บันเทิง
- ตอบ
หวาย ปัญญ์ธิษา เล่านาทีชีวิต หัวใจเต้นผิดจังหวะ ขณะถ่ายรายการ ในใจคิดว่าไม่รอดแล้ว เผยสภาพจิตใจ หลังเลิกแฟนหนุ่มที่คบมา 8 ปี
นักร้องสาว หวาย ปัญญ์ธิษา หวิดเอาชีวิตไม่รอด หัวใจเต้นผิดจังหวะขณะถ่ายงาน ต้องแอดมิตด่วน รับชีวิตรวน กลัวไปหมด ไม่กล้าทำกิจกรรมที่เคยทำ แม้กระทั่งนอนก็ไม่กล้า อีกทั้งยังอัพเดตสภาพจิตใจหลังเลิกแฟนหนุ่มคนล่าสุด พร้อมควงคุณแม่หน่อง มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีเป็กกี้ ศรีธัญญา และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

น้องหวายไปถ่ายรายการ แต่อยู่ดีๆ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดอะไรขึ้น? หวาย : “วันนั้นมีอาการเหมือนชาไปหมดตั้งแต่คอลงไปเลย แล้วก่อนหน้าวันนั้นระยะหนึ่งทุกเช้าหนูตื่นบอกคุณแม่ว่าทำไมหัวใจมันเต้นเร็วผิดปกติ เรารู้สึกแปลกๆ เพราะเพิ่งตื่นด้วย แต่ว่าเราเป็นโรคแพนิคอยู่แล้ว ก็เลยบอกตัวเองว่าอาจจะแพนิคหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า พยายามกล่อมตัวเองตลอด วันนั้นไปทำงานเราก็พยายามปลอบตัวเองเหมือนเดิมเวลาเราหายใจไม่ออก หรือเริ่มหายใจเร็ว ทำไมมันแน่นหน้าอก ก็บอกตัวเองว่าอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป เรากำลังจะแพนิคนั่นแหละ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่”
ตอนนั้นร่างกายตอบสนองเรายังไง? หวาย : “ตอนแรกเหมือนจะทำงานต่อได้ แต่ว่าสักพักหายใจไม่ออก เท้าชา มือชา ปกติถ้าเท้าชามือชาจริง แต่ว่าอันนี้มันแน่นหน้าอก มันชามาถึงคอแล้วก็หูซึ่งมันทำอะไรไม่ได้เลย ปกติหนูจะรู้ตัวว่าเกร็งเท้านะ หรือมือเรากำลังเกร็งอยู่นะ แต่อันนี้ไม่รู้สึกแล้ว”
แม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย? แม่หน่อง : “อยู่ค่ะ ตอนนั้นคิดในใจว่าจะยังไงดี แต่ก็ลุ้นว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น ก็คิดว่าเป็นอะไร ก่อนหน้านี้คิดว่าจะเป็นลมก็ไม่ใช่ เพราะวันนั้นอากาศไม่ได้ร้อน ก็เดินชิลชิลดูนู่นดูนี่ คุยสนุกสนาน แล้วมันก็เกิดขึ้น เราเลยงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ทีนี้ทำยังไง? หวาย : “แม่ลุ้น ทุกคนพยายามช่วย”
แม่หน่อง : “ตอนนั้นให้นอนแล้ว ค่อยๆ จับตัว พอดีมีนักท่องเที่ยวเข้ามา เราก็ถามว่ายูเป็นหมอเหรอ เขาบอกว่าไม่ใช่แต่เขาเคยปฐมพยาบาล เขาบอกให้ถอดรองเท้า แล้วเขาเข้ามาบีบนวด เขาคงรู้ว่าเส้นเลือดอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วเขาช่วยอยู่อย่างนั้นหลายนาทีเลย”
