคดีความกับเราแล้ว?
“หลังจากที่เขาออกมาด่าผม โดยที่คุณพ่อคุณแม่ของเขานั่งอยู่ข้างๆ ด้วย ใช้คำที่ดูหมิ่นผม ดูหมิ่นบริษัทผม เรื่องนี้ได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้บอกใคร แจ้งความเขาตั้งแต่อาทิตย์แรกเลยที่เขาด่า แล้วแจ้งแบบดำเนินคดีด้วย”
“แจ้งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือที่เขาด่าผม ส่วนที่ 2 ที่ด่ารายการ เพราะฉะนั้นคนที่โดนก็มีฝ่ายกฎหมายของเขา มีพ่อแม่ และตัวเด็ก แต่คาดว่าตัวเด็กคงไม่ได้โดนอะไร คงเป็นพ่อแม่ที่เป็นฝ่ายสนับสนุน เขาคงได้รับหมายฟ้องที่เราฟ้องเขาก่อน เขาก็เลยไปฟ้องจากเรื่องเมื่อ 18 ธ.ค. ที่ว่าอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้า”
ยินดีที่จะให้เขามาออกรายการโหนกระแส ?
“ถ้าเกิดเขากล้ามาออกก็ยินดี รายการเราเปิดกว้างอยู่แล้ว ก็ดีนะครับถ้าเกิดเขาอยากออกจะมาพูด เขามองว่ารายการแบบนี้ไม่ไปหรอก เห็นเขาด่าอยู่ แต่ถ้าเกิดเขาอยากจะมาก็มาได้ ถามแค่คำเดียวกล้าหรือเปล่า กล้าก็มา ก็รออยู่”
หลังเกิดเรื่องทางพ่อแม่ของเด็กก็ไม่ได้การติดต่อมา?
“ไม่เคย แล้วก็บอกว่าจะให้ผมไปที่โน่น เพราะเป็นคนเคยพูดเอง ซึ่งเราได้ย้อนกลับไปดูแล้วก็เป็นคนพูดเอง ว่า แม่จ๋าเดี๋ยวผมจะแวะไปนะจ๊ะ ผมอยากจะไปดูว่าเป็นยังไง แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่มีเวลาจะมาคาดคั้นอะไรว่าต้องไป”
ตอนนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกมาตรวจสอบแล้ว?
“ก่อนหน้านี้มีการประสานไปทาง พม. หลายครั้ง หลายคนคงจะทราบว่า พม. ถือ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ไว้หลายฉบับ เรื่องการเอาเด็กมาพูดว่าเป็นผู้วิเศษ และมีการบริจาคเงินเข้าไปทำบุญ อันนี้มันไม่ได้ พม.ต้องเข้าไป”
“ล่าสุดพอ พม. เข้าไป ก็เหมือนโดนเทศนา พม.เองเลยมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งขบวนการศาล เพื่อแยกเด็กออกมา แล้วให้ พม.เข้าไปคุย อีกอันก็คือ สำนักพระพุทธศาสนา ควรแอ๊กชันมากกว่านี้ สำนักบอกว่าตัวเองไม่ได้ถือกฎหมายอะไร จัดการได้แค่พระกับเณร แต่จริงๆ แล้วมันมีกฎหมายสงฆ์อยู่ สามารถใช้ร่วมกับกฎหมายอาญาที่เราใช้กันอยู่ได้”
“แล้วสำนักสงฆ์สามารถไปแจ้งความดำเนินคดีอะไรก็ได้ ไม่ใช่ให้พวกพี่ไปแจ้งความกันเอง เวลาเขาฟ้อง เขาก็ฟ้องเรา เราต้องเสียเงินค่าทนายเสียเวลาไปเดินทาง แต่เราต้องถามว่าภาครัฐทำอะไร
ตอนนี้ พม. เขาเดินหน้าแล้ว สำนักพระพุทธฯ อยากให้พระพุทธประวัติถูกบิดเบือนเหรอ แล้วใครจะจัดการ พอไปบอกตำรวจ ผู้การบอกว่าผมพร้อมเลย ถ้าคุณมีผู้เสียหาย ซึ่งวันนี้เรามีผู้เสียหายแล้ว”
เรื่องนี้ไม่ยอมแน่นอน?
“เรื่องนี้คงไม่ยอม แต่อยากจะฝากไปบอกเขาว่า อยากให้เขาดึงสติกลับมาสักนิดนึง อันนี้ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ อยากให้นึกถึงลูก ลูกจะโตไปแบบนี้คงไม่ได้ เพราะเขาต้องมีสังคมของเขา พ่อแม่มีสิทธิ์ที่จะชี้ทางได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้นำ อันนี้คุณต้องเรียนรู้ให้ดี ไม่อย่างนั้นผมบอกเลยว่า เด็กคนนี้จะอยู่ในสังคมลำบากจริงๆ พอเขาโตแล้วหันกลับมา จะรู้สึกว่าพ่อแม่ทำอะไรกับเขา”
“ยืนยันว่าผมไม่ได้รังแกเด็ก พี่ไม่ได้ทะเลาะกับเด็กและไม่ทะเลาะด้วยกับผู้ใหญ่ เพียงแต่ต้องการปกป้องความถูกต้อง และเรื่องศาสนาอันนี้สำคัญ เราไม่สามารถโตมาในศาสนาพุทธที่มีลัทธิอื่นๆ มาแทรกแซง ถ้าเป็นลัทธิอื่นที่ไม่เกี่ยวกับพุทธเลย จะไม่ยุ่งเลย เพราะผมทำมาเยอะ”
“เอาหม้อมาครอบหัว เคาะหม้อ บอกว่านี่สามารถรักษาโรคได้ อันนี้ก็เรื่องของคุณ คุณจะมานั่งไล่ผีก็เรื่องของคุณ แต่พอคุณมาแตะเรื่องของพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะว่าลูกพี่ก็ต้องโตไปกับพระพุทธศาสนาเหมือนกัน เพราะพี่เป็นชาวพุทธ”
ขอบคุณแหล่งที่มา : khaosod