หวาย : “หนูรู้สึกว่ามันนานมาก ตอนแรกหนูคิดว่าหนูจะตายจริงๆ หันไปบอกแม่ คิดว่าสโตรกแน่ เหมือนหนูจมน้ำ”
คำพูดของหวายบอกกับแม่ว่ากำลังจะตาย มันไม่ธรรมดาแล้ว? แม่หน่อง : “แม่สายชิล ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่หวายก็ดึงตัวแม่มากอด”
หวาย : “ใช่ หนูคิดว่าหนูจะตาย”
แม่หน่อง : “เราก็ดูก่อนว่าจะเรียกรถหรือยังไง”
หวาย : “หนูเองด้วยอยากให้นางพยาบาลมา ไม่กล้าขยับตัวเองด้วย คิดว่าจะไป”

ตอนนั้นทำไมไม่เรียกรถพยาบาล? แม่หน่อง : “เกือบแล้วๆ เพราะพี่ที่นั่นก็บอกว่าเรียกรถไหม แล้วพอดีมีหน่วยพยาบาลของที่ตลาดนั้นเขาเอาอุปกรณ์มาช่วย เราก็ลองดูสักพักว่าจะโอเคไหม แล้วค่อยๆ เริ่มดีขึ้น”
หวาย : “หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น หนูยังยืนยันกับแม่ว่าหนูไม่เคยเป็นแบบนี้ หัวใจรู้สึกไม่ปกติจริงๆ ก็เลยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต คุณแม่เลยนัดคุณหมอหัวใจเลย”
เดิมทีคิดว่าเป็นสโตรกถึงกับเอาน้ำราดหัวเลย? หวาย : “ใช่”
แม่หน่อง : “ตอนแรกราดหน้าก่อน เพราะว่ากลัวเดี๋ยวถ่ายรายการต่อ พอทำไปทำมา ไม่ไหวแล้ว เขาหยิบเองราดเลย”
หวาย : “แล้วตอนราดอันนั้นคือก่อนที่มันจะชาด้วยนะ เพราะหนูบอกตัวเอง ยังคิดว่ามันจะแพนิคอยู่ ยังไงก็หาย ตอนแรกราดหน้าก่อนมันจะได้ตื่น แต่มันไม่ใช่”
คนที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ มันจะรู้สึกเจ็บ เรามีอาการแบบนี้ไหม? หวาย : “มันแน่น มันไม่ได้เจ็บเหมือนมีใครมาแทง แต่หนูรู้สึกว่ามันแน่นตั้งแต่ตรงท้องขึ้นมา เหมือนมันบีบ”
สุดท้ายไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกว่ายังไง? หวาย : “หัวใจเต้นผิดปกติ”
พอคุณหมอบอกเราเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เราจัดการกับโรคนี้ยังไง? หวาย : “ด้วยความที่หนูเป็นโรคแพนิคด้วย ยังคิดอยู่กับตัวเองว่ามันแพนิค แต่ว่าในขั้นที่เราไม่เคยเป็นหรือเปล่า แต่พอไปคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าอยากให้ติดเครื่องมอนิเตอร์หัวใจ ถามว่ามีแอปเปิ้ลวอชใช่ไหม ซึ่งตัวหวายเองก็มีแต่ไม่ใส่ คุณหมอบอกให้ใส่ อยากให้ติดมอนิเตอร์หัวใจวันนั้นเลย อยากให้แอดมิต รอดูอาการด้วย แต่ว่าหนูยังไม่อยากติด และยังไม่อยากแอดมิต ก็เลยบอกว่าถ้าหนูกลับไปใส่แอปเปิ้ลวอช ก่อนได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ ลองกลับไปพักที่บ้านก่อน ทีนี้พอกลับไปหาคุณหมออีกที สรุปมันเต้นไม่ปกติจริงๆ”
สรุปเป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะจริงๆ? หวาย : “ใช่ ก็เลยต้องติดเครื่องกลับบ้าน ยืนยันกับเครื่องและแอปเปิ้ล วอช ทั้งคู่เลยว่ามันเต้นผิดจังหวะจริงไหม ปกติต้องต่ำกว่า 100 แต่ของหนูขึ้นไป 168-170 ตอนแรกหนูไม่รู้นะว่า 168-170 มันไม่ดี ก็ต้องติดเครื่องไปตลอด ตอนนี้คุณหมอให้ทานยาทุกเช้า ทุกเย็น แล้วหัวใจมันจะเต้นช้าลง”

สมาร์ท วอช มันจะรู้ได้ยังไงว่าเราหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่? หวาย : “ของหวายจะต้องดูตลอด”
เราได้ถามคุณหมอไหม ทำไมโรคนี้มันเกิดขึ้นกับเรา? หวาย : “ถามค่ะ หนูกลัวมาก แล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงเป็น ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมต้องช่วงอายุนี้ แต่คุณหมอบอกว่ามันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แค่ของเราเลือกที่จะเป็นตอนนี้เท่านั้นเอง”
โรคนี้สภาวะร้ายแรงที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง? แม่หน่อง : “มันน่าจะไม่ดีกับหัวใจ เพราะถ้ามันเต้นเร็วตลอดเวลา เหมือนวันนั้นที่จ๊อดแฟร์ เขาบอกว่าเขาเป็นอย่างนี้มา 1 อาทิตย์แล้ว เราไม่ได้ทำอะไร คิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย พอตรงนั้นรู้เลยว่ามันคงจะเต้นเร็วตลอดเวลา จนเขาไม่ไหว”
โรคนี้มีความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น บางทีอาจถึงสภาวะเสียชีวิต? หวาย : “กลัวมาก เพราะหวายเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ขี้กังวล ช่วงแรกหนูลำบากมาก หนูเป็นคนที่นอนหลับยากอยู่แล้ว พอเรารู้ว่าเราเป็นแบบนี้เวลาตื่นบ่อยสุดหรือเยอะสุด มันก็กลายเป็นไม่กล้านอนแล้ว พอนอนได้ก็ไม่อยากตื่น เพราะถ้าตื่นมันก็จะเป็น ก็จะพยายามนอนแต่มันก็ไม่ได้อีก ทุกเช้าเลยหนูจะกลัว ไม่โอเคจริงๆ หลายวันที่ต้องเข้าไปโรงพยาบาลเลยหลังตื่นเพราะมันไม่ไหว มีวันนึงหนูจะโยนตัวเองในสระน้ำเลย มันอธิบายไม่ถูก มันลำบากมาก ด้วยความที่ว่าไม่ค่อยออกจากบ้านหรือทำอะไรด้วย เราก้าวข้ามตรงนั้นมาได้ อยากทำกิจกรรม อยากเล่นไอซ์สเก็ต อยากเจอเพื่อน กว่ามันจะมาถึงสเต็ปนี้กับโรคที่หนูเป็น คิดมากนู่นนี่มันก็นานเหมือนกัน แล้วพอเราทำได้ หนูก็ติดตรงนี้อีกไม่กล้าไปเล่นไอซ์สเก็ตอีก ไม่กล้าออกไปไหนอีก ยังไม่กล้าออกกำลังกาย ซึ่งจริงๆ แล้วคุณหมอบอกอยากให้เริ่มออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ตัวเราเอง มันกังวล กลัวไปหมด”
เห็นว่าไปหาคุณหมอ คุณหมอเป็นคนเดียวกับของคุณแม่ คุณแม่เองก็มีอาการไม่สบาย? แม่หน่อง : “แม่สบายดี แต่ว่าไปเช็กอัพร่างกายมา เขาบอกมีแคลเซียมเกาะที่เส้นเลือดประมาณโรคหัวใจ อยากจะไปปรึกษาคุณหมอโรคหัวใจไหม เราก็กลัว งั้นเราไปดีกว่า คุณหมอบอกว่าถ้าเราอยากจะทานยาก็ทานได้นะ แต่เราก็บอกว่าอย่าเพิ่งเลย ขอก่อน ไปดูแลตัวเองก่อน แล้วพอลูกเป็นเราก็โทรหาคุณหมอท่านนี้เลยทันที”

เห็นว่าหวายเองพอมาเป็นแบบนี้มันทำให้พลาดโอกาส พลาดกิจกรรมหลายอย่างที่เราเองก็ใฝ่ฝัน เฝ้ารอ? หวาย : “ใช่ ล่าสุดเหมือนทางค่ายไปเอ้าท์ติ้งกันทุกคนเลย สนุกกันหมดเลย แล้วหนูอด หนูชอบเล่นเกม แล้วอยากไปพักผ่อนด้วย เห็นเพื่อนโพสต์ภาพแล้วอิจฉามาก”
หลังจากนี้คุณหมอได้วางแนวทางการรักษาไว้ยังไงบ้าง? หวาย : “ตอนนี้ต้องทานยาไปเรื่อยๆ ก่อนให้ครบ 1 เดือน แล้วกลับไปหาคุณหมอ”
มีโอกาสหายไหม? หวาย : “ต้องมี ต้องหาย ไม่อยากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ รู้สึกดีใจมากที่เราเป็นแค่นี้ แล้วเราเริ่มรักษาทัน เพราะถ้าหนูไม่ได้บอกคุณแม่หรือปล่อยให้มันเต้นเร็วไปเรื่อยๆ หนูเชื่อเลยมันไม่เป็นแค่นี้แน่นอน”
เห็นว่าอีกอย่างที่เป็นปัญหากับหวายเหมือนกัน คือทานยายาก? หวาย : “ใช่ เกลียดมาก แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าดีขึ้น เพราะว่าด้วยความที่เรากลัวโรคหัวใจมาก หนูก็เลยบังคับตัวเองต้องกินๆ มันเลยกลายเป็นว่าหนูมีวินัยในเรื่องนี้มากขึ้น”
หวายมีความสามารถกว่าหมอ คือหยุดยาแพนิคเอง? แม่หน่อง : “ประจำด้วย แม่มาดูยาเหลือเต็มเลย เสียดายมาก ยาแพง”
หวาย : “มันเป็นฟีลแบบไม่ต้องกินหรอก ขี้เกียจกิน เราอยู่ได้ แต่จริงๆ มันอยู่ไม่ได้ มันไม่ดี อย่าทำเป็นตัวอย่าง ต้องให้คุณหมอบอกอย่างเดียว”
แล้วโรคหัวใจผิดจังหวะที่กำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคืออะไร? แม่หน่อง : “มันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเป็นตอนเช้า มันเลยงง ถามเขาว่าตอนกลางคืนฝันร้ายไหม เขาบอกไม่เลย”
หวาย : “คนเราแพนิคได้ตอนตื่นก็มี แต่หนูยังไม่ได้นึกถึงอะไรเลยก่อนที่จะตื่น แล้วหนูไม่ได้ฝันร้ายด้วย ก็เลยจะงงๆ หน่อย สมมติกลางวันหลับแล้วตื่นก็เป็นเหมือนกัน”
เมื่อปลายปี เลิกกับแฟนหนุ่มที่คบมา 8 ปี ณ ตอนนี้หัวใจเป็นยังไง? หวาย : “ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ โอเค โอเพ่น”
สเป๊กที่เราต้องการเป็นยังไง? หวาย : “ตอนนี้พอโตขึ้นมันก็ยังไงก็ได้ ขอให้เขาดูแลเราดีก็พอ”
มีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะหรือยัง? หวาย : “มันก็มีบ้าง เข้ามาเป็นเพื่อนๆ มากกว่า แต่มีแต่เด็กๆ ทั้งนั้นเลย หนูโอเคถ้าสมมติว่าเด็ก แต่สมองไม่เด็กมากแต่ที่เข้ามาความคิดมันเด็กๆ ทั้งนั้นเลย”
คลิปสัมภาษณ์ หวาย ปัญญ์ธิษา และแม่หน่อง
ขอขอบคุณ แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7748208